พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน และการเล่นพนันเพื่อซื้อของ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน
ในคดีเรื่องลักเล่นการพนันจำเลยขอรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง แต่แล้วได้กล่าวบรรยายในคำให้การต่อไปเป็นความว่าการเล่นรายนี้ก็โดยพนันว่าจะซื้อโคล่ามาเลี้ยงกันรอบวงเท่านั้น และเล่นกันเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเอาเงินรวมซื้อโคล่า เช่นนี้ จะฟังว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องยังไม่ได้ซึ่งถ้าหากเป็นความจริงตามที่จำเลยบรรยายไว้ในคำให้การการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นผิดตามฟ้อง กล่าวคือเพียงแต่เล่นพนันเพื่อเอาเงินไปซื้อโคล่ามาเลี้ยงระหว่างกันเท่านั้นไม่ใช่เป็นการพนันเอาทรัพย์สินกันเมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
แม้จำเลยอื่นซึ่งให้การทำนองนี้และมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นพิจารณาพิพากษาว่าไม่มีความผิดด้วยได้
แม้จำเลยอื่นซึ่งให้การทำนองนี้และมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นพิจารณาพิพากษาว่าไม่มีความผิดด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินโดยสมยอมหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต
ซื้อที่ดินบ้านเรือนจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยรู้ว่าศาลพิพากษาให้ใช้หนี้แล้วราคาที่ซื้อต่ำกว่าครึ่งและหักหนี้มิได้วางเงินกันเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดเรือนบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการเป็น 'พิธีกรรมทางศาสนา' ในความหมายกฎหมาย: การแห่นาค
การแห่นาคไปวัดเพื่อจะทำการอุปสมบท เป็นการกระทำตามประเพณีนิยมของชนบางหมู่ ยังไม่ถึงขั้นกระทำพิธีกรรมทางศาสนา ตามความหมายใน ม.173.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแห่นาคไม่ถึงขั้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนาตาม ม.173 อาญา
การแห่นาคไปวัดเพื่อจะทำการอุปสมบท เป็นการกระทำตามประเพณีนิยมของชนบางหมู่ยังไม่ถึงขั้นกระทำพิธีกรรมทางศาสนา ตามความหมายใน ม.173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่: ความสมบูรณ์ของฟ้อง และการต่อสู้สิทธิในที่ดิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของสวนยาง มาบัดนี้จำเลยเข้าแย่งถือสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลย ดั่งนี้ ฟ้องของโจทก์เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท จำเลยเข้าแย่งถือสิทธิครอบครอง จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่: ฟ้องชัดเจนว่าโจทก์เป็นเจ้าของ จำเลยเข้าครอบครอง จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของสวนยางมาบัดนี้จำเลยเข้าแย่งถือสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลยดังนี้ฟ้องของโจทก์เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทจำเลยเข้าแย่งถือสิทธิครอบครองจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051-1055/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมโดยปริยายของบริษัทต่อการกระทำของตัวแทน แม้ขัดต่อข้อบังคับบริษัท และการแก้ไขฟ้อง
แม้จำเลยจะได้รับสำเนาคำร้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขและเพิ่มเติมฟ้องยังไม่ถึง 3 วันก่อนศาลชั้นต้นทำคำสั่งอนุญาตก็ดีแต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยแถลงไม่คัดค้านที่โจทก์ขอแก้ทั้งได้ทำคำให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมแล้วจำเลยจะมาคัดค้านในชั้นฎีกาไม่ได้
พฤติการณ์ที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ปฏิบัติมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตนแม้ข้อบังคับของบริษัทมีว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อในนิติกรรม จึงจะผูกพันจำเลยที่ 1 ได้บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต
พฤติการณ์ที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ปฏิบัติมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตนแม้ข้อบังคับของบริษัทมีว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อในนิติกรรม จึงจะผูกพันจำเลยที่ 1 ได้บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051-1055/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องและการยอมรับตัวแทนของบริษัท แม้มีข้อจำกัดตามข้อบังคับบริษัทก็ผูกพันได้
แม้จำเลยจะได้รับสำเนาคำร้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขและเพิ่มเติมฟ้องยังไม่ถึง 3 วัน ก่อนศาลชั้นต้นทำคำสั่งอนุญาตก็ดี แต่เมื่อปรากฎว่าจำเลยแถลงไม่คัดค้านที่โจทก์ขอแก้ทั้งได้ทำคำให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมแล้ว จำเลยจะมาคัดค้านในชั้นฎีกาไม่ได้.
พฤติการณ์ที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตน แม้ข้อบังคับของบริษัทมีว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อในนิติกรรม จึงจะผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต.
พฤติการณ์ที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติมา เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองแสดงกับบุคคลภายนอกว่าเป็นตัวแทนของตน แม้ข้อบังคับของบริษัทมีว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อในนิติกรรม จึงจะผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนที่ดินพิพาท: เนื้อที่ประมาณการไม่เกินคำขอ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งที่พิพาทคืนในฟ้องกล่าวว่าที่พิพาทเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 3 งาน เมื่อคู่ความต่างได้รับรองต้องกันว่าที่พิพาทกันนี้ทั้งแปลงและเขตติดต่อทั้ง 4 ด้านก็ตรงกันการที่โจทก์ระบุจำนวนเนื้อที่ของที่พิพาทก็เป็นแต่เพียงประมาณเมื่อจำเลยแพ้คดีจะต้องคืนที่พิพาทให้โจทก์ก็ต้องคืนทั้งแปลง ซึ่งมีเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งานไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการคืนที่ดินตามคำฟ้อง: การคืนทั้งแปลงเมื่อเขตที่ดินตรงกัน แม้ระบุเนื้อที่ประมาณ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งที่พิพาทคืน ในฟ้องกล่าวว่าที่พิพาทเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 3 งาน เมื่อคู่ความต่างได้รับรองต้องกันว่าที่พิพาทกันนี้ทั้งแปลงและเขตติดต่อทั้ง 4 ด้านก็ตรงกัน การที่โจทก์ระบุจำนวนเนื้อที่ของที่พิพาทก็เป็นแต่เพียงประมาณเมื่อจำเลยแพ้คดี จะต้องคืนที่พิพาทให้โจทก์ก็ต้องคืนทั้งแปลง ซึ่งมีเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน ไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์