คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158-2160/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิง การประเมินพฤติการณ์ และความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ขณะที่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ไปจับกุมจำเลย จำเลยยิงโจทก์ที่ 3 ถูกที่ต้นคอ ในขณะที่มีการยื้อแย่งปืนกันโดยจำเลยมิได้มีโอกาสเลือกยิง เมื่อจำเลยยิงโจทก์ที่ 3 ล้มลงแล้ว โจทก์ที่ 3 ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อสู้กับจำเลย จำเลยมีโอกาสจะยิงโจทก์ที่ 3 อีกเป็นเวลานานแต่จำเลยก็หาได้ยิงโจทก์ที่ 3 ไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 3 ส่วนที่ จำเลยยิงโจทก์ที่ 2 ปรากฏว่าขณะยิงจำเลยอยู่ใกล้กับโจทก์ที่ 2 และมีโอกาสจะเลือกยิงโจทก์ที่ 2 ตรงไหนก็ได้ แต่จำเลยกลับยิงที่ขาของโจทก์ที่ 2 แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 จำเลยคงยิงที่อวัยวะสำคัญกว่านี้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 80 เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 และโจทก์ที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298 ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 และ 298 ได้.
ฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันแต่โจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏว่า โจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำให้ได้รับอันตรายสาหัสไม่ได้
โจทก์ที่ 3 ถูกยิงต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 12 วัน แล้วไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก โจทก์ที่ 3 ต้องหยุดทำงานเกือบ 1 เดือนแพทย์ผู้ทำการตรวจบาดแผลโจทก์ที่ 3 ได้ให้ความเห็นว่าบาดแผลหายได้ภายใน 30 วัน ฟังได้ว่าโจทก์ที่ 3 ได้รับบาดเจ็บจากการยิงของจำเลยจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงปืนโดยไม่เจตนาทำร้ายหรือฆ่า: พิจารณาจากพฤติการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังบ้านที่ผู้เสียหายพักซึ่งอยู่ห่างประมาณ20เมตรและอยู่ฝั่งคลองตรงกันข้ามกระสุนปืนถูกหลังคาบ้านกระจกหน้าต่างชั้นบนซึ่งอยู่สูงจากพื้นชั้นบนประมาณ2เมตรจำนวนหลายนัดขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันจำเลยยิงเป็นเวลานาน30นาทีไม่ปรากฏว่าจำเลยทราบว่ามีผู้เสียหายหรือบุคคลอื่นอยู่ในบ้านและจำเลยกับผู้เสียหายตลอดจนบุคคลเหล่านั้นไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนหลังจากยิงแล้วจำเลยมิได้หลบหนีไปไหนพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่ายิงโดยไม่ประสงค์ให้ถูกใครไม่มีทั้งเจตนาฆ่าหรือเจตนาทำร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงปืนโดยไม่เจตนาทำร้ายหรือฆ่า: พฤติการณ์ที่แสดงถึงการไม่มีเจตนา
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังบ้านที่ผู้เสียหายพักซึ่งอยู่ห่างประมาณ 20 เมตร และอยู่ฝั่งคลองตรงกันข้าม กระสุนปืนถูกหลังคาบ้าน กระจกหน้าต่างชั้นบนซึ่งอยู่สูงจากพื้นชั้นบนประมาณ 2 เมตร จำนวนหลายนัด ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันจำเลยยิงเป็นเวลานาน 30 นาที ไม่ปรากฏว่าจำเลยทราบว่ามีผู้เสียหายหรือบุคคลอื่นอยู่ในบ้าน และจำเลยกับผู้เสียหายตลอดจนบุคคลเหล่านั้นไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน หลังจากยิงแล้วจำเลยมิได้หลบหนีไปไหน พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่ายิงโดยไม่ประสงค์ให้ถูกใคร ไม่มีทั้งเจตนาฆ่าหรือเจตนาทำร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า – การแย่งปืน – พฤติการณ์ข่มขู่ – ไม่พอพิสูจน์เจตนา
ล. เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า - การพิจารณาพฤติการณ์ผู้ต้องหา - การข่มขู่ด้วยอาวุธ - ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ล.เข้าแย่งปืนจากจำเลยซึ่งเมาสุราขณะจำเลยจ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายแล้วประมาณ3อึดใจเช่นนี้หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็น่าจะยิงทันทีที่จ้องปากกระบอกปืนไปทางผู้เสียหายการกระทำของจำเลยมีเจตนาเพียงต้องการวางอำนาจและแกล้งขู่ผู้เสียหายเท่านั้นหามีเจตนาฆ่าไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ที ที่บริเวณคางด้านขวา บาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว 7 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตร ขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบ ปลายจมูกฉีกขาด บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้ การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง4นิ้วหนา1นิ้วยาวประมาณ1เมตรตีผู้ตายอย่างแรง1ทีที่บริเวณคางด้านขวาบาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว7เซนติเมตรกว้าง2เซนติเมตรลึก5เซนติเมตรขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบปลายจมูกฉีกขาดบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย บริเวณอวัยวะสำคัญจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง4นิ้วหนา1นิ้วยาวประมาณ1เมตรตีผู้ตายอย่างแรง1ทีที่บริเวณคางด้านขวาบาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว7เซนติเมตรกว้าง2เซนติเมตรลึก5เซนติเมตรขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบปลายจมูกฉีกขาดบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวสำหรับหญิงสาวที่ถูกทำร้าย: การกระทำเพื่อหยุดยั้งการคุกคามทางเพศเป็นเหตุป้องกันโดยชอบธรรม
จำเลยเป็นหญิงสาวแม้จะเคยเป็นคู่รักของผู้เสียหายมาก่อนแต่เมื่อจำเลยไม่ยินยอมผู้เสียหายย่อมไม่มีสิทธิที่จะกอดปล้ำทำมิดีมิร้ายจำเลยได้ได้ความว่าขณะที่จำเลยยืนหั่นหัวหอมอยู่ผู้เสียหายเข้ามาข้างหลังโอบกอดจำเลยสะบัดและพูดห้ามพร้อมกับแกว่งมีดผู้เสียหายไม่ยอมฟังเมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายครั้งที่สองถูกที่ทอ้งน้อยและผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยก็ไม่ได้แทงซ้ำทั้งๆที่มีโอกาสแทงได้อีกคงปล่อยให้มีดปักคาท้องผู้เสียหายแล้ววิ่งลงจากบ้านไปดังนี้การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิด.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานและการพยายามฆ่าเพื่อขัดขวางการถูกขัดขวางเอาทรัพย์คืน แม้มีเหตุผลในการเข้าไป แต่การกระทำต้องไม่เป็นอันตราย
แม้จำเลยจะได้จำนำรถจักรยานของจำเลยไว้กับผู้เสียหายจำเลยก็ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะลักลอบเข้าไปเอารถจักรยานดังกล่าวในบ้านของผู้เสียหายในเวลา 5.30 น. จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเพื่อเอารถจักรยานของจำเลย เมื่อผู้เสียหายส่องไฟฉายมาที่จำเลย จำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วจึงเอารถจักรยานไป พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าจำเลยกระทำไปเพื่อปกปิดความผิดฐานบุกรุก จำเลยอาจยิงผู้เสียหายเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายขัดขวางการเข้าไปเอารถจักรยานของจำเลยในบ้านผู้เสียหายก็ได้ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงความผิดในส่วนนี้ของจำเลย จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบกับมาตรา 80 ไม่ได้
of 223