คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องพิสูจน์ได้ การยิงขึ้นฟ้าไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า แม้มีอาวุธปืนและเล็งเป้าหมาย
จำเลยใช้อาวุธปืนยิง 1 นัด โดยถืออาวุธปืนกระชับแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ว่าจำเลยจะยิงตอนที่ผู้เสียหายดูโทรทัศน์ห่างประมาณ 1 เมตร หรือยิงตอนผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไปห่างประมาณ 4 เมตร หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว คงยิงผู้เสียหายได้ไม่ผิดพลาดเพราะอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นการที่กระสุนปืนไปถูกหลังคาบ้านแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหายมิได้ยิงไปโดยเจตนาฆ่า
แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ไว้ด้วย แต่โจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดของมาตรา 376 ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5669/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญาและการจำกัดอำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิ่มโทษ รวมถึงข้อจำกัดในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 จำคุก 2 ปี และริบมีดของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะบทกฎหมายที่ลงโทษเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ส่วนโทษจำคุกยังคงเท่ากับที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นการแก้ไขเล็กน้อยเมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นเรื่องโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี โจทก์มิได้อุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แม้ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น มิใช่เป็นการป้องกันสิทธิของจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้มิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ศาลอุทธรณ์คงมีอำนาจวางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์, อาวุธ, และบาดแผล เพื่อตัดสินความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ไม้แปรรูปหน้า 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว ยาว 1 เมตรเศษตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทันไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวากระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวาของรถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3อาทิตย์ ดังนี้การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวโดยตีในระดับหน้าอก ไม้ที่ใช้ตีก็มิใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลก็ไม่ร้ายแรงสาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็มิใช่สาเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่า จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5354/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยไม้: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์และบาดแผลไม่ถึงขั้นมีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้ไม้แปรรูปหน้า 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว ยาว 1 เมตรเศษ ตีทำร้ายโจทก์ร่วมขณะที่โจทก์ร่วมกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบทันไม้ของกลางถูกโจทก์ร่วมที่นิ้วก้อยขวา กระดูกนิ้วก้อยหักและถูกกระจกไฟเลี้ยวขวาของรถจักรยานยนต์แตก บาดแผลของโจทก์ร่วมแพทย์ให้ความเห็นว่าสมควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3 อาทิตย์ ดังนี้ การที่จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ร่วมเพียงทีเดียวโดยตีในระดับหน้าอก ไม้ที่ใช้ตีก็มิใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลไม่ร้ายแรงสาเหตุระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยก็มิใช่สาเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่า จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายหลังเข้าไปห้ามเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างบุตรเขยและภรรยา
ผู้ตายกับภรรรยาซึ่งเป็นบุตรสาวจำเลยทะเลาะกันอยู่ในห้องนอนและมีเสียงร้องดัง จำเลยจึงเปิดประตูห้องเข้าไปดูเพื่อระงับเหตุ เห็นผู้ตายกำลังนั่งคร่อมเอามือจับที่คอภรรยาอยู่ จำเลยเดินเข้าไปกระชากไหล่ผู้ตายออกจากภรรยาผู้ตายลุกขึ้นชกจำเลย 1 ที แต่จำเลยหลบทัน แล้วจำเลยคว้าอาวุธปืนลูกซองยาวซึ่งอยู่ในห้องนอนนั้นยิงผู้ตายไป 1 นัดถึงแก่ความตาย ดังนี้ การที่จำเลยเข้าไประงับเหตุระหว่างผู้ตายกับภรรยา แต่กลับถูกผู้ตายซึ่งเป็นบุตรเขยชกทำร้ายเอานั้นนับได้ว่าผู้ตายได้กระทำการอันไม่สมควรและโดยปราศจากความเคารพยำเกรงต่อจำเลยผู้เป็นพ่อตาซึ่งมีอายุมากแล้ว เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงและด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ: การกระทำของผู้ตายเป็นเหตุให้จำเลยป้องกันสิทธิของตนได้
ผู้ตายกับภรรยาซึ่งเป็นบุตรสาวจำเลยทะเลาะกันอยู่ในห้องนอนและมีเสียงร้องดัง จำเลยจึงเปิดประตูห้องเข้าไปดูเพื่อระงับเหตุเห็นผู้ตายกำลังนั่งคร่อมทับเอามือจับที่คอภรรยาอยู่ จำเลยเดินเข้าไปกระชากไหล่ผู้ตายออกจากภรรยา ผู้ตายลุกขึ้นชกจำเลย 1 ทีแต่จำเลยหลบทัน แล้วจำเลยคว้าอาวุธปืนลูกซองยาวซึ่งอยู่ในห้องนอนนั้นยิงผู้ตายไป 1 นัด ถึงแก่ความตาย ดังนี้ การที่จำเลยเข้าไประงับเหตุระหว่างผู้ตายกับภรรยา แต่กลับถูกผู้ตายซึ่งเป็นบุตรเขยชกทำร้ายเอานั้น นับได้ว่าผู้ตายได้กระทำการอันไม่สมควรและโดยปราศจากความเคารพยำเกรงต่อจำเลยผู้เป็นพ่อตาซึ่งมีอายุมากแล้ว เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงและด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายพี่น้องบาดเจ็บสาหัส ศาลลดโทษจากเจตนาฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยเป็นพี่ชายผู้เสียหาย คนทั้งสองทำงานอยู่ด้วยกันกับบิดา ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายกับจำเลยทะเลาะโต้เถียงด่าว่ากันอันเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรงถึงกับจะต้องเอาชีวิตกัน การที่จำเลยได้ใช้เหล็กขูดชาฟท์ยาวประมาณ 4 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่ชายโครงขวา 1 ครั้งแล้วหลบหนีไปโดยมิได้แทงซ้ำอีก ผู้เสียหายมีบาดแผลทะลุกะบังลมและตับ ต้องรักษาโดยการผ่าตัดและรักษาตัวต่ออีก 9 วัน จึงออกจากโรงพยาบาล บาดแผลต้องรักษาเป็นเวลา 4-6 อาทิตย์จึงจะหาย พฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4946/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายจนผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส: การพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์
จำเลยเป็นพี่ชายผู้เสียหาย คนทั้งสองทำงานอยู่ด้วยกันกับบิดาก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายกับจำเลยทะเลาะโต้เถียงด่าว่ากันอันเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรงถึงกับจะต้องเอาชีวิตกัน การที่จำเลยได้ใช้เหล็กขูดชาฟท์ยาวประมาณ 4 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่ชายโครงขวา 1 ครั้งแล้วหลบหนีไปโดยมิได้แทงซ้ำอีก ผู้เสียหายมีบาดแผลทะลุกะบังลมและตับต้องรักษาโดยการผ่าตัดและรักษาตัวต่ออีก 9 วัน จึงออกจากโรงพยาบาลบาดแผลต้องรักษาเป็นเวลา 4-6 อาทิตย์จึงจะหาย พฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4583/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการไล่ฟันด้วยมีด: ศาลฎีกาพิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
ผู้เสียหายพูดรบเร้าให้ ส.ทำบันทึกเรื่องที่ง.ลักวิทยุเทปของผู้เสียหายไป จำเลยว่าผู้เสียหายพูดไม่รู้เรื่องและตบหน้าผู้เสียหาย ผู้เสียหายลุกขึ้นถีบจำเลย พวกที่มาด้วยกันเข้าห้าม เมื่อผู้เสียหายเดินลงจากบ้านจำเลยไป จำเลยถือมีดปลายแหลมวิ่งไล่ฟันผู้เสียหายถูกที่บริเวณศีรษะด้านหลังได้รับอันตรายแก่กายสาหัส แม้มีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายยาวประมาณ 12 นิ้ว ใบมีดกว้างประมาณ 3.9 เซนติเมตร และจำเลยฟันถูกศีรษะ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญแต่การที่จำเลยวิ่งไล่ฟันผู้เสียหายข้างหลัง จำเลยไม่มีโอกาสเลือกฟันได้ถนัด จำเลยฟันผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวและมีโอกาสฟันซ้ำแต่ไม่ฟัน พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4544/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากการบุกรุกและประทุษร้าย ผู้ถูกบุกรุกมีสิทธิป้องกันสิทธิและทรัพย์สินของตนได้
ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยในเวลากลางคืนโดยเจตนาที่จะลักทรัพย์ เมื่อจำเลยได้ยินเสียงสัญญาณป้องกันขโมยดังขึ้นจึงนำอาวุธปืนสั้นลงมาดู ก็ถูกฝ่ายผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงก่อนในระยะใกล้แม้กระสุนปืนไม่ถูกจำเลยก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าฝ่ายผู้ตายจะซ้ำอีกหรือไม่ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปทางกลุ่มคนร้ายซึ่งมีผู้ตายอยู่ด้วยเพียงนัดเดียวในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิในชีวิตและทรัพย์สินของตนให้พ้นภยันตรายอันเกิดจากการประทุษร้ายของผู้ตายกับพวกพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด
of 223