คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนข่มขู่จำเลยเข้าไปในโรงแรมที่เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้ปลุกปล้ำจำเลย จำเลยต่อสู้ปัดป้อง แต่สู้ไม่ได้เพราะผู้เสียหายเป็นชายมีรูปร่างสูงใหญ่ จำเลยจึงหลอกให้ผู้เสียหายวางอาวุธปืนโดยแกล้งทำเป็นสมยอม เมื่อผู้เสียหายวางอาวุธปืนไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินกลับขึ้นเตียง จำเลยจึงพลิกตัวไปหยิบอาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณทรวงอก แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เป็นการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายปลุกปล้ำกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราจำเลย อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อให้ตนเองพ้นจากอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4462/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด การพิจารณาจากบาดแผลและผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ
จำเลยใช้อาวุธมีดยาวประมาณ 4-5 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่ชายโครงทำให้เส้นเลือดใหญ่ในช่องท้องของผู้เสียหายฉีกขาด มีบาดแผลถูกลำไส้ใหญ่ 2 แผล และมีเลือดออกในช่องท้องมาก แสดงว่าจำเลยแทงอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4461/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้อาวุธปืนเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายด้วยมีด
โจทก์ร่วมเป็นฝ่ายก่อเหตุเข้ามาตบจำเลยในสวนยางพาราของจำเลยแล้วใช้มีดแทงจำเลย จำเลยแย่งมีดจากโจทก์ร่วม แต่แย่งไม่ได้จึงใช้อาวุธปืนซึ่งจำเลยมีติดตัวยิงโจทก์ร่วม 1 นัด ถูกที่บริเวณขาขวาของโจทก์ร่วม การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงถูกบริเวณขาขวาของโจทก์ร่วมเพียง 1 นัดในขณะที่โจทก์ร่วมกำลังใช้มีดแทงจำเลยเพื่อไม่ให้โจทก์ร่วมแทงจำเลยต่อไปนั้น เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4314/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยสำคัญผิดเกินกว่าเหตุ: การกระทำเมื่อสำคัญผิดว่าถูกทำร้าย แม้ผู้ตายไม่มีอาวุธ
ขณะที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้นเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องหลังจากที่ พ.ชกจำเลยล้มลงแล้ว ผู้ตายก้มตัวจะดึงจำเลยขึ้น แต่จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลย ซึ่งหากมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นจริง จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการใด ๆ เพื่อป้องกันตนได้แต่ก่อนเกิดเหตุจำเลยรู้อยู่แล้วว่า ผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นเครือญาติกับจำเลยเองไม่มีผู้ใดมีอาวุธและตามพฤติการณ์ไม่มีเหตุผลใดที่ฝ่ายผู้ตายจะรุมทำร้ายจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยสำคัญผิดและเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4289/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์การกระทำและบาดแผล
จำเลยใช้มีดปลายแหลมเฉพาะใบมีดยาวประมาณ 5 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 1 ครั้ง ถูกบริเวณช่องท้องด้านซ้าย 1 แผล บาดแผลกว้างและลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ถึงกล้ามเนื้อ แต่ไม่เข้าถึงช่องท้องแสดงว่าจำเลยแทงไม่แรง และจำเลยมีโอกาสที่จะเลือกแทงอวัยวะที่สำคัญกว่านี้ได้ แต่ก็หาได้ทำไม่ อีกทั้งหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงไม่ผลักผู้เสียหายลงไปในร่องสวน หรือแม้ผู้เสียหายตกลงไปในร่องสวนแล้วจำเลยก็อาจจะตามลงไปแทงผู้เสียหายอีกได้แต่จำเลยก็หาได้ติดตามลงไปแทงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีแต่เพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4154/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานและการใช้ปืนข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ดิ้นหลุดมาได้ จำเลยที่ 2 ก็ใช้ขวานซึ่งมีใบขวานกว้างประมาณ3 นิ้ว ฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้ายศีรษะและท้ายทอย จำเลยที่ 1วิ่งไปหยิบปืนมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า"ฆ่าให้ตาย" และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 9 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9 และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล หากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงประกอบกับเป็นขวานค่อนข้างใหญ่ จึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดซึ่งมีความยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ 1 ฟุตฟันผู้เสียหายที่ 1 ที่บริเวณใบหน้าซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญขณะผู้เสียหายที่ 1 นั่งขับรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่มีโอกาสหลบเลี่ยงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 มีบาดแผลขอบเรียบยาว 15 เซนติเมตรพาก*จากหน้าผากยาวไปยังโหนกแก้ม แผลลึกถึงกะโหลกศีรษะ มีรอยแตกของกระดูกไปตามแผลยาว 13 เซนติเมตร ลึก 0.3 เซนติเมตร มีอาการบวมช้ำของขอบตาขวาใกล้กับรอยแผลอันเป็นบาดแผลฉกรรจ์เช่นนี้จำเลยย่อมจะต้องเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ถึงแก่ความตายได้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 1 แล้ว ส่วนการที่จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ 2 รวม 2 ครั้ง แต่ขณะจำเลยจะฟันผู้เสียหายที่ 2 รู้ตัวล่วงหน้าได้ยกแขนขึ้นรับจำเลยย่อมจะต้องเห็นอยู่แล้วว่าผู้เสียหายที่ 2 ยกแขนขึ้นรับไว้ก่อนแล้วต้องถือว่าจำเลยมีความประสงค์จะฟันแขนผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น ซึ่งมิใช่อวัยวะสำคัญที่จะเล็งเห็นว่าอาจทำให้ผู้เสียหายที่ 2 ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 2แต่มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3471/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจากสารภาพและการมอบตัวเพื่อรับผิดชอบอาญา แม้พยานหลักฐานมัดตัว
แม้พฤติการณ์แห่งคดีจะเป็นที่สะเทือนขวัญของประชาชนอย่างยิ่งและจำเลยให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีของศาล ก็ด้วยเหตุที่จำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ก็ตาม แต่การที่จำเลยเข้ามามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อสารภาพความผิด และนำชี้ที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวนทำแผนที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงมีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้แก่จำเลย โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92มาด้วย เมื่อศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา 54ให้เพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดจากผลที่เพิ่มแล้วนั้น เมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิต จึงคงลดโทษให้จำเลยสถานเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3364/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การกระทำโดยสำคัญผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินและการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายบุกรุกบ้านจำเลยในเวลาประมาณ 22 นาฬิกา โดยเข้าทางบันไดหน้าบ้านจำเลยซึ่งไม่มีประตูหรือฝากั้น จำเลยอยู่ห่างจากผู้ตายไม่มากนัก ร้องถามว่า ใคร ๆ แต่ผู้ตายไม่ตอบ การที่จำเลยสำคัญผิดเข้าใจว่าผู้ตายอาจเป็นคนร้ายที่เข้ามาจะลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ และใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด เป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและการพกพาอาวุธปืนในพื้นที่ป่าสงวน
จำเลยคว้าเอาอาวุธปืนแก๊ปยาวที่ผู้ตายพิงไว้ที่ต้นไม้มายิงผู้ตายในทันทีทันใดโดยไม่มีเหตุป้องกันตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตาม ป.อ.มาตรา 288
ที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หลังเกิดเหตุจำเลยพาอาวุธปืนเดินไปตามป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ปรากฏว่าเป็นทางที่ประชาชนใช้ในการจราจร ไม่มีหมู่บ้าน เพราะเดินอ้อมภูเขา จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิวรรคหนึ่ง
of 223