คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18279/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฆ่าผู้อื่น: การกระทำที่ต่อเนื่องและการไม่มีเจตนาช่วยเหลือ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับ ย. วางแผนฆ่าผู้ตายและไม่รู้มาก่อนว่า ย. มีและพาอาวุธปืนติดตัวมาด้วย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามฟ้องและโจทก์มิได้อุทธรณ์ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้เป็นยุติว่า ขณะที่ ย. ยิงผู้ตายนั้นจำเลยที่ 1 ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย จำเลยที่ 1 จะมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ ย. ฆ่าผู้ตายนั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 รู้มาก่อนแล้วว่า ย. ให้จำเลยที่ 1 ขับรถพาไปหาผู้ตายเพื่อฆ่าผู้ตาย เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่รู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวมาก่อน การที่ ย. ยิงผู้ตายนัดแรกขณะที่นั่งซ้อนท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับมาแล้วลงจากรถตรงไปยิงผู้ตายซ้ำ อันเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ขับรถหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ แต่ขับรถวกกลับมารับ ย. ตามเสียงตะโกนเรียกของ ย. และพาหลบหนีไป ก็มิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ย. ฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16867/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาทำร้าย vs. ผลเกินเจตนา และความรับผิดร่วม
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้งสอง และผู้เสียหายทั้งสี่ข้ามเรือโดยสารจากคลองสานไปท่าเรือสี่พระยา ขณะเรือเทียบท่าเรือสี่พระยา กลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คน มีจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 รวมอยู่ด้วยลงมาที่เรือ มีผู้ชกต่อยเตะถีบโดยมีคนพูดว่าวันนี้เปิดเทอมวันแรก กลุ่มผู้เสียหายข้ามฝั่งมาทำไม ให้ว่ายน้ำกลับไป มีลักษณะข่มขู่ให้โดดลงแม่น้ำ เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่ตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ตายทั้งสองจมน้ำหายไป ผู้เสียหายทั้งสี่มีผู้ช่วยขึ้นจากน้ำได้ แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ร่วมกับพวกทำร้ายผู้เสียหายทั้งสี่และผู้ตายทั้งสองจนตกลงไปหรือยอมกระโดดลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาก็ตาม แต่หากไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย น่าจะต้องห้ามปรามพวกของตนไม่ให้กระทำเช่นนั้น หรือหากห้ามปรามแล้วไม่ฟัง ก็น่าจะต้องรีบปลีกตัวออกมาทันที อีกทั้งเมื่อผู้เสียหายทั้งสี่และผู้ตายทั้งสองลงไปอยู่ในแม่น้ำแล้ว จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับพวกคนอื่น แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจกับพวกในการกระทำดังกล่าวด้วย แต่ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 กับผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่มีสาเหตุโกรธเคืองกันรุนแรงถึงขนาดจะต้องฆ่ากันให้ตายและเมื่อผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่ลงไปอยู่ในแม่น้ำแล้ว จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 กับพวก ก็พากันออกมากจากเรือข้ามฟากที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้ขัดขวางหรือห้ามไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่ กรณีมีเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เพียงแต่มีเจตนาทำร้ายผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่ด้วยความคึกคะนองเพื่อให้เกิดความอับอาย โดยมิได้ประสงค์ให้ผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่ถึงแก่ความตาย ก่อนที่จะมีคนช่วยเหลือขึ้นมาจากแม่น้ำ ผู้เสียหายทั้งสี่ยังสามารถพยุงตัวลอยอยู่ในน้ำได้ แสดงว่าขณะนั้นแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้ไหลเชี่ยวมากนัก ขณะที่กระทำการดังกล่าวจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ไม่น่าจะเล็งเห็นอยู่แล้วว่าอาจทำให้ผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหายทั้งสี่ถึงแก่ความตายได้ แต่เมื่อการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดผลเกินเจตนา กล่าวคือเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ย่อมต้องมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายทั้งสองเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายทั้งสี่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16136/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. ฆ่า และการร่วมกระทำความผิด: กรณีพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย
จากพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ที่พบเห็นผู้เสียหายที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์พาเด็กหญิง ม. ซึ่งเคยเป็นคนรักของจำเลยที่ 2 มาซื้อของ จำเลยที่ 2 จึงขับรถจักรยานยนต์ติดตามไปปาดหน้ารถของผู้เสียหายที่ 1 และใช้อาวุธมีดชี้หน้าบังคับให้หยุดรถ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ติดตามมาโดยมีคนร้ายนั่งซ้อนท้ายมาจอดในบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายที่ 1 ทันที และหลบหนี้ไปด้วยกันย่อมบ่งชี้ชัดว่า จำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมสมคบกับพวกมาทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับพวกในการใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายที่ 1 จริง แต่การที่พวกของจำเลยที่ 2 ใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายที่ 1 ที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ แต่ก็ฟันเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ผู้เสียหายที่ 1 ไม่ทันระวังตัว ไม่ได้ต่อสู้หรือมีผู้ใดขัดขวาง หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยที่ 2 ฟันผู้เสียหายที่ 1 ซ้ำอีก ทั้งบาดแผลที่ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับ มีความยาว 5 เซนติเมตร ไม่ลึกถึงกะโหลกศีรษะ สามารถรักษาได้ภายใน 7 ถึง 14 วัน แสดงว่าไม่ได้ฟันโดยแรง ทั้ง ๆ ที่เป็นอาวุธมีดขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ฟัน อันตรายต่อชีวิตได้โดยฟันครั้งเดียว พฤติการณ์แห่งคดีคงฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 2 กับพวกมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 เท่านั้น ไม่มีเจตนาฆ่า ผู้เสียหายที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงไม่ผิดฐานพยายามฆ่า และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี จำเลยที่ 1 ซึ่งถูกฟ้องกล่าวหาว่าร่วมกระทำความผิดย่อมได้รับประโยชน์ด้วย แม้คดีส่วนของจำเลยที่ 1 จะยุติแล้ว ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13923/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การมีวัตถุระเบิดและการกระทำความผิดจนผู้อื่นเสียชีวิต
การที่จำเลยที่ 1 ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง แล้วใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวปาใส่บุคคลที่นั่งชมการแสดงหมอลำจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 ได้รับอันตรายสาหัส และผู้เสียหายที่ 4 ถึงที่ 8 ได้รับอันตรายแก่กาย เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันโดยจำเลยที่ 1 มีเจตนาเดียวคือกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย กับผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 8 ได้รับอันตรายสาหัสและอันตรายแก่กาย การกระทำของจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้และฐานใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ฐานกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและรับอันตรายสาหัส ฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12613/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โจทก์ร่วมไม่ฎีกาคดีส่วนแพ่ง สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายสิ้นสุด
การที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวก แอบดักซุ่มทำร้ายผู้ตายกับพวก หลังจากมีเหตุวิวาทชกต่อยกันแล้ว โดยได้ความจากคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกบางคนมีมีดเป็นอาวุธ ส่วนคนร้ายที่ไม่มีมีด ก็ตัดต้นไม้ยูคาลิปตัสข้างทางเป็นท่อน ๆ ใช้เป็นอาวุธ เมื่อผู้ตายกับพวกขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกก็วิ่งกรูกันออกมาทำร้าย โดยมิได้เลือกว่าจะทำร้ายบุคคลใดเป็นเฉพาะเจาะจง ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกคิดใคร่ครวญวางแผนตกลงที่จะทำร้ายผู้ตายกับพวก โดยประสงค์ถือเอาการกระทำของแต่ละคนเป็นการกระทำของตน ถือได้ว่าเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันนับเป็นตัวการ ดังนี้ แม้ไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นผู้ฟันทำร้ายผู้ตาย แต่เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นตัวการแล้ว นอกจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 จะมีความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และมีความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยังมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรกับความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเกี่ยวเนื่องกัน เพราะที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรเพื่อที่จะไปทำร้ายผู้ตายกับพวก จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยกคำขอส่วนแพ่งที่ขอให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนของโจทก์ร่วม แม้โจทก์จะฎีกาในคดีส่วนอาญา แต่โจทก์ร่วมมิได้ฎีกาในคดีส่วนแพ่ง เท่ากับโจทก์ร่วมพอใจในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 คดีส่วนแพ่งของโจทก์ร่วมจึงเป็นอันยุติไป ศาลฎีกาไม่อาจพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11666/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุกทำร้ายร่างกายก่อนแล้วค่อยเจตนาฆ่า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักอาศัยของผู้เสียหายที่ 1 แล้วชกต่อยผู้เสียหายที่ 2 แสดงว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาแต่แรกเพียงที่จะทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น แต่ภายหลังจำเลยชกต่อยกับผู้เสียหายที่ 2 แล้ว จำเลยเรียก ว. เข้ามายิงผู้เสียหายที่ 2 ในขณะผู้เสียหายที่ 2 ล้มนอนบนพื้น การที่ ว. ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 จึงเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นภายหลัง การกระทำของจำเลยกับพวกในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาด กับความผิดฐานร่วมกันบุกรุก จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7564/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เข้าข้อยกเว้นบันดาลโทสะ การพิจารณาโทษที่เหมาะสม
