คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศิลปสิทธิวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหน้าที่ในการครอบครองที่ดินเวนคืนหลังจ่ายค่าทำขวัญ แม้เจ้าของที่ดินยังไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
โจทก์ซึ่งเป็นกระทรวงเจ้าหน้าที่ ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ถูกเวนคืนโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาให้ไว้ จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรับเงินค่าทำขวัญซึ่งได้รับไปแล้ว บัดนี้เกินกำหนดเวลา จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้ศาลขับไล่ อ้างสิทธิตามมาตรา 21 ตอนท้ายและมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2477 ดังนี้ แม้จำเลยจะต่อสู้ว่า ฝ่ายโจทก์มิได้เคยใช้ที่ดินแปลงนี้ จนเวลาล่วงพ้น 5 ปีเศษแล้ว จำเลยจึงขอคืน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม จำเลยจึงฟ้องคดียังอยู่ในระวห่างพิจารณา ก็ดีศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินนั้นได้ โดยไม่ต้องสืบพยานฟังข้อต่อสู้ของจำเลยแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดินและสิทธิการขับไล่ เมื่อผู้รับค่าทำขวัญไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามกำหนด
โจทก์ซึ่งเป็นกระทรวงเจ้าหน้าที่ ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ถูกเวนคืนโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาให้ไว้ จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันรับเงินค่าทำขวัญซึ่งได้รับไปแล้ว บัดนี้เกินกำหนดเวลา จำเลยก็เพิกเฉยจึงขอให้ศาลขับไล่ อ้างสิทธิตามมาตรา 21 ตอนท้ายและมาตรา 33 แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2477 ดังนี้ แม้จำเลยจะต่อสู้ว่า ฝ่ายโจทก์มิได้เคยใช้ที่ดินแปลงนี้จนเวลาล่วงพ้น 5 ปีเศษแล้ว จำเลยจึงขอคืน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม จำเลยจึงฟ้อง คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาก็ดี ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินนั้นได้ โดยไม่ต้องสืบพยานฟังข้อต่อสู้ของจำเลยแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1598/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดขืนคำสั่งพิมพ์ลายนิ้วมือ: ไม่ถือเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน
ฟ้องว่า จำเลยบังอาจขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน ที่สั่งให้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือของจำเลยในฐานะเป็นผู้ต้องหา ไม่มีข้อความว่าเพื่อตรวจสอบว่าเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการสั่งเพื่อรวบรวมหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 131,132 คงฟังได้เพียงเป็นเรื่อง ตามมาตรา11 ฉะนั้นจึงยังไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1598/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา: การรวบรวมหลักฐาน vs. การขัดขืนคำสั่ง
ฟ้องว่า จำเลยบังอาจขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน ที่สั่งให้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือของจำเลยในฐานะเป็นผู้ต้องหา ไม่มีข้อความว่าเพื่อตรวจสอบว่าเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการสั่งเพื่อรวบรวมหลักฐาน ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 131,132 คงฟังได้เพียงเป็นเรื่อง ตามมาตรา 11 ฉะนั้นจึงยังไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรามาตรา 334 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนโดยประมาทและทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาโทษจากพฤติการณ์เมาสุราและวัยรุ่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252 โดยให้จำคุก 2 ปี ปรับ 400 บาท ลดฐานปราณีกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี ปรับ 200 บาทโทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุก 3 ปี ลดฐานปราณีกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนไม่รอการลงอาญา ดังนี้ ถือว่าแก้มากคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษทางอาญาโดยศาลอุทธรณ์และการพิจารณาการรอการลงอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 โดยให้จำคุก 2 ปี ปรับ 400 บาท ลดฐานปรานีกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี ปรับ 200 บาทโทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุก3 ปี ลดฐานปรานีกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนไม่รอการลงอาญา ดังนี้ ถือว่าแก้มากคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1593/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วจำเลยยังอยู่ต่อ ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ แม้จะคิดเป็นอัตราค่าเช่าเดิม
ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ได้บอกกล่าวให้ออกจากห้องเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้บังคับให้จำเลยออก และให้เสียค่าเช่าจนกว่าจะออกดังนี้ แม้จะถือว่าสัญญาเช่าเลิกกันแล้ว การที่จำเลยอยู่ต่อไปเป็นการละเมิด ผู้ให้เช่าต้องเรียกเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ค่าเช่าก็ตาม แต่ตามฟ้องที่กล่าวก็พอถือได้ว่า ผู้ให้เช่าเรียกเอาค่าเสียหายเท่าในอัตราค่าเช่านั้นเอง ศาลย่อมพิพากษาให้ได้ไม่เป็นการเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1593/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเลิกแล้วแต่จำเลยยังอยู่ ผู้ให้เช่ามีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ แม้ฟ้องเรียกค่าเช่า
ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ได้บอกกล่าวให้ออกจากห้องเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้บังคับให้จำเลยออก และให้เสียค่าเช่าจนกว่าจะออก ดังนี้ แม้จะถือว่าสัญญาเช่าเลิกกันแล้ว การที่จำเลยอยู่ต่อไปเป็นการละเมิดผู้ให้เช่าต้องเรียกเป็นค่าเสียหาย ไม่ใช่ค่าเช่าก็ตาม แต่ตามฟ้องที่กล่าวก็พอถือได้ว่า ผู้ให้เช่าเรียกเอาค่าเสียหายเท่าในอัตราค่าเช่านั้นเอง ศาลย่อมพิพากษาให้ได้ไม่เป็นการเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในประเด็นเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายหลังศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษาแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ 7,000 บาทจากจำเลยที่ 1 และอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโจทก์ จึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายด้วยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินกู้ 7,000 บาทแก่โจทก์ส่วนข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ยกเสียโจทก์อุทธรณ์ในข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนอีก ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น: ข้อจำกัดในการฎีกา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ 7000 บาทจากจำเลยที่ 1 และอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโจทก์ จึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินกู้ 7000 บาทแก่โจทก์ส่วนข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ยกเสีย โจทก์อุทธรณ์ในข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนอีกดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายอีกไม่ได้
of 164