คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานบอกเล่าประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ หากมีเหตุผลสนับสนุนและไม่มีความขัดแย้ง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ทั้งไม่มีพยานบุคคลมาเบิกความว่าเห็นจำเลยในวันเกิดเหตุเลย แต่โจทก์มีคำให้การชั้นสอบสวนของบุตรผู้ตายและภริยาของจำเลยเป็นพยาน แม้คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังดังคำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาไม่ได้ แต่ศาลอาจรับฟังว่าบุคคลทั้งสองเคยให้การไว้เช่นนั้นต่อพนักงานสอบสวนเพื่อพิเคราะห์สอดส่องถึงข้อเท็จจริงในคดีได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนจดบันทึกคำให้การโดยไม่ถูกต้องแต่อย่างใด จึงฟังได้ว่าบุคคลทั้งสองให้การไว้เช่นนั้นจริง และคำให้การของผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในชั้นสอบสวนไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่น ดังนี้ศาลรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของพยานดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นและพฤติการณ์แห่งคดีลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังว่าจำเลยกระทำผิด เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานเบิกความต่อศาล
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายทั้งสามซึ่งเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความต่อศาลคงมีแต่เพียงคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายทั้งสามที่ได้กระทำลับหลังจำเลย กับคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม และพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นเพียงพยานที่ได้รับคำบอกเล่าจากผู้เสียหายว่าจำเลยเป็นคนร้ายเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2611/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนตายต้องแสดงถึงความรู้สึกว่าใกล้ตาย จึงรับฟังได้
คำบอกเล่าของผู้ตายที่ผู้ตายพูดโดยรู้สึกตัวว่าตนเองจะถึงแก่ความตายในระยะใกล้กันนั้น สามารถรับฟังได้ แต่คำพูดของผู้ตายที่บอกกับ ล. ขณะที่ผู้ตายกำลังถูกนำเข้าห้องผ่าตัดว่า พ.และจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายและสงสัยว่าตนเองจะถึงแก่ความตายแน่ ๆแต่ผู้ตายพูดด้วยน้ำเสียง ปกติแสดงว่ายังมีกำลังใจดีอยู่ และเชื่อว่าตนเองจะไม่ถึงแก่ความตาย จึงเป็นคำบอกเล่าที่ผู้ตายพูดโดยผู้ตายเพียงสงสัยว่าตนเองจะตาย ไม่ใช่คำพูดที่ผู้ตายพูดโดยรู้สึกว่าตนเองจะถึงแก่ความตายในระยะเวลาใกล้กันนั้นจึงรับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย: การแบ่งความรับผิดชอบของจำเลยแต่ละคน
ป. วิวาทกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงใช้เหล็กแป๊ป น้ำ ยาว80 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 1 นิ้ว เป็นอาวุธตี ป.ที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญอย่างรุนแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้มีก้อนเลือดราว 200 มิลลิลิตร อยู่นอกเยื่อหุ้มสมองและกดสมองจนเป็นเหตุให้ ป. ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเพียง 2 ชั่วโมงเศษย่อมแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ต้องการฆ่า ป. หรือเล็งเห็นผลได้ว่าทำให้ ป. ถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เพียงแต่วิ่งตามจำเลยที่ 1 และ ป. ไป เมื่อตามไปทันก็ช่วยจับ ป. จนล้มลง และกด ป. ให้นอนลงกับพื้นโดยไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุกับ ป. แต่อย่างใด ทั้งในระหว่างที่วิ่งไล่ตามไปนั้นหากมีเจตนาฆ่า จำเลยที่ 2 ซึ่งมีเหล็กแหลมเป็นอาวุธคงจะแทง ป. แล้ว และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ก็น่าจะทำอะไรมากกว่านั้น แต่หาได้กระทำไม่ การที่จำเลยที่ 3 ส่งเหล็กแป๊ปน้ำให้จำเลยที่ 1 ก็ไม่แน่ว่าส่งให้โดยมีเจตนาให้ใช้ฆ่า ป. และขณะที ป. ถูกจับจนล้มลง หากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 มีเจตนาร่วมกันฆ่า ป. ก็คงจะรุมทำร้าย ป. เสียในตอนนั้นแล้ว คงจะไม่ปล่อยให้ ป.ยืนขึ้นจนถูกจำเลยที่ 1 ใช้เหล็กแป๊ปน้ำตีที่ศีรษะด้านหลังซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกันจับ ป. ไว้ให้จำเลยที่ 1ตี และเมื่อ ป. ยืนขึ้นแล้ววิ่งหนี จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4ก็ไม่ได้ไล่ตามไปทำร้าย ป. ซ้ำอีก พฤติการณ์เช่นนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า ป.คงฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้าย ป.เท่านั้น เมื่อผลการทำร้ายเป็นเหตุทำให้ ป. ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 83.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: การแบ่งแยกความผิดและระดับโทษ
