พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3991/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส: การพิจารณาจากบาดแผลและเหตุการณ์
จำเลยใช้มีดพร้าเฉพาะตัวมีดยาว 15.5 นิ้ว กว้าง 1.8 นิ้วเป็นอาวุธฟันผู้เสียหายเพียงครั้งเดียว มิได้ฟันซ้ำ ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสกระทำเช่นนั้นได้ ขณะจำเลยยกมีดขึ้นฟันผู้เสียหาย ผู้เสียหายยกมือซ้ายขึ้นปิดป้อง คมมีดจึงถูกผู้เสียหายที่ข้อมือซ้าย ใบหูซ้ายบริเวณท้ายทอยและกะโหลกศีรษะบริเวณท้ายทอยด้านซ้าย แม้จำเลยจะฟันถูกที่ศีรษะและบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ แต่ในขณะที่จำเลยฟัน ผู้เสียหายนั่งอยู่ใต้ซอกโต๊ะ และเป็นการฟันในทันทีหลังจากผู้เสียหายถูกผู้อื่นเตะล้มลง จำเลยจึงฟันส่งไป บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจึงเป็นการบังเอิญ และแม้มีดที่ฟันจะมีความยาวและความกว้างของใบมีดพอที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้แต่ความลึกของบาดแผลที่ท้ายทอยลึกเพียง 3 เซนติเมตร ที่ใบหูและข้อมือซ้ายลึกเพียง 0.5 เซนติเมตรเท่านั้น แสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายไม่แรง จำเลยจึงมิได้ฟันผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าหากแต่มีเพียงเจตนาทำร้ายเท่านั้น เมื่อปรากฏว่ากระดูกบริเวณท้ายทอยแตกร้าวจะหายภายใน 6 สัปดาห์ อันเป็นการเจ็บป่วยจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ศาลพิจารณาเจตนาและลักษณะบาดแผลเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยกับพวกรวม 7 คน รุมทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้ขวดน้ำอัดลมและเหล็กเปิดน้ำอัดลมซึ่งด้านหนึ่งไม่มีคม อีกด้านหนึ่งมีคม ยาว จากปลายแหลมถึงที่กั้น 1.2 เซนติเมตร เป็นอาวุธแทงคนละที และ ไม่มีโอกาสเลือกแทง ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงด้วยขวดน้ำอัดลม ที่ หางคิ้วซ้าย เป็นแผลฉีกขาดลึกครึ่งเซนติเมตรยาวเพียง 2 เซนติเมตร ถ้า ไม่มีโรคแทรกซ้อนจะรักษาหายภายใน 7 วัน ส่วนแผลที่ถูกแทงด้วย เหล็กเปิดน้ำอัดลมที่หน้าท้องมีรอยช้ำเล็กน้อย ไม่ต้องรักษาบาดแผล ไม่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยกับพวก ยัง ถือไม่ได้ว่า มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงเพียงแต่มีเจตนาทำร้าย ร่างกาย เท่านั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย รุมทำร้ายด้วยอาวุธไม่มีคมและมีคม บาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต
จำเลยกับพวกรวม 7 คน รุมทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้ขวดน้ำอัดลมและเหล็กเปิดน้ำอัดลมซึ่งด้านหนึ่งไม่มีคม อีกด้านหนึ่งมีคม ยาวจากปลายแหลมถึงที่กั้น 1.2 เซนติเมตรเป็นอาวุธแทงคนละทีและไม่มีโอกาสเลือกแทง ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงด้วยขวดน้ำอัดลมที่หางคิ้วซ้าย เป็นแผลฉีกขาดลึกครึ่งเซนติเมตร ยาวเพียง 2 เซนติเมตร ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะรักษาหายภายใน 7 วัน ส่วนแผลที่ถูกแทงด้วยเหล็กเปิดน้ำอัดลมที่หน้าท้องมีรอยช้ำเล็กน้อย ไม่ต้องรักษาบาดแผลไม่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยกับพวกยังถือไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์เพื่อตัดสินความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 เซนติเมตร ยาว50 เซนติเมตรตีผู้เสียหายที่ศีรษะหลายที มีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะด้านซ้ายยาว 5 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร ซึ่งได้ความจากแพทย์ ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายว่าไม่ทำให้ถึงตายและกะโหลกศีรษะไม่แตก แสดงว่าจำเลยไม่ได้ตีโดยแรง เมื่อผู้เสียหายล้มลงมุด ศีรษะเข้าไปใต้รถเข็น จำเลยลากขาผู้เสียหายเพื่อให้ออกมา แต่มีคนร้องห้าม จำเลยก็หยุด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกาย, เจตนา, บาดแผล, ไม่มีเจตนาฆ่า, การกระทำผิด
จำเลยใช้ท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตรตีผู้เสียหายที่ศีรษะหลายที มีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะด้านซ้ายยาว 5 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตรซึ่งได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายว่าไม่ทำให้ถึงตายและกะโหลกศีรษะไม่แตกแสดงว่าจำเลยไม่ได้ตีโดยแรง เมื่อผู้เสียหายล้มลงมุดศีรษะเข้าไปใต้รถเข็น จำเลยลากขาผู้เสียหายเพื่อให้ออกมา แต่มีคนร้องห้าม จำเลยก็หยุด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การขู่ด้วยอาวุธปืนและการกระทำภายหลังเมาสุรา
จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ที่ขมับผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่า กูจะฆ่ามึงทิ้ง ถ้ามึงไปถึงกิ่งเมื่อไรกูจะฆ่าเมื่อนั้น ดังนี้ คำพูดของจำเลยขณะที่ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายมีความหมายชัดเจนว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายเมื่อไปถึงกิ่งอำเภอไม่ใช่ยิงในขณะนั้นเป็นการกระทำในลักษณะขู่ผู้เสียหายมากกว่า หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ก็คงใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้เสียหายทันทีโดยไม่ต้องใช้อาวุธปืนจี้และมีการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตเช่นนั้น ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และจำเลยกระทำในขณะเมาสุรา การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การขู่ด้วยอาวุธปืนและการเมาสุรา ไม่ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ที่ขมับผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่า กูจะฆ่ามึงทิ้ง ถ้ามึงไปถึงกิ่งอำเภอเมื่อไรกูจะฆ่าเมื่อนั้น ดังนี้คำพูดของจำเลยขณะที่ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายมีความหมายชัดเจนว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายเมื่อไปถึงกิ่งอำเภอไม่ใช่ยิงในขณะนั้นเป็นการกระทำในลักษณะขู่ผู้เสียหายมากกว่า หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้เสียหายทันทีโดยไม่ต้องใช้อาวุธปืนจี้และมีการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตเช่นนั้น ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และจำเลยกระทำในขณะเมาสุรา การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3913/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการเตะกระทืบไม่เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ขณะเกิดเหตุคนที่มาในงานเลี้ยงโกรธผู้ตายที่ยิงปืน จึงต่างคนต่างทำร้ายผู้ตาย โดยจำเลยเพียงเข้าไปเตะและกระทืบผู้ตายซึ่งนั่งอยู่ในครัว มิได้ใช้สิ่งใดเป็นอาวุธทำร้ายร่างกายผู้ตาย จำเลยได้กระทำไปตามลำพังโดยมิได้ร่วมหรือสมคบกับผู้อื่น ประกอบกับปรากฏจากบาดแผลของผู้ตายตามรายงานการชันสูตรพลิกศพว่า ที่เหนือคิ้วขวามีรอยถูกของแข็งตีเป็นบาดแผลยาว 1 นิ้ว ตรงกลางหน้าผากถูกของแข็งยาว 5 นิ้วเศษ ยุบลึกลงไป 1 นิ้ว ใต้ตาขวาถูกของแข็งตีแตกยาว1 นิ้ว โดยบาดแผลแต่ละแห่งนั้นเกิดจากการถูกตีด้วยความแรงจนกะโหลก ศีรษะยุบและแตกเป็นชิ้น ร่างกายส่วนอื่นไม่มีบาดแผลใด และเหตุ ที่ตายเนื่องจากผู้ตายถูกตีด้วยของแข็งอย่างแรงหลายที เป็นเหตุให้กะโหลกศีรษะแตกและยุบ สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง เชื่อว่าผู้ตายถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นชัดว่าที่ จำเลยเตะ และกระทืบผู้ตายมิได้เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดแผล ดังกล่าว ทั้งร่างกาย ส่วนอื่นนอกจากบาดแผลนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามี บาดแผลหรือรอยฟกช้ำอื่นใด อีกอีก ยังเชื่อไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิด กับผู้อื่นโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการ ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 เท่านั้น ความตาย ของผู้ตายมิใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่ ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องและการลงโทษอาญา: ข้อหายิงปืนโดยใช่เหตุต้องระบุในฟ้อง หากไม่ได้ระบุ ศาลไม่อาจลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นกับฐานมีและพาอาวุธปืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,92 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่าประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่ฟ้องอันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย จึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติกรรมการยิง: แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ก็ถือเป็นเจตนาได้
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เข่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่