คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ม. 22

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 175 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องอาญาและการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ศาลแขวง
โจทก์รู้เรื่องความผิดที่กล่าวหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทเปิดเผยความลับและทำให้เสียทรัพย์และรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2510 แล้วโจทก์มาฟ้องคดีขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 322, 358 เมื่อวันที่7 พฤศจิกายน 2510 เกินกำหนด 3 เดือน โดยโจทก์มิได้ร้องทุกข์ไว้คดีของโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96
ศาลแขวงวินิจฉัยคดีข้อหาฐานลักทรัพย์ว่าการกระทำของจำเลยยังฟังไม่ได้ว่ากระทำโดยทุจริต พอแปลความหมายได้ว่าพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยเอาทรัพย์ไปด้วยเจตนาทุจริตเป็นลักทรัพย์ เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อมีฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน: อุทธรณ์ต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์ข้อเท็จจริงจากคำเบิกความ
อุทธรณ์อ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อสำคัญแห่งคดีขัดแย้งและฝ่าฝืนต่อคำพยานหลักฐานในท้องสำนวน เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกไปจากที่ปรากฏในสำนวน หรือยกเอาเรื่องนอกสำนวนขึ้นวินิจฉัย หากแต่ศาลชั้นต้นยกเอาถ้อยคำของพยานโจทก์เหล่านั้นขึ้นมาประกอบเป็นข้อวินิจฉัยว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความจริงตามฟ้องของโจทก์ ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ย่อมเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ที่อ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
(อุทธรณ์อ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อสำคัญแห่งคดีขัดแย้งและฝ่าฝืนต่อคำพยานหลักฐานในท้องสำนวน เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกไปจากที่ปรากฏในสำนวน หรือยกเอาเรื่องนอกสำนวนขึ้นวินิจฉัย หากแต่ศาลชั้นต้นยกเอาถ้อยคำของพยานโจทก์เหล่านั้นขึ้นมาประกอบเป็นข้อวินิจฉัยว่าคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความจริงตามฟ้องของโจทก์ ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ย่อมเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงและการอุทธรณ์คำพิพากษา ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 22 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษาเมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วว่าไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง ย่อมอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 22 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ห้ามโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้ศาลชั้นต้นจะได้กล่าวความไว้ในคำพิพากษามีข้อความต่าง ๆ ดังที่โจทก์อ้างว่าเป็นเรื่องนอกสำนวนหรือมีข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวนก็ดีเมื่อข้อความเหล่านั้นไม่เป็นข้อความสำคัญอันเป็นประเด็นข้อแพ้ชนะทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้อาศัยเฉพาะความตามที่โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้นแต่ประการเดียวเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์โจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงและการอุทธรณ์คำพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา: การจำกัดสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษาเมื่อศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ว่าไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง ย่อมอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 22 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ห้ามโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
แม้ศาลชั้นต้นจะได้กล่าวความไว้ในคำพิพากษามีข้อความต่าง ๆดังที่โจทก์อ้างว่าเป็นเรื่องนอกสำนวนหรือมีข้อเท็จจริงผิดไปจากสำนวนก็ดีเมื่อข้อความเหล่านั้นไม่เป็นข้อความสำคัญอันเป็นประเด็นข้อแพ้ชนะทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้อาศัยเฉพาะความตามที่โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้นแต่ประการเดียว เป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์โจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟัง เป็นการอุทธรณ์ต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่า จำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดโจทก์อุทธรณ์ว่าพฤติการณ์ของจำเลยส่อว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และว่าศาลตีความเจตนาของจำเลยโดยไม่ชอบ ดังนี้เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟัง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดแย้งกับศาลชั้นต้นในคดีอาญา ทำให้การอุทธรณ์ไม่ชอบ
ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องในข้อหายักยอกนั้น ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ หรือจำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ของโจทก์ไว้เป็นของตนโดยทุจริตหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายไว้พิจารณา การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตจะเบียดบังทรัพย์ของโจทก์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยเบียดบังเอาทรัพย์ของโจทก์ไว้เป็นของตนโดยทุจริต จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีหมิ่นประมาทศาลแขวง: การต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมาย
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสืออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสารแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในศาลแขวง: อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง และการพิจารณาฟ้องเคลือบคลุม
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือออกโฆษณาจริง. แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล. จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง. และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น. ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา22. ส่วนที่อุทธรณ์ว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีหมิ่นประมาทต่อศาลแขวง: การห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือออกโฆษณาจริง แต่ข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือศาลหรือละเมิดอำนาจศาล จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือหมิ่นประมาทตามฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 ส่วนที่อุทธรณ์ว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรรับไว้วินิจฉัย
of 18