คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทปัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เวลาประกาศยกเลิกควบคุมราคาสำคัญกว่าวันที่ประกาศ หากไมมีการระบุเวลาให้ถือเวลาเริ่มต้นของวัน
ประกาศของคณะกรรมการป้องกันการค้ากำไรเกินควรให้ยกเลิกการควบคุมราคาสินค้านั้น เมื่อไม่ปรากฎเวลาที่ประกาศ ประกาศนั้นย่อมมีผลตั้งแต่เวลาเริ่มต้นของวันที่ ๆ ลงในประกาศ โจทก์จะขอสืบเวลาจริง ๆ ที่มีประกาศเป็นประการอื่นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1914-1915/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันลักทรัพย์และต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ถือเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโคและกระบือของผู้เสียหายถูกลักไปในคืนเกิดเหตุทั้งสองแห่ง เมื่อผู้เลี้ยงต่างเห็นผู้ร้ายพาโคกระบือไปห่างบ้านตนคนละประมาณ 3 เส้น และ 2 เส้นเศษต่างก็ไปแจ้งผู้เสียหายทันที และผู้เสียหายก็ไปแจ้งตำรวจทันที ตำรวจแยกเป็น 2 ทางตามรอยโคกระบือไปเป็นเวลาประมาณ 7 ชั่วโมงจนไปพบปะผู้ร้ายและโคกระบือคนละตำบลกับที่เกิดเหตุก็ดี และแม้ผู้ร้ายจะกระจัดกระจายจนโคกระบือข้ามแม่น้ำไปบ้างแล้วก็ดี การลักทรัพย์รายนี้ก็หายังได้ขาดตอนจากกันไม่
เมื่อผู้ร้ายมี5 คน 3 คนแรกวิ่งไปทางกลางเกาะอีก 2 คนวิ่งตามไปติด ๆ กัน แล้วอีก 2 คนลงไปที่เรือชล่าที่จอดอยู่ ตอนเจ้าพนักงานบอกให้วางอาวุธเพราะได้ล้อมไว้แล้ว พวกผู้ร้ายกลับยิงปืนมาเป็นทำนองต่อสู้ขัดขวางเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา ดังนี้การกระทำของจำเลยต้องด้วยลักษณะสมคบกันปล้นทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ผู้เช่าต้องพิสูจน์การผิดนัดชำระค่าเช่าเป็นหลักฐานชัดเจน มิใช่เพียงอ้างค้างค่าเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่าติดๆ กันมากกว่า 2 คราว ไม่ได้บรรยายว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า 2 คราวติดๆกัน เมื่อห้องเช่าเป็นเคหะ ศาลก็ขับไล่จำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1833/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น ต้องมีคำขอในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เกี่ยวกับกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดตามคำพิพากษานั้น ก.ม.อาญา ม.32 บัญญัตินับแต่วันต้องคุมขัง เว้นแต่ในคำพิพากษาจะสั่งเป็นอย่างอื่น เช่นสั่งให้นับแต่วันคดีถึงที่สุดเป็นต้น
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ตาม ป.วิ.อาญา ม.163 แม้ ม.215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี ม.163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1833/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น ต้องมีคำขอตั้งแต่ในฟ้อง หรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เกี่ยวกับกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดตามคำพิพากษานั้นกฎหมายอาญา มาตรา 72 บัญญัตินับแต่วันต้องคุมขัง เว้นแต่ในคำพิพากษาจะสั่งเป็นอย่างอื่น เช่นสั่งให้นับแต่วันคดีถึงที่สุดเป็นต้น
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 แม้ มาตรา 215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี มาตรา 163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของตัวแทนวัด: การมอบอำนาจยังคงมีผลแม้เจ้าอาวาสเสียชีวิต
