พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมในนิติกรรม: หน้าที่การนำสืบและข้อจำกัดการอ้างหลักฐานหนังสือ
ตามฟ้องของโจทก์ตั้งประเด็นมาว่าภรรยาโจทก์ไปทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลยโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมด้วยแล้วข้อโตเถียงกันเช่นนี้หน้าที่นำสืบต้องตกอยู่แก่จำเลยต้องนำสืบว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอม
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์ มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตาม ม.1476 เมื่อโจทก์มิได้ยกประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้.
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์ มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตาม ม.1476 เมื่อโจทก์มิได้ยกประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำแทนบริษัทจำกัด: ความรับผิดของกรรมการและบริษัทเมื่อกรรมการสั่งซื้อและจ้างงาน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยโดยร่วมกันและแทนกันได้ซื้อเชื่อสิ่งของต่างๆ และจ้างโจทก์ติดตั้งไฟฟ้ารวมเป็นเงิน 14,405 บาทขอให้ร่วมกันและแทนกันใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะโจทก์พรรณาความชัดแจ้งพอที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 2 ซื้อของจากโจทก์และจ้างโจทก์เพื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 หรือนัยหนึ่งได้ทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับและใช้ประโยชน์ไปเสร็จแล้วไม่จำต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราของบริษัทตามข้อบังคับ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็หาพ้นความรับผิดไม่
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 2 ซื้อของจากโจทก์และจ้างโจทก์เพื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 หรือนัยหนึ่งได้ทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับและใช้ประโยชน์ไปเสร็จแล้วไม่จำต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราของบริษัทตามข้อบังคับ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็หาพ้นความรับผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำแทนบริษัท: แม้ไม่มีการลงนามตามข้อบังคับ ก็ผูกพันบริษัทได้หากทำเพื่อกิจการ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยโดยร่วมกันและแทนกันได้ซื้อเชื่อสิ่งของต่าง ๆ และจ้างโจทก์ติดตั้งไฟฟ้ารวมเป็นเงิน 14,405 บาท ขอให้ร่วมกันและแทนกันใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะโจทก์พรรณาความชัดแจ้งพอที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 2 ซื้อของจากโจทก์และจ้างโจทก์เพื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 หรือนัยหนึ่งได้ทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับและใช้ประโยชน์ไปเสร็จแล้ว ไม่จำต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราของบริษัทตามข้อบังคับ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็หาพ้นความรับผิดไม่.
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 2 ซื้อของจากโจทก์และจ้างโจทก์เพื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 หรือนัยหนึ่งได้ทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับและใช้ประโยชน์ไปเสร็จแล้ว ไม่จำต้องให้กรรมการลงนามและประทับตราของบริษัทตามข้อบังคับ บริษัทจำเลยที่ 1 ก็หาพ้นความรับผิดไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การสืบพยานเรื่องคัดค้านเพื่อสนับสนุนการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยไม่ถือเป็นนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จำเลยอาศัยขอให้ขับไล่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยที่พิพาทเดิมเป็นของบรรพบุรุษของสามีจำเลยได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยตกทอดสืบมาจนถึงจำเลย
ดังนี้ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบถึงนางเผื่อนว่า (มารดาสามีจำเลย)ได้เคยร้องคัดค้านเกี่ยวกับที่พิพาทไว้อย่างไรนั้นย่อมสืบได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะการสืบถึงเรื่องคัดค้านในกรณีนี้ก็คือการสืบถึงเหตุที่มาแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยนั้นเอง
ดังนี้ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบถึงนางเผื่อนว่า (มารดาสามีจำเลย)ได้เคยร้องคัดค้านเกี่ยวกับที่พิพาทไว้อย่างไรนั้นย่อมสืบได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะการสืบถึงเรื่องคัดค้านในกรณีนี้ก็คือการสืบถึงเหตุที่มาแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การสืบพยานถึงเหตุแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยเพื่อพิสูจน์กรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยอาศัยขอให้ขับไล ่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยที่พิพาทเดิมเป็นของบรรพบุรุษของสามีจำเลยได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยตกทอดสืบมาจนถึงจำเลย
ดังนี้ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบถึงนางเผื่อนว่า (มารดาสามีจำเลย) ได้เคยร้องคัดค้านเกี่ยวกับที่พิพาทไว้อย่างไรนั้นย่อมสืบได้ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะการสืบถึงเรื่องคัดค้านในกรณีนี้ก็คือการสืบถึงเหตุที่มาแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยนั้นเอง.
