พบผลลัพธ์ทั้งหมด 148 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3929/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดบางส่วนขาดหายไป ศาลต้องพิจารณาเนื้อหาตามข้อกล่าวหา
คำฟ้องโจทก์ตอนต้นได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ แล้วบรรยายถึงหน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ร่วมจำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่3 เป็นพนักงานขายของตามหน้าที่ ได้ร่วมกันเบียดบังยักยอกเงินจำนวน 898,914.76 บาท ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยเสียโดยทุจริตแล้วบรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุคำบรรยายฟ้องเช่นนี้ จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไร ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นเงินของแผนกใด และเบียดบังเอาเงินไปโดยวิธีการอย่างใด ฟ้องโจทก์ก็หาเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานไม่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สิน ไม่ผิดฐานยักยอกทรัพย์ และการระงับคดีด้วยการยอมความ
จำเลยเป็นสหกรณ์อำเภอท่าใหม่และเป็นเลขานุการคณะกรรมการร้านสหกรณ์ท่าใหม่ จำกัด มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการเงินของร้านสหกรณ์ทุกประเภทในเขตอำเภอนั้น ๆและมีหน้าที่บันทึกรายงานการประชุม ทำหนังสือโต้ตอบ ทำงบเดือน โดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน การที่จำเลยเก็บและรักษาเงินจากการจำหน่ายปุ๋ยให้แก่สมาชิกสหกรณ์แล้วเบียดบังเอาไว้ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(2)โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(2)โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานไม่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สิน ไม่ผิดฐานยักยอกทรัพย์ และการยอมความทำให้สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยเป็นสหกรณ์อำเภอท่าใหม่และเป็นเลขานุการคณะกรรมการร้านสหกรณ์ท่าใหม่ จำกัด มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการเงินของร้านสหกรณ์ทุกประเภทในเขตอำเภอนั้น ๆ และมีหน้าที่บันทึกรายงานการประชุม ทำหนังสือโต้ตอบ ทำงบเดือน โดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน การที่จำเลยเก็บและรักษาเงินจากการจำหน่ายปุ๋ยให้แก่สมาชิกสหกรณ์แล้วเบียดบังเอาไว้ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเพราะการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านปัญหานี้ไว้จึงยุติ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุดังกล่าว ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความหรือไม่ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องได้ฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาชำระบัญชีทุจริต: ความเคลือบคลุมของฟ้องและการพิจารณาทรัพย์สินเฉพาะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้ว ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและจำเลยทั้งสามกับพวกดังกล่าวได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่นโดยเจตนาทุจริตอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของห้างซึ่งโจทก์และทายาทอื่นของนายซีมากาเดอร์มีส่วนอยู่ด้วย2 ประการ คือ
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบทรัพย์เพื่อขายและการผิดสัญญา ไม่เข้าข่ายยักยอก
โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงกันให้จำเลยเอาแหวนเพชรของโจทก์ร่วมจำนวน 6 วงราคารวม 216,000 บาทไปขาย ภายในเงื่อนไขว่าจำเลยจะขายในราคาเท่าใดเป็นเรื่องของจำเลย เพียงแต่ว่าภายในเวลาที่กำหนดกันไว้ จำเลยจะต้องนำเงินค่าแหวนแต่ละวงดังกล่าวมาชำระให้โจทก์ร่วม ถ้าขายไม่ได้ให้จำเลยนำแหวนที่เหลือมาคืน ดังนี้ เห็นได้ว่าเมื่อได้รับมอบแหวนไปแล้ว จำเลยจะขายแหวนเหล่านั้นในราคาเท่าใดก็ได้ เพียงแต่จำเลยจะต้องนำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมตามจำนวนที่โจทก์ร่วมตกลงไว้กับจำเลยเท่านั้น หากจำเลยไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมก็เป็นเพียงการผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งโจทก์ร่วมมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวได้ คดีไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายตกลงกันเองและการผิดสัญญา ไม่เข้าข่ายความผิดทางอาญาฐานยักยอก
โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงกันให้จำเลยเอาแหวนเพชรของโจทก์ร่วมจำนวน 6 วง ราคารวม 216,000 บาทไปขาย ภายในเงื่อนไขว่าจำเลยจะขายในราคาเท่าใดเป็นเรื่องของจำเลย เพียงแต่ว่าภายในเวลาที่กำหนดกันไว้ จำเลยจะต้องนำเงินค่าแหวนแต่ละวงดังกล่าวมาชำระให้โจทก์ร่วม ถ้าขายไม่ได้ให้จำเลยนำแหวนที่เหลือมาคืน ดังนี้ เห็นได้ว่าเมื่อได้รับมอบแหวนไปแล้ว จำเลยจะขายแหวนเหล่านั้นในราคาเท่าใดก็ได้ เพียงแต่จำเลยจะต้องนำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมตามจำนวนที่โจทก์ร่วมตกลงไว้กับจำเลยเท่านั้น หากจำเลยไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ร่วมก็เป็นเพียงการผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งโจทก์ร่วมมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวได้ คดีไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2523/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารพาณิชย์ไม่ใช่ผู้จัดการทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 การหักบัญชีผิดไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก
จำเลยเป็นธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจประเภทรับฝากเงินที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม หรือเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้ และมีสิทธิ ใช้ประโยชน์เงินนั้นในทางหนึ่งหรือหลายทางได้ ตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 มาตรา 4 ดังนั้นความสัมพันธ์ ระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นผู้ฝากเงิน กับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับฝากเงินจึงเป็นไป ตามพระราชบัญญัติ การธนาคารพาณิชย์ โดยจำเลยมีฐานะเป็นเพียง ผู้รับฝากเงิน ของโจทก์อย่างธนาคารพาณิชย์เท่านั้น จำเลยหาได้รับ มอบหมาย ให้จัดการทรัพย์สินของโจทก์ตามความหมายที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 353 แห่งประมวลกฎหมายอาญาแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนทำเหมืองแร่เบียดบังผลประโยชน์ ไม่เป็นความผิดอาญาฐานยักยอก แต่เป็นผิดสัญญา
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นกันทำเหมืองแร่โดยโจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้จัดการ ผลิตแร่และครอบครองที่ดินตามคำขออาชญาบัตร จำเลยผลิตแร่ได้แล้วนำออกจำหน่ายเป็นเงินประมาณสามล้านบาทเศษ ไม่ยอมแบ่งให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้ร้อยละ 20 ตามสัญญา ดังนี้ เห็นได้ว่ามิใช่เรื่องจำเลยทำผิดหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สินของโจทก์โดยทุจริต แต่เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น ไม่เป็นผิดอาญาฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนทำเหมืองแร่เบียดบังผลประโยชน์ ไม่ถึงขั้นยักยอกทรัพย์ เป็นเพียงผิดสัญญา
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นกันทำเหมืองแร่โดยโจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้จัดการ ผลิตแร่และครอบครองที่ดินตามคำขออาชญาบัตร จำเลยผลิตแร่ได้แล้วนำออกจำหน่ายเป็นเงินประมาณสามล้านบาทเศษ ไม่ยอมแบ่งให้โจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้ร้อยละ20 ตามสัญญาดังนี้ เห็นได้ว่ามิใช่เรื่องจำเลยทำผิดหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สินของโจทก์โดยทุจริต แต่เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น ไม่เป็นผิดอาญาฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดยักยอกทรัพย์: ลูกจ้างกลุ่มเกษตรกรไม่ใช่ผู้จัดการทรัพย์สินหรือผู้มีอาชีพที่ประชาชนไว้วางใจ
สมุห์บัญชีและพนักงานบัญชีของกลุ่มเกษตรกรไม่ใช่ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สิน หรือมีอาชีพธุรกิจที่ประชาชนไว้วางใจการยักยอกไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา353,354