พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยถูกยั่วยุ: ศาลลดโทษจากความผิดฐานฆ่าเนื่องจากพฤติการณ์ชู้และถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
เมียจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นชู้กับผู้ตายจำเลยมา แอบจับชู้ระหว่างแอบจับชู้ผู้ตายทำชำเรากับเมียน้อยของ จำเลยระหว่างกระทำชำเราเสียงสุกรร้องผู้ตายออกมามองเห็น ปลอดภัยแล้วก็กลับไปทำชำเราต่อแต่ถูกยิงเสียก่อน พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่เป็นธรรมเข้าลักษณะยั่วโทสะตามกฎหมายอาญามาตรา72 แล้ว
จำเลยกระทำผิดในขณะใช้ กฎหมายอาญา ร.ศ.127 แต่คดีมา สู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 แล้ว เช่นนี้เมื่อประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 เป็นคุณแก่จำเลยศาลก็ต้อง หยิบยกประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาใช้บังคับแก่จำเลยตาม มาตรา3
จำเลยกระทำผิดในขณะใช้ กฎหมายอาญา ร.ศ.127 แต่คดีมา สู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 แล้ว เช่นนี้เมื่อประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 เป็นคุณแก่จำเลยศาลก็ต้อง หยิบยกประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาใช้บังคับแก่จำเลยตาม มาตรา3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146-2147/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ปฏิบัติงานตามคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย: กรณีบุกรุกที่ดิน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำราษฎรเข้าทำทำนบในนาของเอกชนตามคำสั่งของนายอำเภอ ซึ่งสั่งการไปตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายและเชื่อตามคำสั่งนั้นโดยสุจริต ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องรับผิด(ประชุมใหญ่ครั้งที่10/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146-2147/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำตามคำสั่งเจ้าหน้าที่โดยสุจริตไม่ถึงขั้นต้องรับผิดชอบในความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำราษฎรเข้าทำทำนบในนาของเอกชนตามคำสั่งของนายอำเภอซึ่งสั่งการไปตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายและเชื่อตามคำสั่งนั้นโดยสุจริต ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลักษณะ ‘สุรา’ ตามกฎหมาย จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าแอลกอฮอล์เมื่อผสมกับของเหลวอื่นสามารถดื่มกินได้ และจำเลยทราบว่าเป็นสุราที่ผิดกฎหมาย
เมื่อตามฟ้องและคำให้การจำเลย ฟังได้เพียงว่าจำเลยมีแอลกอฮอล์ตามฟ้องไว้จริง ศาลจะงดสืบพยานโจทก์และตัดสินว่าจำเลยไม่มีผิดหาได้ไม่
เพื่อที่จะฟังว่า จำเลยมีผิดหรือไม่ จะต้องให้โจทก์สืบพยานว่าแอลกอฮอล์นั้นเมื่อได้ผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้วสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำสุรา และจำเลยรู้ว่าเป็นสุราที่ทำขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายและฟังพยานจำเลยต่อไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2500)
เพื่อที่จะฟังว่า จำเลยมีผิดหรือไม่ จะต้องให้โจทก์สืบพยานว่าแอลกอฮอล์นั้นเมื่อได้ผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้วสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำสุรา และจำเลยรู้ว่าเป็นสุราที่ทำขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายและฟังพยานจำเลยต่อไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ ‘สุรา’ ต้องแสดงได้ว่าเมื่อผสมกับน้ำแล้วดื่มกินได้ และจำเลยรู้ว่าเป็นสุราผิดกฎหมาย
เมื่อตามฟ้องและคำให้การจำเลย ฟังได้เพียงว่าจำเลยมีแอลกอฮอล์ตามฟ้องไว้จริง ศาลจะงดสืบพยานโจทก์และตัดสินว่าจำเลยไม่มีผิดหาได้ไม่
เพื่อที่จะฟังว่า จำเลยมีผิดหรือไม่ จะต้องให้โจทก์สืบพยานว่าแอลกอฮอล์นั้นเมื่อได้ผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้วสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำสุรา และจำเลยรู้ว่าเป็นสุราที่ทำขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายและฟังพยานจำเลยต่อไป.
เพื่อที่จะฟังว่า จำเลยมีผิดหรือไม่ จะต้องให้โจทก์สืบพยานว่าแอลกอฮอล์นั้นเมื่อได้ผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้วสามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับน้ำสุรา และจำเลยรู้ว่าเป็นสุราที่ทำขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายและฟังพยานจำเลยต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำวิจารณ์การประนีประนอมของตำรวจไม่เป็นหมิ่นประมาท
นายตำรวจประนีประนอมให้จำเลยเป็นฝ่ายเสียค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่ชนกัน จำเลยกล่าวว่า "ผู้กองพูดอย่างนี้ เอากฎหมายมาพูดไม่มีศีลธรรม" ดังนี้ ยังไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 116 หรือมาตรา 282
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสัญชาติไทยต้องเกิดจากเจตนาสมัครใจ การได้รับใบสำคัญคนต่างด้าวภายใต้ความกลัวผิดกฎหมาย ไม่ถือเป็นการสละสัญชาติ
ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวนั้นเมื่อจำเลยรับมาเพราะกลัวความผิดตามประกาศของอำเภอจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมาด้วยความสมัครใจ จำเลยจึงไม่มีเจตนาจะสละสัญชาติไทย
เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีคนต่างด้าว ตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่จำต้องไปจดทะเบียนรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามประกาศของอำเภอ จำเลยยังคงเป็นคนมีสัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2456 ดังนี้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะใช้บังคับแก่จำเลยให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วจำเลยก็ไม่มีหน้าที่จะต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับมานั้น
อนึ่งการที่จะขาดจากสัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2496 มาตรา 5 จะต้องเป็นไปด้วยใจสมัครจึงจะถูกต้องตามความประสงค์ของมาตรานี้
เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีคนต่างด้าว ตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่จำต้องไปจดทะเบียนรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามประกาศของอำเภอ จำเลยยังคงเป็นคนมีสัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2456 ดังนี้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะใช้บังคับแก่จำเลยให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วจำเลยก็ไม่มีหน้าที่จะต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับมานั้น
อนึ่งการที่จะขาดจากสัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2496 มาตรา 5 จะต้องเป็นไปด้วยใจสมัครจึงจะถูกต้องตามความประสงค์ของมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสัญชาติไทยต้องเกิดจากเจตนาสมัครใจ การรับใบสำคัญคนต่างด้าวเพราะความกลัวผิดกฎหมาย ไม่ถือเป็นการสละสัญชาติ
ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวนั้นเมื่อจำเลยรับมาเพราะกลัวความผิดตามประกาศของอำเภอจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมาด้วยความสมัครใจ จำเลยจึงไม่มีเจตนาจะสละสัญชาติไทย
เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีคนต่างด้าว ตาม ก.ม. จำเลยจึงไม่จำต้องไปจดทะเบียนรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามประกาศของอำเภอจำเลยยังคงเป็นคนมีสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2456 ดังนี้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะใช้บังคับแก่จำเลยให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วจำเลยก็ไม่มีหน้าที่จะต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับมานั้น
อนึ่งการที่จะขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 2) ม.5 พ.ศ. 2496 จะต้องเป็นไปด้วยใจสมัครจึงจะถูกต้องตามความประสงค์ของมาตรานี้.
เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีคนต่างด้าว ตาม ก.ม. จำเลยจึงไม่จำต้องไปจดทะเบียนรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามประกาศของอำเภอจำเลยยังคงเป็นคนมีสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2456 ดังนี้ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะใช้บังคับแก่จำเลยให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้วจำเลยก็ไม่มีหน้าที่จะต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่จำเลยได้รับมานั้น
อนึ่งการที่จะขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่ 2) ม.5 พ.ศ. 2496 จะต้องเป็นไปด้วยใจสมัครจึงจะถูกต้องตามความประสงค์ของมาตรานี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลตเตอร์ออฟเครดิต: การเสนอและสนองสัญญาซื้อขายระหว่างประเทศ
เลตเตอร์ออฟเครดิตที่ธนาคารได้เปิดเพื่อชำระราคาสินค้าของลูกค้าของธนาคารนั้นย่อมถือว่าเป็นคำเสนอ เมื่อได้มีการส่งสินค้ามาตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้วก็ย่อมถือได้ว่ามีคำสนองก่อให้เกิดสัญญาขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลตเตอร์ออฟเครดิต: คำเสนอและคำสนองที่ก่อให้เกิดสัญญาซื้อขาย
เลตเตอร์ออฟเครดิตที่ธนาคารได้เปิดเพื่อชำระราคาสินค้าของลูกค้าของธนาคารนั้นย่อมถือว่าเป็นคำเสนอเมื่อได้มีการส่งสินค้ามาตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้วก็ย่อมถือได้ว่ามีคำสนองก่อให้เกิดสัญญาขึ้น