ดังนี้ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบถึงนางเผื่อนว่า (มารดาสามีจำเลย) ได้เคยร้องคัดค้านเกี่ยวกับที่พิพาทไว้อย่างไรนั้นย่อมสืบได้ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะการสืบถึงเรื่องคัดค้านในกรณีนี้ก็คือการสืบถึงเหตุที่มาแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยนั้นเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความสาหัสของบาดแผลและการฟ้องคดีอาญาเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ทุพพลภาพไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้เพราะความทุพพลภาพเกินกว่า 20 วัน
แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเองนับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง 16 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อเกินกว่า 20 วันไปแล้วผู้เสียหายก็ยังคงทุพพลภาพด้วยทุกขเวทนากล้าหรือไม่สามารถประกอบการเลี้ยงชีพตามปกติได้กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเองผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ฉะนั้นผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลาที่กฎหมาย กำหนดไว้ก็ได้ ดังนี้แม้จำเลยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตามแต่ขณะโจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องก็รับฟังเช่นนั้นไม่ได้(จึงลงโทษจำเลยตาม ม.256ไม่ได้จำเลยควรมีความผิดตามมาตรา 254 เท่านั้น)
แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเองนับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง 16 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อเกินกว่า 20 วันไปแล้วผู้เสียหายก็ยังคงทุพพลภาพด้วยทุกขเวทนากล้าหรือไม่สามารถประกอบการเลี้ยงชีพตามปกติได้กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเองผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ฉะนั้นผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลาที่กฎหมาย กำหนดไว้ก็ได้ ดังนี้แม้จำเลยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตามแต่ขณะโจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องก็รับฟังเช่นนั้นไม่ได้(จึงลงโทษจำเลยตาม ม.256ไม่ได้จำเลยควรมีความผิดตามมาตรา 254 เท่านั้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความสาหัสของบาดแผลและการรับสารภาพของจำเลยที่ไม่ผูกพันโจทก์ในการนำสืบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ทุพลภาพไม่สามารถประกอบหาเลี้ยงชีพได้เพราะความทุพลภาพเกินกว่า 20 วัน
แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเอง นับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง 16 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อเกินกว่า 20 วันไปแล้วผู้เสียหายก็ยังคงทุพลภาพด้วยทุกขเวทนากล้าหรือไม่สามารถประกอบการลี้ยงชีพตามปกติได้ กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเองผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ ฉนั้นผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลาที่ ก.ม.กำหนดไว้ก็ได้ ดังนี้แม้จำเยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ขณะโจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้อง ก็รับฟังเช่นนั้นไม่ได้ (จึงลงโทษจำเลยตาม ม.256 ไม่ได้ จำเลยควรมีความผิดตาม ม.254 เท่านั้น)
แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเอง นับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง 16 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อเกินกว่า 20 วันไปแล้วผู้เสียหายก็ยังคงทุพลภาพด้วยทุกขเวทนากล้าหรือไม่สามารถประกอบการลี้ยงชีพตามปกติได้ กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเองผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ ฉนั้นผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลาที่ ก.ม.กำหนดไว้ก็ได้ ดังนี้แม้จำเยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ขณะโจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้อง ก็รับฟังเช่นนั้นไม่ได้ (จึงลงโทษจำเลยตาม ม.256 ไม่ได้ จำเลยควรมีความผิดตาม ม.254 เท่านั้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินสมรส: เจ้าของร่วมไม่สามารถขอถอนการยึดได้ แต่มีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งในทางบังคับคดี
ได้ความว่าผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นภรรยาจำเลย โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยและผู้ร้อง แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ผู้ร้องขัดทรัพย์จะขอให้ถอนการยึดทรัพย์รายพิพาททั้งหมดหรือให้ถอนเพียงกึ่งหนึ่งหาได้ไม่แต่ไม่ตัดสิทธิในการที่จะขอให้แบ่งส่วนของตนในทางบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินสมรส: เจ้าของร่วมไม่สามารถขอถอนยึดได้ แต่มีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งในทางบังคับคดี
ได้ความว่าผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นภรรยาจำเลย โจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยและผู้ร้องแม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ผู้ร้องขัดทรัพย์จะขอให้ถอนการยึดทรัพย์รายพิพาททั้งหมดหรือให้ถอนเพียงกึ่งหนึ่งหาได้ไม่แต่ไม่ตัดสิทธิในการที่จะขอให้แบ่งส่วนของตนในทางบังคับคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืน: ไม่ใช่ละเมิด แต่เป็นการติดตามทรัพย์
โจทก์ฟ้องเรียกเรือนครัวพิพาทคืน เมื่อฟังว่าเรือนครัวพิพาทจำเลยยกให้โจทก์ ดังนี้คดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับอายุความต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1336 เพราะเป็นการติดตามทรัพย์ของตนคืน มิใช่เป็นการเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา446