พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบสุราที่ขนเกิน 10 ลิตรโดยไม่ได้รับอนุญาต: สุราต้องคืนเจ้าของ
ขนสุราตั้งแต่ 10 ลิตรขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา 2493 มาตรา 14,38 นั้น จะริบสุราของกลางที่ขนนั้นตามมาตรา 45 ไม่ได้ ต้องคืนแก่เจ้าของ (อ้างฎีกาที่ 508/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบสุราของกลางตาม พ.ร.บ.สุรา กรณีขนสุราเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาต
ขนสุราตั้งแต่ 10 ลิตรขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สุรา 2493 มาตรา 14,38 นั้น จะริบสุราของกลางที่ขนนั้นตามมาตรา 45 ไม่ได้ต้องคืนแก่เจ้าของ (อ้างฎีกาที่ 508/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาทสมัครใจ: คู่กรณีทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่อาจเป็นโจทก์ฟ้องได้
โจทก์จำเลยทะเลาโต้เถียงกันและเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันเป็นการสมัครใจเข้าวิวาท ดังนี้ ถือว่าโจทก์จำเลยไม่ใช่ผู้เสียหาย ฝ่ายใดจะมาเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาทสมัครใจ: คู่กรณีไม่เป็นผู้เสียหาย ฟ้องร้องดำเนินคดีไม่ได้
โจทก์จำเลยทะเลาะโต้เถียงกันและเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันเป็นการสมัครใจเข้าวิวาท ดังนี้ ถือว่าโจทก์จำเลยไม่ใช่ผู้เสียหาย ฝ่ายใดจะมาเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาไถ่ในสัญญาขายฝาก: ข้อความในวงเล็บเป็นอายุสัญญา
หนังสือสัญญาขายฝากบรรทัดต้นที่หัวเรื่องมีความบันทึกว่า หนังสือสัญญาขายฝากกรรมสิทธิ์ที่ดิน ต่อจากนั้นมีวงเล็บในวงเล็บมีบันทึกว่ามีกำหนด 18 เดือน ต่อจากบรรทัดนั้นลงมามีข้อความในเรื่องการขายฝากแต่ไม่มีข้อความกำหนดเวลาไถ่กัน ดังนี้ ถือได้ว่า ข้อความในวงเล็บที่ว่ามีกำหนด18 เดือนนั้น คือเป็นอายุของสัญญา นัยหนึ่งก็คือกำหนดเวลาไถ่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาไถ่ในสัญญาขายฝาก: ข้อความในวงเล็บถือเป็นอายุสัญญาและกำหนดเวลาไถ่
หนังสือสัญญาขายฝากบรรทัดต้นที่หัวเรื่องมีความบันทึกว่า หนังสือสัญญาขายฝากกรรมสิทธิที่ดิน ต่อจากนั้นมีวงเล็บ ในวงเล็บมีบันทึกว่า มีกำหนด 18 เดือน ต่อจากบรรทัดนั้นลงมามีข้อความในเรื่องการขายฝากแต่ไม่มีข้อความกำหนดเวลาไถ่กัน ดังนี้ ถือได้ว่า ข้อความในวงเล็บที่ว่ามีกำหนด 18 เดือนนั้น คือเป็นอายุของสัญญา นัยหนึ่งก็คือกำหนดเวลาไถ่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุเวลาเกิดเหตุ
ฟ้องของโจทก์บอกแต่ วันเดือนปีที่จำเลยกระทำผิด ส่วนเวลาบอกแต่เพียง'เวลากลาง'จะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน โจทก์ไม่บอก ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และฟ้องของโจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโจทก์ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์และว่าจำเลยกระทำผิดดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะเห็นว่าฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 และฎีกาในข้อฟ้องสมบูรณ์อันเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้นแม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยฟังว่าฟ้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผลของคำพิพากษาก็ยังคงต้องปล่อยจำเลยอยู่นั่นเอง ดังนี้ศาลฎีกาก็มีสิทธิรับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ในข้อกฎหมายนั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และฟ้องของโจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโจทก์ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์และว่าจำเลยกระทำผิดดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะเห็นว่าฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 และฎีกาในข้อฟ้องสมบูรณ์อันเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้นแม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยฟังว่าฟ้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผลของคำพิพากษาก็ยังคงต้องปล่อยจำเลยอยู่นั่นเอง ดังนี้ศาลฎีกาก็มีสิทธิรับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ในข้อกฎหมายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องอาญาเนื่องจากขาดรายละเอียดเวลาที่กระทำผิด แม้พิพากษาให้โจทก์ชนะ ก็ต้องปล่อยตัวจำเลย
ฟ้องของโจทก์บอกแต่วันเดือนปีที่จำเลยกระทำผิด ส่วนเวลาบอกแต่เพียง "เวลกลาง" จะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน โจทก์ไม่บอก ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 1598(5)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และฟ้องของโจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโจทก์ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์และว่าจำเลยกระทำผิดดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะเห็นว่าฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 และฎีกาในข้อฟ้องสมบูรณ์อันเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้น แม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยฟังว่าฟ้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผลของคำพิพากษาก็ยังคงต้องปล่อยจำเลยอยู่นั่นเอง ดังนี้ ศาลฎีกาก็มีสิทธิรับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ในข้อกฎหมายนั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และฟ้องของโจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโจทก์ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์และว่าจำเลยกระทำผิดดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะเห็นว่าฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 และฎีกาในข้อฟ้องสมบูรณ์อันเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้น แม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยฟังว่าฟ้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผลของคำพิพากษาก็ยังคงต้องปล่อยจำเลยอยู่นั่นเอง ดังนี้ ศาลฎีกาก็มีสิทธิรับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ในข้อกฎหมายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำซ้อน: ผู้เสียหายไม่สามารถฟ้องคดีเดียวกันซ้ำอีก หลังเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการแล้ว
ผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการซึ่งได้ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดฐานหนึ่งอยู่แล้ว ผู้เสียหายจะมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในเรื่องการกระทำของจำเลยอันเดียวกันนั้นอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าร่วมเป็นโจทก์ vs. การฟ้องเองในคดีเดียวกัน
ผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการซึ่งได้ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดฐานหนึ่งอยู่แล้ว ผู้เสียหายจะมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในเรื่องการกระทำของจำเลยอันเดียวกันนั้นอีกไม่ได้