คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศิลปสิทธิวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยเรื่องตัวแทนในคดีแพ่ง แม้คดีอาญายกฟ้อง
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้องแต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่าผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรงซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใด ศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยคดีแพ่งตามคำพิพากษาคดีอาญา: ศาลฎีกาไม่ผูกพันข้อเท็จจริงในส่วนแพ่งที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง แต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่า ผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้ เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใดศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้สินโดยอ้างเหตุผลชัดเจน ถือเป็นการให้การที่มีเหตุ ไม่ใช่การปฏิเสธลอยๆ ทำให้จำเลยมีสิทธิสืบพยาน
โจทก์ฟ้องเรียกค่านมสดที่ค้างชำระจากจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้ตกลงซื้อนมมาจากโจทก์ไปแล้ว ยังค้างชำระเงินค่านมอยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยให้การปฏิเสธว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริง จำเลยไม่เคยซื้อนมโคจากโจทก์ ไม่ว่าโดยตกลงกันอย่างไร แม้เพียงเสนอทาบทามถามซื้อก็ไม่เคยเลยและว่าไม่มีหนี้สินเกี่ยวค้างดังที่โจทก์ฟ้องเรียกด้วย ดังนี้เป็นคำให้การที่อ้างเหตุไว้แล้วไม่ใช่แฏิเสธลอย ๆ ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำพยานสืบตามที่ให้การไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้โดยอ้างเหตุ จำเลยมีสิทธิสืบพยานตามเหตุที่อ้างได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่านมสดที่ค้างชำระจากจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้ตกลงซื้อนมมาจากโจทก์ได้รับนมจากโจทก์ไปแล้ว ยังค้างชำระเงินค่านมอยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยให้การปฏิเสธว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริงจำเลยไม่เคยซื้อนมโคจากโจทก์ ไม่ว่าโดยตกลงกันอย่างไร แม้เพียงเสนอทาบทามถามซื้อก็ไม่เคยเลยและว่าไม่มีหนี้สินเกี่ยวค้างดังที่โจทก์ฟ้องเรียกด้วย ดังนี้เป็นคำให้การที่อ้างเหตุไว้แล้วไม่ใช่ปฏิเสธลอยๆ ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำพยานสืบตามที่ให้การไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การกรีดยางหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือเป็นการรอนสิทธิเจ้าของ
โจทก์จำเลยต่างเถียงกรรมสิทธิ์ในสวนยางกันจนคดีถึงศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิม) เกี่ยวข้องกับสวนพิพาทจำเลยจึงเข้ากรีดยางแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ศาลฎีกาพิพากษายืนที่สวนยางนี้เป็นของโจทก์เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วเมื่อปรากฏว่าจำเลยได้กรีดยางในสวนยางนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะจนถึงศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ดังนี้จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในการที่จำเลยกรีดน้ำยางในสวนยางของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในที่ดิน: การกรีดน้ำยางหลังศาลตัดสินคดีถึงที่สุด ถือเป็นการรุกล้ำทรัพย์สิน
โจทก์จำเลยต่างเถียงกรรมสิทธิในสวนยางกัน จนคดีถึงศาล ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์(ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิม) เกี่ยวข้องกับสวนพิพาท จำเลยจึงเข้ากรีดยาง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ศาลฎีกาพิพากษายืนทีสวนยางนี้เป็นของโจทก์เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อปรากฎว่าจำเลยได้กรีดยางในสวนยางนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้พิพากษากลับ ดังนี้ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในการที่จำเลยกรีดน้ำยางในสวนยางของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายยื่นอุทธรณ์ฎีกาแทนจำเลย แม้จำเลยหลบหนี
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความในคดีอาญาให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้นั้น ย่อมมีอำนาจลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์แทนตัวความได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือนจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์แทนจำเลย นำไปยื่นต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาและเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายยื่นอุทธรณ์แทนจำเลยที่หลบหนี ไม่กระทบความชอบด้วยกฎหมายของอุทธรณ์
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความในคดีอาญาให้ใช้สิทธิอุทธรณ์,ฎีกาได้นั้น ย่อมมีอำนาจลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์แทนตัวความได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์ แทนจำเลย นำไปยืนต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินกว่าเหตุ: การใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันการทำร้ายด้วยขวาน
จำเลยทั้ง 5 คนต่างมีอาวุธตามหาบุตรสาวของจำเลยที่ 2 ไปถึงที่พักของชายแล้วจะเข้าค้นหาบุตรสาวในที่พักนั้น ชายเจ้าของที่พักไม่ยอมให้เข้าไป จำเลยที่2 ขืนจะเข้าไปให้ได้ ชายเจ้าของที่พักจึงเอาขวานเงื้อจะฟัน จำเลยที่ 2 เอาหอกค้ำไว้ ชายนั้นจะฟันซ้ำอีกจำเลยที่ 1จึงใช้ปืนยิงชายนั้นตายดังนี้จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังถูกทำร้าย ไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบธรรม
จำเลยทั้ง 5 คนต่างมีอาวุธตามหาบุตรสาวของจำเลยที่ 2 ไปถึงที่พักของชายแล้วจะเข้าคค้นหาบุตรสาวในที่พักนั้น ชายเจ้าของที่พักไม่ยอมให้เข้าไป จำเลยที่ 2 ขืนจะเข้าไปให้ได้ ชายเจ้าของที่พักจึงเอาขวานเงื้อจะฟันจำเลยที่ 2 เอาหอกค้ำไว้ชายนั้นจะฟันซ้ำอีก จำเลยที่ 1 จึงใช้ปืนยิงชายนั้นตายดังนี้ จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้
of 164