คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทปัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของที่ดินมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าและเรียกร้องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ผู้เช่าไม่มีสิทธิเรียกค่ารื้อ
ผู้เช่าต้องรื้อถอนโรงเรือนที่ปลูกในที่เช่าเมื่อผู้เช่าบอกเลิกสัญญา ผู้เช่าจะเรียกค่ารื้อถอนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346-1347/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม - การสืบพยาน - ค่าขึ้นศาล: ศาลฎีกาตัดสินประเด็นฟ้องเคลือบคลุม การคัดค้านการสืบพยาน และการคำนวณค่าขึ้นศาล
ฟ้องโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2 ประการ แม้ข้ออ้างอันหนึ่งจะไม่แสดงแจ้งชัดเป็นฟ้องเคลือบคลุม แต่ข้อหาอีกข้อหนึ่งไม่เคลือบคลุม ฟ้องของโจทก์ก็หาเสียไปทั้งฉบับไม่
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346-1347/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม-สิทธิในการคัดค้านพยาน-ค่าขึ้นศาล: ศาลฎีกาพิพากษายืนคดีขับไล่และให้คืนค่าขึ้นศาลเกิน
ฟ้องโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2 ประการ แม้ข้ออ้างอันหนึ่งจะไม่แสดงแจ้งชัดเป็นฟ้องเคลือบคลุม แต่ข้อหาอีกข้อหนึ่งไม่เคลือบคลุม ฟ้องของโจทก์ก็หาเสียไปทั้งฉบับไม่
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากวิวาทปืน: การประเมินเจตนาจากพฤติการณ์ยิง และผลกระทบต่อความผิดฐานพยายามฆ่า
ต่างใช้ปืนแก๊บยิงกันฝ่ายละนัด โดยสมัครใจวิวาทกันกระสุนถูกฝ่ายเดียวในที่ไม่สำคัญจึงเพียงแต่มีบาดเจ็บ หากถูกที่สำคัญก็ทำให้ตายได้ ต่างฝ่ายต่างมีความผิดตาม มาตรา 249,60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากวิวาทปืน: การพิจารณาเจตนาจากพฤติการณ์ยิง และการใช้ดุลพินิจของศาล
ต่างใช้ปืนแก๊บยิงกันฝ่ายละนัด โดยสมัครใจวิวาทกันกระสุนถูกฝ่ายเดียวในที่ไม่สำคัญจึงเพียงแต่มีบาดเจ็บ หากถูกที่สำคัญก็ทำให้ตายได้ ต่างฝ่ายต่างมีความผิดตาม มาตรา 249,60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเช่าเพื่อค้า สละเจตนาอยู่อาศัย ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารวยอื่น ๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์ เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่น ๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่ง เช่นนี้แล้วแม้จำเลยจะได้ปลูกเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อค้าและให้เช่าช่วง การสละเจตนาเดิมทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารายอื่นๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่นๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่งเช่นนี้แล้ว แม้จำเลยจะได้ปลูกโรงเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเช่าเพื่อการค้า vs. อยู่อาศัย: จำเลยสละเจตนาเดิม ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารายอื่นๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่นๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่งเช่นนี้แล้ว แม้จำเลยจะได้ปลูกโรงเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องระบุตัวบุคคลชัดเจน โจทก์ต้องพิสูจน์ได้ว่าใครคือผู้ถูกหมิ่นประมาท
กรณีที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทข้อความที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงถึงบุคคลใดโดยเฉพาะและโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงบุคคลผู้ถูกหมิ่นประมาทนั้นด้วย
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาท ก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์ได้เป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทต้องระบุตัวบุคคลชัดเจน และโจทก์ต้องพิสูจน์ได้ว่าใครคือผู้ถูกใส่ความ
กรณีที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทข้อความที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงถึงบุคคลใดโดยเฉพาะ และโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงบุคคลผู้ถูกหมิ่นประมาทนั้นด้วย
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาทก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใดเป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
of 282