พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการครอบครองรถจักรยานยนต์ของผู้อื่น ศาลฎีกาวินิจฉัยพฤติการณ์บ่งชี้ถึงเจตนา
จำเลยจูงรถจักรยานยนต์ของบุคคลอื่นซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ไปจากที่จอดรถหน้าสถานีตำรวจ โดยไม่มีเหตุที่จะทำให้สำคัญผิดได้ว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของจำเลย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปทันขณะจำเลยกำลังจูงรถจักรยานยนต์อยู่ จำเลยก็ไม่ได้โต้เถียงว่าเป็นรถจำเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาตขับขี่และสำเนาทะเบียนรถจำเลยก็ไม่มีแสดง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปโดยเจตนาทุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาขู่เข็ญเพื่อปล้นทรัพย์: การพิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยกับพวกอีก 3 คนเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ซึ่งมี ส. กับสามีนอนอยู่ในมุ้งบนบ้าน.ส. ตื่นและได้ยินเสียงคนร้ายพูดกันว่า ถ้าเจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ ตาย ส.จึงแกล้งนอนหลับส่วนสามีของส. ยังนอนหลับ อยู่จำเลยนั่งคุมส.กับสามีของส.อยู่ข้างมุ้งพวกของจำเลย ค้นหาทรัพย์ในบ้าน เมื่อได้ทรัพย์แล้วพา กันหลบหนีไป การที่จำเลยกับพวก พูดกันเองว่าถ้า เจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ตายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวก รู้ว่า ส. ตื่นและได้ยินข้อความที่จำเลยกับพวกพูดกัน เช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาขู่เข็ญว่าจะ ใช้กำลังประทุษร้าย ส. การกระทำของจำเลยกับพวกไม่เป็น ความผิดฐานปล้นทรัพย์ คงเป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1),(7),(8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาขู่เข็ญเพื่อปล้นทรัพย์: การรับฟังพยานหลักฐานที่พิสูจน์เจตนาของผู้กระทำผิด
จำเลยกับพวกอีก 3 คนเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ซึ่งมี ส. กับสามีนอนอยู่ในมุ้งบนบ้าน. ส. ตื่นและได้ยินเสียงคนร้ายพูดกันว่า ถ้าเจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ ตาย ส. จึงแกล้งนอนหลับ ส่วนสามีของ ส. ยังนอนหลับ อยู่จำเลยนั่งคุม ส. กับสามีของ ส. อยู่ข้างมุ้ง พวกของจำเลย ค้นหาทรัพย์ในบ้าน เมื่อได้ทรัพย์แล้วพา กันหลบหนีไป การที่จำเลยกับพวก พูดกันเองว่าถ้า เจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ตาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวก รู้ว่า ส. ตื่นและได้ยินข้อความที่จำเลยกับพวกพูดกัน เช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาขู่เข็ญว่าจะ ใช้กำลังประทุษร้าย ส. การกระทำของจำเลยกับพวกไม่เป็น ความผิดฐานปล้นทรัพย์ คงเป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), (7), (8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์เมื่อไม่มีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือใช้กำลังประทุษร้าย
จำเลยกับพวกเข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเวลากลางคืนแล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมเดินเข้าไปในห้องนอนผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายตะโกนเรียกให้บิดาช่วยทันทีที่เห็นจำเลยจำเลยผละวิ่งหนีออกจากห้องนอนในขณะนั้นโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้มีดจ้องจี้หรือแสดงท่าทีให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3411/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จ: การเคลื่อนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ตั้งเดิมถือเป็นความผิดสำเร็จ
จำเลยนำกบไฟฟ้าของผู้เสียหายจากตึกชั้นสองขึ้นไปเก็บบนตึกหลังเดียวกันชั้นสามซึ่งเป็นที่อาศัยนอนของจำเลยเป็นการเคลื่อนย้ายจากที่ตั้งปกติและแย่งการครอบครองทรัพย์นั้นไปจากผู้เสียหายแล้ว อยู่ในสภาพพร้อมที่จะนำไปให้พ้นจากตึกของผู้เสียหายเมื่อมีโอกาส การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2282/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าบ้านและมอบหมายให้ดูแลทรัพย์สินไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ แต่เป็นการยักยอก
