คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหะสถานและการทำร้ายร่างกายโดยไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายในเวลาวิกาลโดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม แม้ว่าจำเลยจะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายอย่างฉันสามีภริยามาก่อน แต่ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะเข้าไปในลักษณะเช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะพูดขับไล่ให้จำเลยออกไปและด่าจำเลยว่า "เจ๊กแก่ไม่เจียมสังขารเจ๊กหน้าหนังหีกูไม่ยักกับมึงอีกแล้ว"ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะทูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานและการทำร้ายร่างกาย ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายในเวลาวิกาลโดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม แม้ว่าจำเลยจะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายอย่างฉันสามีภริยามาก่อน แต่ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะเข้าไปในลักษณะเช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะพูดขับไล่ให้จำเลยออกไปและด่าจำเลยว่า "เจ๊กแก่ไม่เจียมสังขาร เจ๊กหน้าหนังหี กูไม่ยักกับมึงอีกแล้ว"ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะทูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์หลังการกระทำ
มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายมีความยาวรวมทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้วฟุต จำเลยเลือกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีบาดแผลบริเวณด้านซ้ายมีเลือดและลมในช่องเยื่อหุ้มปอด บาดแผลจะหายในเวลา 7 วัน ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน บาดแผลดังกล่าวเพียงแต่ลึกถึงเยื่อหุ้มปอดไม่ได้ถึงเนื้อปอด แสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงโดยแรงและเมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงทีเดียวแล้วหลบหนีไป ไม่ได้แทงซ้ำอีกทั้ง ๆ ที่มีโอกาสกระทำได้ ดังนี้ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าตั้งใจเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่า จึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายมีความยาวรวมทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้วฟุต จำเลยเลือกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีบาดแผลบริเวณอกด้านซ้าย มีเลือดและลมในช่องเยื่อหุ้มปอดบาดแผลจะหายในเวลา 7 วัน ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน บาดแผลดังกล่าว เพียงแต่ลึกถึงเยื่อหุ้มปอด ไม่ได้ถึงเนื้อปอด แสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงโดยแรงและเมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงทีเดียวแล้วหลบหนีไป ไม่ได้แทงซ้ำอีก ทั้ง ๆที่มีโอกาสกระทำได้ จึงส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าตั้งใจเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ฆ่า: การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายมีความยาวรวมทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้วฟุต จำเลยเลือกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีบาดแผลบริเวณอก ด้านซ้าย มีเลือดและลมในช่องเยื่อหุ้มปอด บาดแผลจะหายในเวลา 7 วัน ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน บาดแผลดังกล่าวเพียงแต่ลึกถึงเยื่อหุ้มปอด ไม่ได้ถึงเนื้อปอด แสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงโดยแรง และเมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงทีเดียวแล้วหลบหนีไป ไม่ได้แทงซ้ำอีกทั้ง ๆที่มีโอกาสกระทำได้ จึงส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าตั้งใจเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรงถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้วัตถุซึ่งห่อด้วยกระดาษขนาดโตเท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขน ตีผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญแม้จำเลยตีเพียงครั้งเดียว แต่จำเลยก็ตีโดยแรง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมงต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยวัตถุจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ วัตถุซึ่ง ห่อด้วย กระดาษ ขนาดโต เท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขน ตี ผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่ง เป็นอวัยวะสำคัญแม้จำเลยตี เพียงครั้งเดียว แต่ จำเลยก็ตี โดย แรงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมง ต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ความรับผิดของจำเลยเมื่อญาติผู้ป่วยยุติการรักษา