ป. วิวาทกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงใช้เหล็กแป๊ปน้ำยาว 80 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 1 นิ้ว เป็นอาวุธตี ป.ที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญอย่างรุนแรง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้มีก้อนเลือดราว 200 มิลลิลิตร อยู่นอกเยื่อหุ้มสมองและกดสมองจนเป็นเหตุให้ ป. ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเพียง 2 ชั่วโมงเศษย่อมแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ต้องการฆ่า ป. หรือเล็งเห็นผลได้ว่าทำให้ ป. ถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เพียงแต่วิ่งตามจำเลยที่ 1 และ ป. ไป เมื่อตามไปทันก็ช่วยจับ ป. จนล้มลง และกด ป. ให้นอนลงกับพื้นโดยไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุกับ ป. แต่อย่างใด ทั้งในระหว่างที่วิ่งไล่ตามไปนั้นหากมีเจตนาฆ่า จำเลยที่ 2 ซึ่งมีเหล็กแหลมเป็นอาวุธคงจะแทง ป. แล้ว และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ก็น่าจะทำอะไรมากกว่านั้น แต่หาได้กระทำไม่ การที่จำเลยที่ 3 ส่งเหล็กแป๊ปน้ำให้จำเลยที่ 1 ก็ไม่แน่ว่าส่งให้โดยมีเจตนาให้ใช้ฆ่า ป. และขณะที ป. ถูกจับจนล้มลง หากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 มีเจตนาร่วมกันฆ่า ป. ก็คงจะรุมทำร้าย ป. เสียในตอนนั้นแล้ว คงจะไม่ปล่อยให้ ป.ยืนขึ้นจนถูกจำเลยที่ 1 ใช้เหล็กแป๊ปน้ำตีที่ศีรษะด้านหลังซึ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกันจับ ป. ไว้ให้จำเลยที่ 1ตี และเมื่อ ป. ยืนขึ้นแล้ววิ่งหนี จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4ก็ไม่ได้ไล่ตามไปทำร้าย ป. ซ้ำอีก พฤติการณ์เช่นนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า ป.คงฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้าย ป.เท่านั้น เมื่อผลการทำร้ายเป็นเหตุทำให้ ป. ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการร่วมทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยที่ 3 โกรธที่ผู้ตายทวงเงิน 10 บาทที่จำเลยที่ 3ยืมไป จำเลยที่ 3 จึงชวนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และพวกมาดัก ทำร้ายผู้ตายกับพวก สาเหตุที่ดัก ทำร้ายเป็นเรื่องเล็กน้อย จำเลยทั้งสี่มิได้พกอาวุธมาด้วย แสดงว่าเจตนาเพียงชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้ตายกับพวกเท่านั้น เมื่อชกต่อยจนผู้ตายล้มลงจำเลยที่ 1กระชากไม้รั้วจากข้างทางตี ผู้ตายจนตาย จึงเป็นการกระทำโดย เจตนาฆ่าของจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียวเท่านั้น จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4มิได้มีเจตนาร่วมในการกระทำในส่วนนี้ด้วย คงมีเจตนาเพียงร่วมทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น เมื่อการร่วมทำร้ายเป็นผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐาน ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เจตนาของผู้กระทำเป็นสำคัญ
จำเลยที่ 3 โกรธที่ผู้ตายทวงเงิน 10 บาทที่จำเลยที่ 3 ยืมไป จำเลยที่ 3 จึงชวนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และพวกมาดัก ทำร้ายผู้ตายกับพวก สาเหตุที่ดัก ทำร้ายเป็นเรื่องเล็กน้อย จำเลยทั้งสี่มิได้พกอาวุธมาด้วย แสดงว่าเจตนาเพียงชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้ตายกับพวกเท่านั้น เมื่อชกต่อยจนผู้ตายล้มลงจำเลยที่ 1กระชากไม้รั้วจากข้างทางตี ผู้ตายจนตาย จึงเป็นการกระทำโดย เจตนาฆ่าของจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียวเท่านั้น จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4มิได้มีเจตนาร่วมในการกระทำในส่วนนี้ด้วย คงมีเจตนาเพียงร่วมทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น เมื่อการร่วมทำร้ายเป็นผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดฐาน ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่ให้ความช่วยเหลือการกระทำผิดของผู้อื่น ไม่ถือเป็นเจตนาเข้าร่วมกระทำผิด
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดยบังเอิญ จำเลยที่ 1 ใช้ ท่อนไม้ไล่ตีผู้ตาย จำเลยที่ 2 ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตีด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไมผู้ตายจำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือ และห้ามไม่ให้ ว. ไปช่วย ผู้ตายจึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยไม่ เมื่อผู้ตายถูกจำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น: การช่วยเหลือให้กระทำผิด vs. เจตนาเข้าร่วม
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดยบังเอิญ จำเลยที่ 1 ใช้ท่อนไม้ไล่ตีผู้ตาย จำเลยที่ 2ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตีด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไม้จะไปช่วยผู้ตายจำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือและห้ามไม่ให้ ว. ไปช่วยผู้ตาย จึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยไม่เมื่อผู้ตายถูกจำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 86.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือการกระทำผิดทางอาญา: เจตนาและความรับผิดชอบของผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 กับผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพบกับผู้ตายและ ว. โดยบังเอิญจำเลยที่ 1 ใช้ท่อนไม้ไล่ตีผู้ตาย จำเลยที่ 2 ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายไม่ได้ร่วมไล่ตีด้วย แต่เมื่อ ว. หยิบไม้จะไปช่วยผู้ตาย จำเลยที่ 2 หยิบไม้คานมาถือและห้ามไม่ให้ ว.ไปช่วยผู้ตาย จึงเป็นการให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด จำเลยที่ 2 หามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยไม่ เมื่อผู้ตายถูกจำเลยที่ 1 ตีตาย จำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 86
of 223