ได้ความว่าเจ้าอาวาสวัดอนงค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของวัดเป็นตัวแทนเพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล แต่เจ้าอาวาสมรณภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้พระภิกษุรูปใหม่ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสยังมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องก็ตามโจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือหรือมอบอำนาจในฐานที่เป็นเจ้าอาวาสแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ เจ้าอาวาสจะได้มรณภาพไปแล้วการมอบอำนาจก็ยังไม่ระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจของวัดยังคงมีผลแม้เจ้าอาวาสเสียชีวิต: สิทธิฟ้องคดีของตัวแทน
ได้ความว่าเจ้าอาวาสวัดอนงค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจจกรณ์ของวัดเป็นตัวแทนเพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัด ตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล แต่เจ้าอาวาสมรณะภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ พระภิกษุรูปใหม่ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสยังมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องก็ตาม โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือหรือมอบอำนาจในฐานที่เป็นเจ้าอาวาาแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ เจ้าอาวาสจะได้มรณะภาพไปแล้วการมอบอำนาจก็ยังไม่ระงับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานบุกรุกและพยายามฆ่า: แยกกระทงหรือรวมกระทง
การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกระทงหรือเป็นความผิดกระทงเดียวแต่ต้องด้วยกฎหมายหลายบท มีหลักวินิจฉัยดังนี้คือ ถ้าการกระทำใดเป็นความผิดต้องด้วยกฎหมายหลายบทแล้วจะแยกการกระทำนั้นออกจากกันไม่ได้ ก็เป็นความผิดที่ต้องด้วยกฎหมายหลายบท แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติการกระทำเป็นความผิดไว้คนละอย่างต่างกัน เช่นลักทรัพย์กับทำร้ายร่างกาย หรือทำร้ายร่างกายกับบุกรุกดังนี้ ผู้ที่กระทำผิดทั้งสองอย่างก็ต้องเป็นความผิด 2 กระทงไม่ใช่ต้องด้วยกฎหมายหลายบทเพราะต่างกรรมต่างวาระกัน
การที่จำเลยที่ 1 ทำผิดทั้งบุกรุกและพยายามฆ่าคนเป็นความผิด 2 ฐาน ไม่ใช่เป็นการกระทำเพียงอย่างเดียวจำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดเป็นสองกระทงคือฐานบุกรุกกระทงหนึ่งและฐานพยายามฆ่าคนอีกกระทงหนึ่ง แต่ถ้าความผิดอาญานั้นเกี่ยวเนื่องกันศาลอาจใช้ดุลพินิจรวมกระทงลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกความผิดหลายบทกับหลายกะทงในคดีอาญา: บุกรุกและพยายามฆ่า
การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกะทงหรือเป็นความผิดกะทงเดียวแต่ต้องด้วย ก.ม.หลายบท มีหลักวินิจฉัยดังนี้คือ ถ้าการกระทำใดเป็นความผิดต้องด้วย ก.ม.หลายบทแล้วจะแยกการกระทำนั้นออกจากกันไม่ได้ ก็เป็นความผิดที่ต้องด้วย ก.ม.หลายบท แต่ถ้า ก.ม.บัญญัติการกระทำเป็นความผิดไว้คนละอย่างต่างกัน เช่น ลักทรัพย์กับทำร้ายร่างกายหรือทำร้ายร่างกายกับบุกรุกดังนี้ ผู้ที่กระทำผิดทั้งสองอย่างก็ต้องเป็นความผิด 2 กะทงไม่ใช่ต้องด้วย ก.ม.หลายบทเพราะต่างกรรมต่างวาระกัน
การที่จำเลยที่ 1 ทำผิดทั้งบุกรุกและพยายามฆ่าคนเป็นความผิด 2 ฐาน ไม่ใช่เป็นการกระทำเพียงอย่างเดียวจำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดเป็นสองกะทงคือฐานบุกรุกกะทงหนึ่งและฐานพยายามฆ่าคนอีกกะทงหนึ่ง แต่ถ้าความผิดอาญานั้นเกี่ยวเนื่องกันศาลอาจใช้ดุลยพินิจรวมกะทงลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกเปรียบเทียบอำเภอเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ หากจำเลยรับสภาพหนี้ชัดเจน
คำรับสภาพหนี้ในบันทึกการเปรียบเทียบของอำเภอซึ่งจำเลยลงลายมือชื่อไว้ เป็นหลักฐานแสดงการกู้ยืมเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 (เทียบฎีกาที่ 865/2493)
of 282