พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การบรรยายความประมาทที่จำเลยเข้าใจได้เพียงพอต่อการรับสารภาพ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยขับรถโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยปกติชนโดยจำเลยขับรถพ้นจากเส้นทางริมขอบถนนลาดยางพลัดตกลงไปในหลุมซึ่งห่างจากริมขอบถนนแล้วกระดอนเบนหัวกลับไปบนกลางถนนลาดยางชนรถยนต์ทางล้อหน้าของผู้เสียหายขับสวนทางมา การบรรยายฟ้องเช่นนี้จำเลยควรจะเข้าใจได้แล้วว่าความประมาทของจำเลยก็คือขับรถออกนอกทางตกลงไปในหลุมแล้วกระดอนขึ้นตรงเข้าชนรถยนต์ของผู้เสียหายจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานประกอบการพิสูจน์ความผิดอาญา: พยานบอกเล่า, พยานผู้เห็นเหตุการณ์, และการรับฟังคำให้การของผู้ตาย
คำให้การพยานชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่าเมื่อไม่ได้ตัวผู้ให้การมาเบิกความที่ศาล เพราะตายเสียก่อน ก็อาจใช้ได้แต่มีน้ำหนักน้อย และใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของเครื่องหมายการค้า: แม้ไม่ได้ผลิตเองก็คุ้มครองได้
เมื่อโจทก์ได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไว้ก็ย่อมเป็นเจ้าของมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายที่จดสำหรับสินค้าชนิดนั้นหากจำเลยสั่งสินค้าซึ่งมีเครื่องหมายอย่างเดียวกันเข้ามาจำหน่ายย่อมถือว่าละเมิดสิทธิของโจทก์
ผู้ที่จะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้นั้นหาจำต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะขอจดนั้นด้วยตนเองไม่
ผู้ที่จะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้นั้นหาจำต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะขอจดนั้นด้วยตนเองไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของเครื่องหมายการค้าและการละเมิดสิทธิ แม้มิได้เป็นผู้ผลิต
เมื่อโจทก์จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไว้ก็ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายที่จดสำหรับสินค้าชนิดนั้น หากจำเลยสั่งสินค้าซึ่งมีเครื่องหมายอย่างเดียวกันเข้ามาจำหน่าย ย่อมถือว่าละเมิดสิทธิของโจทก์
ผู้ที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้นั้นหาจำต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะขอจดนั้นด้วยตนเองไม่.
ผู้ที่ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้นั้นหาจำต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะขอจดนั้นด้วยตนเองไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาซื้อบัตรภาพยนตร์ ศาลจำกัดเฉพาะค่าเสียหายที่พิสูจน์ได้จริง ไม่รวมความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ
โจทก์จองบัตรที่นั่งดูภาพยนตร์แล้วแต่ไม่สามารถมานั่งตามที่ ๆ จองไว้เพราะจำเลยกลับขายบัตรสำหรับที่นั่งนั้นให้แก่ผู้อื่นไปอีกย่อมถือว่าจำเลยยกเอาเหตุที่มีคนดูภาพยนต์มากเป็นพิเศษมาเป็นเหตุสุดวิสัยเพื่อแก้ตัวไม่ได้
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตาม ป.พ.พ. ม.215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไร นอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริง ๆ แล้ว สำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ โจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรค 2 แห่ง ป.พ.พ. ม.222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยแก่การที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลย ดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีก ความเสียหายนั้นจะพึงคำนวนเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวนมาด้วย มิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวนเป็นเงินไว้เท่านั้น.
