คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทปัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษทวีคูณตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ต้องเป็นการกระทำความผิดซ้ำประเภทเดียวกัน
ความผิดที่จะเพิ่มโทษทวีคูณตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 74นั้น หมายถึงความผิดที่ซ้ำประเภทเดียวกัน กล่าวคือซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตั้งแต่มาตรา 249 ถึง 259 ประเภทหนึ่ง กับซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตั้งแต่ มาตรา 288 ถึง 323 อีกประเภทหนึ่ง
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือนมาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม มาตรา 74 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษทวีคูณ ม.74 อาญา: ความผิดซ้ำประเภทเดียวกัน
ความผิดที่จะเพิ่มโทษทวี คูณตาม ก.ม.อาญา ม.74 นั้นหมายถึงความผิดที่ซ้ำประเภทเดียวกัน กล่าวคือซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตั้งแต่ ม.249 ถึง 259 ประเภทหนึ่ง กับซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตั้งแต่ ม. 288 ถึง 323 อีกประเภทหนึ่ง
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือน มาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม. 74 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาซ้ำประเภท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 กรณีความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจร
ความผิดที่จะเพิ่มโทษทวีคูณตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 74นั้น หมายถึงความผิดที่ซ้ำประเภทเดียวกัน กล่าวคือซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตั้งแต่มาตรา 249 ถึง 259 ประเภทหนึ่ง กับซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตั้งแต่ มาตรา 288 ถึง 323 อีกประเภทหนึ่ง
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือนมาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม มาตรา 74 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะจากเหตุถูกยั่วยุโดยผู้ตาย ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
การที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลยก่อน จำเลยจึงวิ่งไปเอาหอกในเรือนห่างเพียง 1 วาเข้าทำร้ายผู้ตาย ในทันใดนั้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงบันดาลโทษะขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบรรดาลโทษะได้+

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะ แม้มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ หากพิจารณาได้จากพฤติการณ์
การที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลยก่อน จำเลยจึงวิ่งไปเอาหอกในเรือนห่างเพียง 1 วาเข้าทำร้ายผู้ตาย ในทันใดนั้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษฐานบันดาลโทสะ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้
การที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลยก่อน จำเลยจึงวิ่งไปเอาหอกในเรือนห่างเพียง 1 วาเข้าทำร้ายผู้ตาย ในทันใดนั้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงบันดาลโทษะขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีกับจำเลยที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และกระบวนการอุทธรณ์คำสั่งศาล
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้วเจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาลหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วน ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม มาตรา 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม มาตรา 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และกระบวนการอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้วเจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาลหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วน ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม มาตรา 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม มาตรา 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีกับจำเลยที่อยู่ระหว่างการล้มละลายและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้ว เจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาสนาหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วนศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ
โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม ม. 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ม. 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการไม่มีสิทธิเรียกร้องค่ารื้อถอนเมื่อเช่าในที่ของผู้อื่น
ผู้เช่าต้องรื้อถอนโรงเรือนที่ปลูกในที่เช่าเมื่อผู้เช่าบอกเลิกสัญญา ผู้เช่าจะเรียกค่ารื้อถอนไม่ได้
of 282