พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซื้อขายหุ้นส่วน: การที่โจทก์ไม่ได้พิสูจน์ความเป็นหุ้นส่วนหรือเจ้าของตึก ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์กับจีนพวกแซ่ลิ้มเข้าหุ้นส่วนกันซื้อตึกไว้ แต่การนำสืบไม่ได้ความว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วน หรือหากจะเป็นหุ้นส่วนจริงก็ไม่ได้ความว่า โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของตึกรายนี้ แม้เพียงเป็นผู้ครอบครองตึก ก็ไม่ได้ความ ดังนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจะแสดงว่าตึกนี้เป็นของจีนพวกแซ่ลิ้ม หรือจะให้ห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับตึกรายนี้ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอัยการสั่งจ่ายค่าสินบนผู้จับกุมคดีลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักร
ในกรณีที่ฟ้องผู้ลักลอบนำสินค้าที่ต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักรอันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากรและพระราชบัญญัติควบคุมการออกไปนอกฯลฯ นั้น อัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายค่าสินบนและรางวัลแก่ผู้จับตาม พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกฯลฯ มาตรา 9 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอัยการสั่งจ่ายสินบลนำจับคดีลักลอบส่งออกสินค้า
ในกรณีที่ฟ้องผู้ลักลอบนำสินค้าที่ต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรและ พ.ร.บ.ควบคุมการออกไปนอก ฯลฯนั้น อัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายค่าสินบลและรางวัลแก่ผู้จับตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอก ฯลฯมาตรา 9 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวจากการถูกฉุดและข่มขู่ด้วยอาวุธ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามอุทธรณ์
ชายหญิงได้เสียเป็นสามีภริยากันโดยได้เสียกันเอง มีบุตรด้วยกัน 1 คนแล้วเลิกกันหญิงไปมีสามีใหม่ ต่อมาชายพบหญิง อ้อนวอนหญิงให้กลับไปอยู่กินด้วยกันอีก หญิงไม่ยอม อ้อนวอนอยู่หลายครั้งหญิงก็ไม่ยอม ชายจึงใช้กำลังเข้าจับมือหญิงทั้ง 2 ข้างฉุดจะให้ไปกับตน และชักมีดปลายแหลมออกมาขู่จะแทงถ้าหญิงไม่ยอมไป หญิงจึงแย่งมีดนั้นได้ ชายยังคงจับมือหญิงอยู่อีกมือหนึ่ง แล้วจะแย่งมีดกลับคืน หญิงจึงแทงชายไป 1 ที ถูกที่เหนือนมซ้าย อยู่ได้อีกประเดี่ยวหนึ่ง ชายก็ถึงแก่ความตาย ดังนี้ย่อมถือว่าการกระทำของหญิงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายฉุดหญิงไปและไม่ให้แย่งมีดคืนเพราะถ้าแย่งมีดคืนไปได้ ผู้ตายอาจแทงหญิงก็ได้ จึงนับว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายและการขู่เข็ญด้วยอาวุธ
ชายหญิงได้เสียเป็นสามีภริยากันโดยได้เสียกันเองมีบุตรด้วยกัน 1 คนแล้วเลิกกันหญิงไปมีสามีใหม่ต่อมาชายพบหญิงอ้อนวอนหญิงให้กลับไปอยู่กินด้วยกันอีก หญิงไม่ยอม อ้อนวอนอยู่หลายครั้งหญิงก็ไม่ยอมชายจึงใช้กำลังเข้าจับมือหญิงทั้ง 2 ข้างฉุดจะให้ไปกับตน และชักมีดปลายแหลมออกมาขู่จะแทงถ้าหญิงไม่ยอมไป หญิงจึงแย่งมีดนั้นได้ชายยังคงจับมือหญิงอยู่อีกมือหนึ่ง แล้วจะแย่งมีดกลับคืนหญิงจึงแทงชายไป 1 ที ถูกที่เหนือนมซ้าย อยู่ได้อีกประเดี๋ยวหนึ่ง ชายก็ถึงแก่ความตายดังนี้ ย่อมถือว่าการกระทำของหญิง เป็นการกระทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายฉุดหญิงไปและไม่ให้แย่งมีดคืน เพราะถ้าแย่งมีดคืนไปได้ ผู้ตายอาจแทงหญิงก็ได้ จึงนับว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องดำเนินคดีฐานเบิกความเท็จ แม้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องยกฟ้องแล้ว โจทก์ก็ยังเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นพยานในข้อสำคัญในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีนั้นจนถึงที่สุดไปแล้ว ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานเท็จนั้นเพราะโจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษได้ ถ้าหากศาลเชื่อคำเบิกความเท็จของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จแม้คดีอาญาจบแล้ว ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นพยานในข้อสำคัญในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีนั้นจนถึงที่สุดไปแล้ว ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานเท็จนั้นเพราะโจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษได้ถ้าหากศาลเชื่อคำเบิกความเท็จของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ต่อเนื่อง: ลักทรัพย์แล้วลักทรัพย์ซ้ำจากผู้รับฝาก ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์/ชิงทรัพย์
คนร้ายลักโคไปแล้วต่อมาตำรวจพบโคนั้นเข้าจึงนำไปฝากราษฎรไว้คนร้ายกลับมาลักโคนั้นไปจากราษฎรที่ตำรวจฝากอีกย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 290 และถ้าในการลักนี้ได้ใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำร้ายก็ย่อมมีความผิดเข้าลักษณะชิงทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ต่อเนื่อง: ลักทรัพย์แล้วนำไปฝาก ก่อนลักซ้ำจากผู้รับฝาก ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คนร้ายลักโคไปแล้วต่อมาตำรวจพบโคนั้นเข้าจึงนำไปฝากราษฎรไว้คนร้ายกลับมาลักโคนั้นไปจากราษฎรที่ตำรวจฝากอีกย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 290 และถ้าในการลักนี้ได้ใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำร้ายก็ย่อมมีความผิดเข้าลักษณะชิงทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์: เริ่มนับระยะเวลาหลังอายัดตามคำพิพากษา และสิทธิของโจทก์ที่ได้รับความยินยอมจากสามี
ในกรณีร้องขอเฉลี่ยทรัพย์มาตรา 290 วรรคสี่ บัญญัติห้ามมิให้ยื่นคำขอช้ากว่า 3 เดือนนับแต่วันอายัด นั้นมีความหมายถึงการอายัดตามคำพิพากษาเท่านั้น หาใช่มุ่งหมายให้นับแต่วันอายัดก่อนมีคำพิพากษาไม่
ภรรยาได้รับความยินยอมจากสามีให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน จนศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้แล้ว เมื่อจำเลยถูกเจ้าหนี้อื่นยึดและอายัดทรัพย์ไว้ก่อนแล้วภรรยาผู้เป็นโจทก์ก็มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ โดยในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยผู้นี้ ภรรยาไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีซ้ำอีก
คำว่า 'ลูกหนี้ตามคำพิพากษา' ในมาตรา 290 นั้นหมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์ ไม่หมายความว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นๆอยู่อีก
ภรรยาได้รับความยินยอมจากสามีให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน จนศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้แล้ว เมื่อจำเลยถูกเจ้าหนี้อื่นยึดและอายัดทรัพย์ไว้ก่อนแล้วภรรยาผู้เป็นโจทก์ก็มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ โดยในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยผู้นี้ ภรรยาไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีซ้ำอีก
คำว่า 'ลูกหนี้ตามคำพิพากษา' ในมาตรา 290 นั้นหมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์ ไม่หมายความว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นๆอยู่อีก