พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอนการขายฝากเป็นการเรียกคืนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
การฟ้องขอไถ่ถอนการขายฝากก็ดีหรือการฟ้องขอทำลายนิติกรรมการขายฝากก็ดี เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะเรียกทรัพย์กลับคืนมาเช่นเดียวกันไม่ต่างกันจึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้สัญญาไม่ได้ระบุขอบเขตที่ดินชัดเจน และการตีความข้อตกลงเรื่องค่าปรับ
ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีระบุให้รู้ว่าตรงไหนจะซื้อขายกัน เมื่อโจทก์นำสืบว่าที่ตรงไหนจะซื้อขายกันจึงเป็นการสืบอธิบายเอกสารไม่ต้องห้ามมิใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเอกสาร
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่า เมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่า เมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้ไม่มีระบุสถานที่ชัดเจน การนำสืบเพื่อชี้แจงสถานที่ซื้อขายไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเอกสาร
ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีระบุให้รู้ว่าตรงไหนจะซื้อขายกันเมื่อโจทก์นำสืบว่าที่ตรงไหนจะซื้อขายกันจึงเป็นการสืบอธิบายเอกสารไม่ต้องห้ามมิใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเอกสาร
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่าเมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่าเมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการบุกรุกและใช้สถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการคำนวณค่าเสียหายและดอกเบี้ย
สิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าช่วงปลูกสร้างขึ้นในที่ดินของผู้ให้เช่าถ้าไม่ปรากฏสัญญาระหว่างผู้เช่ากับผู้เช่าช่วงเป็นอย่างอื่นไม่ตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า
รัฐบาลไทยสัญญาให้ฝ่ายสหประชาชาติผู้ชนะสงครามเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยสหประชาชาติจึงมีอำนาจจัดทรัพย์สินของทหารญี่ปุ่น และขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้
การขายกุดังซึ่งต้องรื้อไป เป็นการขายอย่างสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องจดทะเบียนการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แม้เจ้าของที่ดินเป็นผู้ซื้อแล้วไม่รื้อไปก็ไม่แตกต่างกัน
ก.ท.ส.ไม่มีอำนาจให้ผู้ใดใช้กุดัง ซึ่งโจทก์ซื้อจากสหประชาชาติจำเลยใช้กุดังนั้นโดยไม่รับอนุญาตจากโจทก์ย่อมเป็นละเมิดจะอ้างว่าก.ท.ส. อนุญาตให้จำเลยใช้ไม่ได้
เงินวางศาลที่จะให้ยกเว้นไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมนั้นต้องอยู่ในลักษณะที่จะให้คู่ความอีกฝ่ายรับไปได้ ถึงแม้จะไม่ยอมรับผิดถ้าจำเลยวางเงินเพียงเป็นประกันการชำระหนี้ แต่ยังสงวนสิทธิต่อสู้คดีต่อไปไม่ใช่การวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา135,164
รัฐบาลไทยสัญญาให้ฝ่ายสหประชาชาติผู้ชนะสงครามเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยสหประชาชาติจึงมีอำนาจจัดทรัพย์สินของทหารญี่ปุ่น และขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้
การขายกุดังซึ่งต้องรื้อไป เป็นการขายอย่างสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องจดทะเบียนการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แม้เจ้าของที่ดินเป็นผู้ซื้อแล้วไม่รื้อไปก็ไม่แตกต่างกัน
ก.ท.ส.ไม่มีอำนาจให้ผู้ใดใช้กุดัง ซึ่งโจทก์ซื้อจากสหประชาชาติจำเลยใช้กุดังนั้นโดยไม่รับอนุญาตจากโจทก์ย่อมเป็นละเมิดจะอ้างว่าก.ท.ส. อนุญาตให้จำเลยใช้ไม่ได้
เงินวางศาลที่จะให้ยกเว้นไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมนั้นต้องอยู่ในลักษณะที่จะให้คู่ความอีกฝ่ายรับไปได้ ถึงแม้จะไม่ยอมรับผิดถ้าจำเลยวางเงินเพียงเป็นประกันการชำระหนี้ แต่ยังสงวนสิทธิต่อสู้คดีต่อไปไม่ใช่การวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา135,164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การหลอกลวง, การบอกล้างสัญญา, และค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดิน ที่จำเลยทำสัญญาจะซื้อจากผู้อื่นให้โจทก์สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยนี้ใช้ได้ถ้าจำเลยขายที่ดินให้โจทก์ไม่ได้เพราะเจ้าของที่ดินที่จะขายให้จำเลยโอนขายที่ดินให้คนอื่นไปเสีย จำเลยผิดสัญญา
จำเลยผิดสัญญาจะขายที่ดิน จำเลยต้องคืนมัดจำ และเสียค่าสินไหมทดแทนคือ ราคาที่คนภายนอกซื้อที่ดินไปสูงกว่าราคาที่จะขายให้โจทก์เท่าใด จำเลยต้องใช้ส่วนที่สูงกว่าให้โจทก์
จำเลยผิดสัญญาจะขายที่ดิน จำเลยต้องคืนมัดจำ และเสียค่าสินไหมทดแทนคือ ราคาที่คนภายนอกซื้อที่ดินไปสูงกว่าราคาที่จะขายให้โจทก์เท่าใด จำเลยต้องใช้ส่วนที่สูงกว่าให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาจากเจตนา,สภาพ,ทำเลที่ตั้ง และการใช้ประโยชน์
ความหมายของคำว่า "เคหะ" ตามมาตรา 3 ก็คือ "สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย" ส่วนบทบัญญัติต่อไปที่ว่า"โดยไม่คำนึงว่าจะใช้เป็นที่ประกอบธุระกิจการค้าหรืออุตสาหกรรมด้วยเป็นส่วนประธานหรืออุปกรณ์" นั้น เป็นแต่ขยายความแห่งบทบัญญัติตอนต้นเท่านั้น แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ว่า "สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย" และโดยที่พระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับเรื่องการเช่า ฉะนั้นการที่จะวินิจฉัยสิ่งปลูกสร้างใดที่มีการเช่าจะเข้าอยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติหรือไม่ จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่สัญญาด้วย ว่าจะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอยู่อาศัยหรือเพื่อการอื่นใดจึงวางหลักไว้ว่า การที่จะวินิจฉัยว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็น "เคหะ" ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น จำต้องคำนึงถึงเจตนาในเวลาเช่า สภาพและทำเลที่ตั้งของสถานที่เช่า และเหตุผลแวดล้อมอย่างอื่นเป็นข้อประกอบด้วย
ม.13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนด เกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
ม.13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนด เกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'เคหะ' ใน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: พิจารณาเจตนา,สภาพ,ทำเลที่ตั้ง และการใช้ประโยชน์
ความหมายของคำว่า 'เคหะ'ตามมาตรา 3 ก็คือ'สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย' ส่วนบทบัญญัติต่อไปที่ว่า 'โดยไม่คำนึงว่าจะใช้เป็นที่ที่ประกอบธุรกิจการค้าหรืออุตสาหกรรมด้วยเป็นส่วนประธานหรืออุปกรณ์' นั้นเป็นแต่ขยายความแห่งบทบัญญัติตอนต้นเท่านั้นแต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ว่า 'สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย' และโดยที่พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับเรื่องการเช่าฉะนั้นการที่จะวินิจฉัยสิ่งปลูกสร้างใดที่มีการเช่าจะเข้าอยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติหรือไม่จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่สัญญาด้วยว่าจะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอยู่อาศัยหรือเพื่อการอื่นใดจึงวางหลักไว้ว่าการที่จะวินิจฉัยว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็น 'เคหะ'ตามความหมายแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น จำต้องคำนึงถึงเจตนาในเวลาเช่า สภาพและทำเลที่ตั้งของสถานที่เช่าและเหตุผลแวดล้อมอย่างที่เป็นข้อประกอบด้วย
มาตรา13นั้นเป็นเรื่องกฎหมายกำหนดเกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
เช่าห้องไว้เป็นที่เก็บสัมภาระและเป็นห้องนอนของเด็กที่คอยเติมน้ำมันในร้านขายน้ำมันของผู้เช่า ซึ่งอยู่หน้าห้องเช่าและเปิดเข้าออกถึงกันได้ ดังนี้ถือได้ว่าเช่าห้องไว้ก็เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับการค้าของผู้เช่าจึงไม่เป็นเคหะ
มาตรา13นั้นเป็นเรื่องกฎหมายกำหนดเกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
เช่าห้องไว้เป็นที่เก็บสัมภาระและเป็นห้องนอนของเด็กที่คอยเติมน้ำมันในร้านขายน้ำมันของผู้เช่า ซึ่งอยู่หน้าห้องเช่าและเปิดเข้าออกถึงกันได้ ดังนี้ถือได้ว่าเช่าห้องไว้ก็เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับการค้าของผู้เช่าจึงไม่เป็นเคหะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปราณีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือ ประเด็นอำนาจฟ้อง
ผู้เช่าตึกพิพาทตาย ทายาทตกลงกันว่า ถ้าฝ่ายใดได้เช่าตึกนั้นต่อไปก็จะต้องใช้ค่าทดแทนให้อีกฝ่ายหนึ่งมิฉะนั้นจะต้องไปขอรับโอนการเช่าในนามของทายาทร่วมกัน ข้อตกลงนี้เป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องขอให้ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ตกลงกับโจทก์ แม้ไม่ได้ต่อสู้ว่า ข้อตกลงนั้นต้องทำเป็นหนังสือเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความก็ตาม ศาลก็ยกประเด็นเรื่องไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ตกลงกับโจทก์ แม้ไม่ได้ต่อสู้ว่า ข้อตกลงนั้นต้องทำเป็นหนังสือเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความก็ตาม ศาลก็ยกประเด็นเรื่องไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือ และประเด็นอำนาจฟ้อง
ผู้เช่าตึกพิพาทตายทายาทตกลงกันถ้าฝ่ายใดได้เช่าตึกนั้นต่อไปก็จะต้องใช้ค่าทดแทนให้อีกฝ่ายหนึ่งมิฉะนั้นจะต้องไปขอรับโอนการเช่าในนามของทายาทร่วมกันข้อตกลงนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องขอให้ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ตกลงกับโจทก์แม้ไม่ได้ต่อสู้ว่า ข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือก็ตามศาลก็ยกประเด็นเรื่องไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ตกลงกับโจทก์แม้ไม่ได้ต่อสู้ว่า ข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือก็ตามศาลก็ยกประเด็นเรื่องไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นพิจารณาได้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ตายเป็นผู้เริ่มลงมือทำร้ายก่อน ศาลฎีกายกฟ้อง
ผู้ตายก่อเหตุชกต่อยจำเลยก่อน จำเลยไม่สู้วิ่งหนีไปมีคนจะช่วยผู้ตาย จำเลยจึงหนีไปทางอื่นแต่ก็ยังมีคนวิ่งไล่ตามไปจำเลยจึงใช้มีดขนาดกว้างราว 2 นิ้วมือ ยาวราว 3 องคุลี แทงไปทีหนึ่ง แต่บังเอิญถูกที่สำคัญผู้ตายจึงตาย แม้ไม่ปรากฏว่าผู้ตายใช้อาวุธทำร้ายจำเลย การกระทำของจำเลยก็เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