ผู้เสียหายให้จำเลยเช่าบ้านและบอกให้จำเลยช่วยดูแลทรัพย์สินในบ้านถือเป็นการมอบหมายให้จำเลยครอบครองทรัพย์ที่อยู่ในบ้านแทนผู้เสียหายแล้ว เมื่อจำเลยเอาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขต 'เคหสถาน' และการพยายามลักทรัพย์ในสถานที่เลี้ยงสัตว์
สถานที่เกิดเหตุเป็นคอกสุกรและห้องพักคนงานซึ่งมีรั้วสังกะสีล้อมรอบทุกด้านคอกสุกรสร้างขึ้นเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญของผู้เสียหายสำหรับเก็บรักษาสุกรโดยเฉพาะส่วนห้องพักคนงานและห้องแถวเป็นวัตถุประสงค์อันดับรองที่สร้างขึ้นให้คนงานพักอาศัยชั่วคราวเพื่อดูแลสุกร คอกสุกรแม้จะอยู่ติดกับห้องแถว ก็ไม่ใช่บริเวณของห้องแถวซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนดังกล่าว คอกสุกรจึงไม่ใช่เคหสถานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(4) การที่จำเลยเข้าไปยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้วสังกะสี จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364
จำเลยได้เตรียมค้อน มีด และเชือกของกลางกลับมาที่เกิดเหตุ ได้ขุดรูใต้รั้วสังกะสีเพื่อทำเป็นช่องทางพาสุกรไป จำเลยเข้าไปอยู่ภายในรั้วสังกะสี ยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้ว ห่างประมาณ 1 เมตร โดยที่คอกสุกรตามสภาพมิได้ทำไว้กันขโมย แต่ทำไว้เพื่อมิให้สุกรออกไป จำเลยพร้อมที่จะลักเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งได้โดยสะดวกโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวมัดหรือฆ่า แล้วพาไปทางรูใต้สังกะสีที่ขุดไว้ การกระทำของจำเลยถือว่าเข้าขั้นลงมือกระทำความผิด เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้วแต่ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)
จำเลยได้เตรียมค้อน มีด และเชือกของกลางกลับมาที่เกิดเหตุ ได้ขุดรูใต้รั้วสังกะสีเพื่อทำเป็นช่องทางพาสุกรไป จำเลยเข้าไปอยู่ภายในรั้วสังกะสี ยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้ว ห่างประมาณ 1 เมตร โดยที่คอกสุกรตามสภาพมิได้ทำไว้กันขโมย แต่ทำไว้เพื่อมิให้สุกรออกไป จำเลยพร้อมที่จะลักเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งได้โดยสะดวกโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวมัดหรือฆ่า แล้วพาไปทางรูใต้สังกะสีที่ขุดไว้ การกระทำของจำเลยถือว่าเข้าขั้นลงมือกระทำความผิด เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้วแต่ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขต ‘เคหสถาน’ และการพยายามลักทรัพย์: การกระทำภายในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ไม่ถือเป็นบุกรุกเคหสถาน
สถานที่เกิดเหตุเป็นคอกสุกรและห้องพักคนงานซึ่งมีรั้วสังกะสีล้อมรอบทุกด้าน. คอกสุกรสร้างขึ้นเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญของผู้เสียหายสำหรับเก็บรักษาสุกรโดยเฉพาะ. ส่วนห้องพักคนงานและห้องแถวเป็นวัตถุประสงค์อันดับรองที่สร้างขึ้นให้คนงานพักอาศัยชั่วคราวเพื่อดูแลสุกร. คอกสุกรแม้จะอยู่ติดกับห้องแถว ก็ไม่ใช่บริเวณของห้องแถวซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนดังกล่าว. คอกสุกรจึงไม่ใช่เคหสถานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(4). การที่จำเลยเข้าไปยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้วสังกะสี จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364. จำเลยได้เตรียมค้อน มีด และเชือกของกลางกลับมาที่เกิดเหตุ ได้ขุดรูใต้รั้วสังกะสีเพื่อทำเป็นช่องทางพาสุกรไป. จำเลยเข้าไปอยู่ภายในรั้วสังกะสี ยืนอยู่ริมคอกสุกรภายในรั้ว ห่างประมาณ 1 เมตร. โดยที่คอกสุกรตามสภาพมิได้ทำไว้กันขโมย แต่ทำไว้เพื่อมิให้สุกรออกไป. จำเลยพร้อมที่จะลักเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งได้โดยสะดวกโดยใช้เครื่องมือดังกล่าวมัดหรือฆ่า แล้วพาไปทางรูใต้สังกะสีที่ขุดไว้. การกระทำของจำเลยถือว่าเข้าขั้นลงมือกระทำความผิด เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว.แต่ไม่ผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(8).