จำเลยใช้ของแข็งตีทำร้ายผู้ตายมีบาดแผลฟกช้ำดำเขียวทั่วร่างกายกับมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ลึกประมาณ1.5 เซนติเมตร มีบาดแผลฉีกขาดที่หัวคิ้วซ้ายยาวประมาณ 3 เซนติเมตรลึกประมาณ 1 เซนติเมตร มีบาดแผลถลอกที่ขากรรไกรและข้อศอกซ้ายกระดูกขากรรไกรหัก กระดูกซี่โครงร้าว 2 ซี่ ฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า หลังจากที่ผู้ตายถูกทำร้ายแล้ว ได้มีการนำตัวผู้ตายไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ได้รักษาผู้ตายเบื้องแรกโดยให้น้ำเกลือใส่ท่อช่วยหายใจ ผ่าตัดใส่ท่อระบายลมในโพรงปอดข้างซ้ายเพราะมีลมรั่วออกมาจากทางเดินหายใจ แล้วใส่เครื่องช่วยหายใจให้ผู้ตายด้วย และแพทย์ผู้รักษามีความเห็นว่า หากให้ผู้ตายรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อไปแล้ว โอกาสที่ผู้ตายจะมีชีวิตรอดมีมากกว่าผู้ตายจะถึงแก่ความตาย การที่ญาติผู้ตายกระทำให้การรักษาสิ้นสุดลงโดยการดึงเครื่องช่วยหายใจ และท่อช่วยหายใจออก แล้วพาผู้ตายกลับบ้าน และผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หาใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลยโดยตรงไม่ เพราะเมื่อผู้ตายอยู่ในความดูแลรักษาของแพทย์แล้ว ผู้ตายย่อมเป็นผู้อยู่ในสภาพที่มีโอกาสมีชีวิตอยู่รอดสูงการกระทำของจำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานพยายามฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. การรักษาพยาบาล: ความรับผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ ของแข็งตี ทำร้ายผู้ตายมีบาดแผลฟกช้ำดำ เขียวทั่วร่างกายกับมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ลึกประมาณ1.5 เซนติเมตร มีบาดแผลฉีกขาดที่หัวคิ้วซ้าย ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรลึกประมาณ 1 เซนติเมตร มีบาดแผลถลอกที่ขากรรไกรและข้อศอกซ้ายกระดูกขากรรไกรหัก กระดูกซี่โครงร้าว 2 ซี่ ฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดย มี เจตนาฆ่า หลังจากที่ผู้ตายถูก ทำร้ายแล้ว ได้ มีการนำตัวผู้ตายไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ได้ รักษาผู้ตายเบื้องแรกโดย ให้น้ำเกลือใส่ท่อช่วย หายใจ ผ่าตัดใส่ท่อระบาย ลมในโพรง ปอดข้างซ้าย เพราะมีลมรั่วออกมาจากทางเดินหายใจ แล้วใส่เครื่องช่วย หายใจให้ผู้ตายด้วย และแพทย์ผู้รักษามีความเห็นว่าหากให้ผู้ตายรักษาตัว ที่โรงพยาบาลต่อไปแล้ว โอกาสที่ผู้ตายจะมีชีวิต รอดมีมากกว่าผู้ตายจะถึงแก่ความตาย การที่ญาติผู้ตายกระทำให้การรักษาสิ้นสุดลงโดยการดึง เครื่องช่วย หายใจ และท่อช่วย หายใจออก แล้วพาผู้ตายกลับบ้าน และผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หาใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลยโดยตรงไม่ เพราะเมื่อผู้ตายอยู่ในความดูแลรักษาของแพทย์แล้ว ผู้ตายย่อมเป็นผู้อยู่ในสภาพที่มีโอกาสมีชีวิต อยู่รอดสูงการกระทำของจำเลยจึงมีความผิดเพียงฐาน พยายามฆ่าผู้ตาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองเกินกว่าเหตุ: ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้เมื่อถูกทำร้ายด้วยมีด
จำเลยกับผู้ตายอยู่บ้านหลังเดียวกัน วันเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายร่วมวงดื่ม สุรากัน ผู้ตายเมาสุรา จึงมีผู้แยกผู้ตายไป ต่อมาผู้ตายกลับมาอีกถือ มีดทำครัวเข้ามาในห้องจำเลยในลักษณะจะใช้ มีดนั้นทำร้ายร่างกายจำเลย ผู้ตายมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าจำเลย จำเลยจึงใช้ อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของผู้ตายเป็นภยันตรายต่อ จำเลย ซึ่ง เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตนเองได้ แต่ ผู้ตายมีเพียงมีดทำครัว การที่จำเลยใช้ อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงยิงผู้ตายถึง 5 นัด จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการที่จำต้องทำเพื่อป้องกัน ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69.
of 223