พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองเกินสมควรแก่เหตุ: ข้อโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ย่อมเป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงหาใช่เป็นปัญหาในข้อกฎหมายไม่จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายทอดตลาด: สิทธิในการร้องขอให้ขายใหม่
จำเลยไม่ชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นจึงให้ยึดทรัพย์จำเลยออกขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดและตกลงขายให้แก่ผู้ประมูลราคาสูงสุด และผู้ซื้อได้ชำระเงินครบถ้วนแล้ว ดังนี้จำเลยจะร้องขอให้ขายใหม่โดยอ้างว่าได้ราคาน้อยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเลขเครื่องหมายอาวุธปืนโดยไม่เข้าข่ายปลอมแปลงเอกสารราชการ
ข้อเท็จจริงได้ความเพียงตามคำรับของจำเลยว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้มี และใช้ปืนแล้ว แต่เลขเครื่องหมายเดิมที่พานท้ายปืนลบเลือนไป จำเลยจึงตอกตราเลขเครื่องหมายเสียใหม่ด้วยตนเอง ดังนี้ ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าการกระทำของจำเลยอยู่ในลักษณะสามารถที่อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นแก่สาธารณะชน หรือแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำเลยจึงยังไม่ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 223,224 (อ้างฎีกาที่ 1006/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดัดแปลงปืน: การตอกตราเลขเครื่องหมายใหม่ ไม่ถือเป็นความผิด หากไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ข้อเท็จจริงได้ความเพียงตามคำรับของจำเลยว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้มี และใช้ปืนแล้วแต่เลขเครื่องหมายเดิมที่พานท้ายปืนลบเลือนไปจำเลยจึงตอกตราเลขเครื่องหมายเสียใหม่ด้วยตนเองดังนี้ ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าการกระทำของจำเลยอยู่ในลักษณะสามารถที่อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นแก่สาธารณะชน หรือแก่ผู้หนึ่งผู้ใดจำเลยจึงยังไม่ผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 223,224 (อ้างฎีกาที่1006/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีอาญาแทนผู้เสียหาย: ทายาท/ผู้จัดการมรดก ไม่มีอำนาจฟ้องเอง
ในกรณีที่ผู้เสียหายถูกรถยนต์ชนตาย โดยความประมาทของผู้ขับรถยนต์นั้น พี่ชายของผู้เสียหาย แม้จะเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของผู้เสียหายด้วย ก็ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์หรือขอเข้าเป็นโจทก์กับอัยการฟ้องขอให้ศาลลงโทษผู้ขับรถยนต์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252,259
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องคดีอาญาแทนผู้ตาย: ทายาท/ผู้จัดการมรดกไม่มีสิทธิฟ้องเอง
ในกรณีที่ผู้เสียหายถูกรถยนต์ชนตายโดยความประมาทของผู้ขับรถยนต์นั้นพี่ชายของผู้เสียหาย แม้จะเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของผู้เสียหายด้วย ก็ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์หรือขอเข้าเป็นโจทก์กับอัยการฟ้องขอให้ศาลลงโทษผู้ขับรถยนต์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252,259
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ยักยอกทรัพย์ในหน้าที่และทำลายหลักฐานการรักษาทรัพย์