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตาม ป.พ.พ. ม.215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไร นอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริง ๆ แล้ว สำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ โจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรค 2 แห่ง ป.พ.พ. ม.222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยแก่การที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลย ดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีก ความเสียหายนั้นจะพึงคำนวนเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวนมาด้วย มิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวนเป็นเงินไว้เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาจองที่นั่งชมภาพยนตร์ ค่าเสียหายจำกัดเฉพาะเงินที่เสียไป ความเสียหายทางจิตใจไม่อาจเรียกร้องได้
โจทก์จองบัตรที่นั่งดูภาพยนต์แล้วแต่ไม่สามารถมานั่งตามที่ๆจองไว้เพราะจำเลยกลับขายบัตรสำหรับที่นั่งนั้นให้แก่ผู้อื่นไปอีกย่อมถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจะยกเอาเหตุที่มีคนดูภาพยนต์มากเป็นพิเศษมาเป็นเหตุสุดวิสัยเพื่อแก้ตัวไม่ได้
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไรนอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริงๆ แล้วสำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจโจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรคสองแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยการที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลยดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีกความเสียหายนั้นจะพึงคำนวณเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวณมาด้วยมิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวณเป็นเงินไว้เท่านั้น
จำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา215
ในเรื่องค่าเสียหายโจทก์จะเรียกเอาจากจำเลยได้เพียงไรนอกจากค่าเสียหายที่ได้จ่ายเป็นตัวเงินจริงๆ แล้วสำหรับความขวยเขินที่ไม่ได้นั่งดูภาพยนต์ในที่ๆ จองไว้ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจโจทก์จะถือเหตุเหล่านี้มาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะความรู้สึกในทางจิตใจนั้นไม่ใช่ความเสียหายที่จะพึงเรียกร้องกันได้ในกรณีเช่นนี้จะว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตามวรรคสองแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 ก็ไม่ได้
การกำหนดค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามธรรมดาศาลย่อมกำหนดเพื่อชดเชยการที่โจทก์ต้องเสียไป มิใช่กำหนดเพื่อเป็นการลงโทษจำเลยดังนั้นหากโจทก์จะมีความเสียหายอย่างไรอีกความเสียหายนั้นจะพึงคำนวณเป็นราคาเงินเท่าใดก็ต้องคำนวณมาด้วยมิฉะนั้นโจทก์จะได้รับแต่เพียงค่าเสียหายเท่าที่คำนวณเป็นเงินไว้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะบุคคลธรรมดา โดยไม่ได้ฟ้องบริษัท แม้จะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของบริษัท
เทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจ ฯ (ฉบับที่ 3) 2494 ลงวันที่ 18 ม.ค.2494 ข้อ 4,5
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท ในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตาม โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้ เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้.
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท ในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตาม โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้ เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการบริษัท โดยไม่ได้พิสูจน์ว่าจำเลยกระทำผิดด้วยตนเอง ทำให้ลงโทษไม่ได้
เทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจฯ (ฉบับที่ 3)2494ลงวันที่ 18 ม.ค. 2494 ข้อ 4,5
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัทในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตามโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัทในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตามโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่ออยู่อาศัยแล้วค้าขายเล็กน้อยยังคงเป็นเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การที่จำเลยเช่าห้องอยู่อาศัยโดยเสียค่าเซ้งจากผู้เช่าคนเดิม ต่อมา 2 - 3 ปี จึงค้าขายบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ได้ 5 - 6 ปี ก็จดทะเบียนพาณิชย์เสียภาษีโรงค้า ภาษีป้าย มิได้ค้าเป็นล่ำเป็นสันไม่ใหญ่โตและคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยเช่นเดิมทั้งหามีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นไม่, ดังนี้ย่อมถือว่าห้องรายนี้เป็นเคหะตามนัยแห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่ออยู่อาศัยและค้าขายเล็กน้อย ยังคงเป็นเคหะตามกฎหมายควบคุมค่าเช่า แม้จะจดทะเบียนพาณิชย์
การที่จำเลยเช่าห้องอยู่อาศัยโดยเสียค่าเซ้งจากผู้เช่าคนเดิมต่อมา 2-3 ปี จึงค้าขายบ้างเล็กๆ น้อยๆ อยู่ได้ 5-6 ปี ก็จดทะเบียนพาณิชย์เสียภาษีโรงค้าภาษีป้าย มิได้ค้าเป็นล่ำเป็นสันไม่ใหญ่โตและคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยเช่นเดิมทั้งหามีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีกไม่ดังนี้ย่อมถือว่าห้องรายนี้เป็นเคหะตามนัยแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