การที่จำเลยต่อว่าผู้ตายเรื่องที่ผู้ตายมีหญิงอื่นและเกิดการโต้เถียงกัน จำเลยจึงเข้าไปทุบตัวผู้ตาย ผู้ตายพูดว่า กูไม่อยู่กับมึง กูทนไม่ไหวแล้ว กูจะหย่ากับมึงอีแก่ เมื่อจำเลยได้ยินคำพูดเช่นนั้น จำเลยเกิดความโมโหมาก จึงไปเอาอาวุธปืนที่จำเลยซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะคอมพิวเตอร์ออกมายิงผู้ตาย 4 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตาย ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยยังมิใช่การกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6397/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิเกินสมควร และอำนาจโจทก์ร่วม/การเรียกร้องค่าเสียหายในคดีอาญา
เมื่อ ส. ผู้ตายเป็นผู้ก่อให้จำเลยกระทำความผิด ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยสำหรับความผิดตาม ป.อ. มาตารา 288 ประกอบมาตรา 69 โจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นมารดาผู้ตายย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้ตายได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 5 (2) และไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตาม ป.วิ.อ. มาตรา 30 และยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6043-6044/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องและการดำเนินการพิจารณาใหม่ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ได้ความตามคำเบิกความของจำเลยประกอบทะเบียนบ้าน และสัญญาเช่าทรัพย์สินว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 55/22 ตรอกวัดใหญ่ศรีสุพรรณ ถนนอินทรพิทักษ์ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถเดินทางไปบ้านดังกล่าวได้ แต่การส่งสำเนาอุทธรณ์เพื่อให้จำเลยแก้อุทธรณ์ ระบุบ้านที่อยู่ของจำเลยเป็นแขวงบางยี่เรือ ซึ่งเป็นการระบุตามที่ปรากฏในฟ้อง และไม่มีการระบุตรอก เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ส่งหมายส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากหาไม่พบ กรณีดังกล่าวเป็นการผิดหลงในเรื่องภูมิลำเนาของจำเลย อย่างไรก็ตาม จำเลยแต่งตั้งทนายความเข้ามาต่อสู้คดีตั้งแต่ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยแทน แต่ศาลชั้นต้นสั่งให้รีบส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีโอกาสแก้อุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนเฉพาะการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น โดยมิได้พิจารณาสั่งเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยว่าชอบหรือไม่ คำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่ชอบ แม้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังใหม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวก็เป็นการพิจารณาพิพากษาโดยมิชอบด้วยเช่นกัน กรณีมีเหตุสมควรให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225 และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3284/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบกันชี้ชัด จำเลยคือผู้ลงมือสังหาร คำบอกเล่าผู้ตายก่อนเสียชีวิตมีน้ำหนักเชื่อถือได้
แม้ ก. ส. และร้อยตำรวจเอก ว. พยานโจทก์ทั้งสามเป็นพยานบอกเล่า และผู้ตายผู้บอกเล่าไม่ได้ มาเบิกความต่อศาลเพราะถูกยิงถึงแก่ความตายก็ตาม แต่การที่ผู้ตายบอกแก่พยานโจทก์ทั้งสามทันทีที่พยานโจทก์ทั้งสามพบผู้ตายที่โรงพยาบาลพัทลุงภายหลังเกิดเหตุประมาณ 3 ชั่วโมง ว่าคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนารี และเมื่อร้อยตำรวจเอก ว. ให้ผู้ตายดูภาพถ่ายผู้ต้องสงสัยจากแฟ้มอาชญากรรมรวมทั้งภาพถ่ายจำเลย ผู้ตายก็ชี้ภาพถ่ายจำเลยว่าเป็นคนร้ายทันที แสดงว่าผู้ตายยังมีสติสัมปชัญญะดีและจำคนร้ายได้แน่นอนว่าเป็นจำเลยจริง และคำบอกเล่าของผู้ตายเช่นนี้รับฟังได้ในฐานะที่เป็นคำระบุบอกกล่าวในเวลาใกล้ชิดกับเหตุอย่างมาก อันไม่มีโอกาสที่ผู้ตายจะคิดใส่ความหรือปรักปรำจำเลยได้ทัน จึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ เมื่อพิจารณาประกอบบาดแผลของผู้ตายที่มีรอยครูดถลอกที่บริเวณข้อศอกขวาและเข่าขวากับกองเลือดของผู้ตาย รองเท้าแตะ อาวุธมีดที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และสำเนาใบสำคัญการสมรสของผู้ตายที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่ซึ่งร้อยตำรวจโท ส. ตรวจยึดไว้จากที่เกิดเหตุ ทำให้น่าเชื่อตามคำเบิกความของ ส. และร้อยตำรวจเอก ว. พยานโจทก์ที่ว่าวันเกิดเหตุผู้ตายไปพบนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนารี โดยนำสำเนาทะเบียนสมรสดังกล่าวไปเป็นหลักฐาน หลังจากนั้นผู้ตายออกมารอรถโดยสารประจำทางที่ศาลาที่เกิดเหตุและมีคนร้ายลงจากรถยนต์มายิงผู้ตายในระยะใกล้แล้วเกิดการต่อสู้กันด้วย ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง
of 223