ผู้ช่วยสมุห์บัญชีอำเภอรักษากุญแจเซฟเก็บเงินผลประโยชน์ของทางราชการซึ่งตั้งรักษาไว้บนสถานีตำรวจภูธรอำเภอนั้น แทนสมุห์บัญชีกับปลัดอำเภอเป็นผู้รักษากุญแจเซฟอีกสองดอกแทนนายอำเภอ การปิดเปิดเซฟโดยปกติต้องใช้กุญแจทั้งสามดอก แต่ในคราวเปิดเซฟครั้งหนึ่ง เมื่อปิดเซฟผู้ช่วยสมุห์บัญชีเพทุบายใช้กุญแจดอกที่ตนรักษาดอกเดียวปิดเซฟ โดยปลัดอำเภอไม่ทราบ ครั้นตกตอนกลางคืน ผู้ช่วยสมุหบัญชีนั้นได้ลอบมาเปิดเซฟด้วยกุญแจดอกที่ตนรักษาไว้แล้วเอาเงินในเซฟนั้นไปหมด ดังนี้ผู้ช่วยสมุห์บัญชีมีผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตุสำหรับจำเลยเอง เมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเอง+เพื่อเอาเงินในเซฟ+ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตตรา 130
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตุสำหรับจำเลยเอง เมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเอง+เพื่อเอาเงินในเซฟ+ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตตรา 130
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์โดยผู้รักษากุญแจเซฟ: ความผิดฐานยักยอกทรัพย์เมื่อมีการทำลายตราประทับ
ผู้ช่วยสมุห์บัญชีอำเภอรักษากุญแจเซฟเก็บเงินผลประโยชน์ของทางราชการซึ่งตั้งรักษาไว้บนสถานีตำรวจภูธรอำเภอนั้นแทนสมุห์บัญชีกับปลัดอำเภอเป็นผู้รักษากุญแจเซฟอีกสองดอกแทนนายอำเภอ การปิดเปิดเซฟโดยปกติต้องใช้กุญแจทั้งสามดอกแต่ในคราวเปิดเซฟครั้งหนึ่ง เมื่อปิดเซฟผู้ช่วยสมุห์บัญชีเพทุบายใช้กุญแจดอกที่ตนรักษาดอกเดียวปิดเซฟโดยปลัดอำเภอไม่ทราบ ครั้นตกตอนกลางคืนผู้ช่วยสมุหบัญชีนั้นได้ลอบมาเปิดเซฟด้วยกุญแจดอกที่ตนรักษาไว้แล้วเอาเงินในเซฟนั้นไปหมด ดังนี้ผู้ช่วยสมุห์บัญชีมีผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตสำหรับจำเลยเองเมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเองเพื่อเอาเงินในเซฟอันเป็นความผิดตาม มาตรา 131 แล้วก็ไม่ต้องวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา130 อีก
จำเลยเองเป็นผู้ประทับตราคาดเชือกคาดเซฟเป็นที่สังเกตสำหรับจำเลยเองเมื่อจำเลยตัดเชือกที่ประทับตรานั้นขาดเสียเองเพื่อเอาเงินในเซฟอันเป็นความผิดตาม มาตรา 131 แล้วก็ไม่ต้องวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา130 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนคดีสมคบทำผิด: การสอบสวนผู้สมคบและผู้จับโดยใช้คำพยานเดิมเป็นไปตามกฎหมาย
ได้มีการสอบสวนความผิดในคดีอาญาเรื่องหนึ่งจนถึงแก่ได้มีการฟ้องร้องผู้กระทำผิดต่อศาลศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วภายหลังจับผู้ที่สมคบกระทำความผิดนั้นได้ พนักงานสอบสวนจึงได้สอบสวนตัวผู้สมคบนั้นกับผู้จับประกอบเพียงเท่านั้นส่วนพยานอื่นถือเอาคำพยานในสำนวนการสอบสวนเดิมมิได้เรียกพยานเหล่านั้นมาสอบใหม่อีกดังนี้ ก็ย่อมถือได้ว่าคดีสำหรับผู้สมคบนี้ได้มีการสอบสวนชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนคดีอาญาเพิ่มเติมหลังฟ้องร้องผู้กระทำผิดไปแล้ว ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย หากสอบปากคำผู้ต้องหาและผู้จับกุม
ได้มีการสอบสวนความผิดในคดีอาญาเรื่องหนึ่งจนถึงแก่ได้มีการฟ้องร้องผู้กระทำผิดต่อศาลศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ภายหลังจับผู้ที่สมคบกระทำความผิดนั้นได้ พนักงานสอบสวนจึงได้สอบสวนตัวผู้สมคบนั้นกับผู้จับประกอบเพียงเท่านั้น ส่วนพยานอื่นถือเอาคำพยานในสำนวนการสอบสวนเดิมมิได้เรียกพยานเหล่านั้นมาสอบใหม่อีก ดังนี้ก็ย่อมถือได้ความว่าคดีสำหรับผู้สมคบกันนี้ได้มีการสอบสวนชอบแล้ว