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ผงดินของขลังจากพระพุทธรูป: ความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ม.335(1)(7) ไม่ใช่ความผิดตาม ม.335ทวิ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันลักเอาผงดินของขลังซึ่งเป็นวัตถุในทางศาสนาที่ทำให้พระพุทธรูปมีความขลังและทรงคุณค่าในความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอัดบรรจุอยู่ในพระพุทธรูป 'พระครูเหล็ก' จำนวนหนัก 4.50 กรัม ประมาณราคาไม่ได้ของวัดแจ้งสว่างไปดังนี้ เป็นฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าผงดินของขลังและพระพุทธรูป 'พระครูเหล็ก' เป็นของวัดแจ้งสว่างฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย
ผงดินของขลังที่บรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปได้มาจากแหล่งสำคัญในทางพุทธศาสนาที่ประชาชนเคารพนับถือ โดยสภาพเป็นผงดินธรรมดา การนำมาบรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปเพื่อให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธรูปยิ่งขึ้นนั้นไม่ใช่วัตถุทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน และคำว่า 'ส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป' ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 มาตรา 3 นั้นหมายถึงส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างพระพุทธรูป เช่น พระเศียร พระหัตถ์ พระกร และพระบาท ฯลฯ ซึ่งถ้าหากส่วนหนึ่งส่วนใดถูกตัดหรือถูกทำลายย่อมทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ผงดินของขลังที่บรรจุอยู่ในฐานองค์พระพุทธรูป แม้จะถูกนำออกไปก็หาทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ไปไม่ รูปลักษณะของพระพุทธรูปยังคงอยู่ในสภาพเดิม ผงดินของขลังจึงไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูปการที่จำเลยลักเอาผงดินของขลังไปจึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 มาตรา 3 ตามที่จำเลยที่ 6 แต่ผู้เดียวได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จะมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ด้วยก็ตาม โดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี จึงต้องมีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ด้วย
ผงดินของขลังที่บรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปได้มาจากแหล่งสำคัญในทางพุทธศาสนาที่ประชาชนเคารพนับถือ โดยสภาพเป็นผงดินธรรมดา การนำมาบรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปเพื่อให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธรูปยิ่งขึ้นนั้นไม่ใช่วัตถุทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน และคำว่า 'ส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป' ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 มาตรา 3 นั้นหมายถึงส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างพระพุทธรูป เช่น พระเศียร พระหัตถ์ พระกร และพระบาท ฯลฯ ซึ่งถ้าหากส่วนหนึ่งส่วนใดถูกตัดหรือถูกทำลายย่อมทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ผงดินของขลังที่บรรจุอยู่ในฐานองค์พระพุทธรูป แม้จะถูกนำออกไปก็หาทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ไปไม่ รูปลักษณะของพระพุทธรูปยังคงอยู่ในสภาพเดิม ผงดินของขลังจึงไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูปการที่จำเลยลักเอาผงดินของขลังไปจึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 มาตรา 3 ตามที่จำเลยที่ 6 แต่ผู้เดียวได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จะมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ด้วยก็ตาม โดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี จึงต้องมีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานลักทรัพย์
การที่จำเลยเอาทรัพย์ซึ่งมีผู้อื่นควบคุมดูแลแทนเจ้าทรัพย์ไป โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ครอบครองและนำทรัพย์นั้นไปแต่อย่างไร จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335