คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทปัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วางเพลิงเผาต้นมะพร้าวผู้อื่น: การเปรียบเทียบโทษตามกฎหมายอาญาเดิมและประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผิดต้องด้วย ก.ม.ลักษณะอาญา ม.187 วรรค 2 ไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าว อันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง ม.186 ด้วย โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึง ต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ใน ม.186 เป็นเกณฑ์ แต่ขณะนี้ ก.ม.ลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ใช้ประมวล ก.ม.อาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตาม ม.220 วรรคแรกแห่งประมวล ก.ม.อาญา แต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่า ถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ใน ม.218 ให้ลงโทษดังที่บัญญัติไว้ใน ม.218 แต่ใน ม.218 ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้นจะลงโทษตามวรรค 2 ของ ม.220 ประมวล ก.ม.อาญาไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม ม.220 วรรคแรกซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเบากว่า ม.187 วรรคแรกของ ก.ม.ลักษณะอาญา ตาม ม.3 ประมวล ก.ม.อาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดวางเพลิงทำให้ทรัพย์สินเสียหาย: การเปรียบเทียบอัตราโทษตามกฎหมายลักษณะอาญาและประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผิดต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา187 วรรคสอง ไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง มาตรา186 ด้วย โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึงต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ใน มาตรา186 เป็นเกณฑ์แต่ขณะนี้ กฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้วใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตามมาตรา 220 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายอาญาแต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่าถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 218 ให้ลงโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 218 แต่ในมาตรา218ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้นจะลงโทษตามวรรคสองของ มาตรา 220ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 220 วรรคแรกซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเบากว่า มาตรา 187 วรรคแรกของ กฎหมายลักษณะอาญา ตาม มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน: ผู้ซื้อต้องสุจริตและเสียค่าตอบแทน หากผู้ขายไม่ได้จดทะเบียนสิทธิ
เมื่อโจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1-2 โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความชัดว่า. ที่ดินและห้องพิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายและจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตเมื่อโจทก์มิได้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ไว้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299โจทก์ก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือ จำเลยที่ 2 ผู้รับโอนที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิไว้แล้วนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์กรรมสิทธิ์และเจตนาทุจริตของผู้รับซื้อ
เมื่อโจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 - 2 โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความชัดว่า ที่ดินและห้องพิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย และจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยไม่สุจริต เมื่อ โจทก์มิได้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ไว้ตามความใน ป.พ.พ. มาตรา 1299 โจทก์ก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือ จำเลยที่ 2 ผู้รับโอนที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิไว้แล้วนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิได้รับสินบนและรางวัลจากการแจ้งเบาะแสและจับกุมผู้กระทำผิด ไม่ต้องอ้างมาตรา 9 พ.ร.บ.บำเหน็จฯ
การฟ้องขอให้จ่ายเงินสินบนและรางวัลตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด 2489 ไม่จำต้องอ้างมาตรา 9

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกิจการโดยผลของกฎหมาย ไม่ใช่การโอนหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การรถไฟแห่งประเทศไทยรับโอนกิจการของกรมรถไฟกระทรวงคมนาคมมาโดยผลของกฎหมายจึงไม่ใช่ลักษณะโอนหนี้และฉะนั้นกรมรถไฟจึงไม่ต้องแจ้งการโอนหนี้ให้ลูกหนี้ทราบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกิจการโดยผลของกฎหมาย ไม่ใช่การโอนหนี้ ไม่ต้องแจ้งการโอน
การรถไฟแห่งประเทศไทยรับโอนกิจการของกรมรถไฟ กระทรวงคมนาคม มาโดยผลของกฎหมาย จึงไม่ใช่ลักษณะ โอนหนี้ และฉะนั้น กรมรถไฟจึงไม่ต้องแจ้งการโอนหนี้ให้ลูกหนี้ทราบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานนอกบัญชีรายชื่อเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และผลของการไม่ทักท้วง
โจทก์เบิกความเป็นพยานปากแรกโดยพลั้งเผลอ ไม่ได้ระบุอ้างตัวเองไว้ในระบุพยาน จึงร้องขออ้างเพิ่มเติมเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้ว จำเลยไม่ได้ทักท้วงก่อนโจทก์เบิกความศาลรับฟังคำโจทก์ได้เพื่อความยุติธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกเงินและทำเอกสารปลอม: ฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้มีผิดได้หลายกระทง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานเป็นเสมียนของเทศบาลมีหน้าที่เกี่ยวแก่การเงินและเขียนใบอนุญาตฆ่าสัตว์ เขียนแล้วรับเงินส่งเป็นรายได้เทศบาล จำเลยเขียนใบอนุญาตให้ฆ่าสัตว์แล้วรับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัวอันเป็นผิด กฎหมายลักษณะอาญา ม.131 และ 319 ใช้ได้ไม่เคลือบคลุมเพราะจำเลยอาจทำผิดได้ทั้งสองอย่าง
จำเลยเป็นเสมียนเทศบาลมีหน้าที่เขียนอาชญาบัตรฆ่าสัตว์แล้วรับเงินค่าธรรมเนียมส่งเป็นรายได้เทศบาล ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยรับการชน ความรับผิดในการพิสูจน์เปลี่ยนเป็นของจำเลยตามกฎหมาย
แม้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 จะบังคับให้ฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใดๆ เป็นฝ่ายนำสืบก็ดีแต่เมื่อจำเลยรับแล้วว่า รถยนต์ที่จำเลยควบคุมมาชนรถจักรยานสามล้อโจทก์เช่นนี้หน้าที่นำสืบปลดเปลื้องความรับผิดย่อมตกแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437
of 282