คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศิลปสิทธิวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการแบ่งผลประโยชน์จากเจ้าของร่วมและการพิสูจน์ข้อตกลงสัญญา การฟ้องร้องต้องระบุประเด็นชัดเจน
โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกัน มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่อกันว่าจำเลยจะแบ่งผลประโยชน์คือค่าเช่าให้โจทก์จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีข้อตกลงหรือสัญญา อย่างใดเลย ดังนี้ข้อที่ว่าโจทก์จำเลยมีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันหรือไม่ จึงเป็นประเด็นฉะนั้นการที่โจทก์ฎีกาขอแบ่งผลประโยชน์เนื่องจากการเป็นเจ้าของร่วมจึงเป็นนอกฟ้องนอก ประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วนดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่งอขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการฟ้องแบ่งทรัพย์สินจากการเป็นเจ้าของร่วม และข้อพิพาทเรื่องสัญญาผลประโยชน์
โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกัน มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่อกันว่า จำเลยจะแบ่งผลประโยชน์คือค่าเช่าให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีข้อตกลงหรือสัญญาอย่างใดเลย ดังนี้ ข้อที่ว่า โจทก์จำเลยมีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันหรือไม่ จึงเป็นประเด็นฉะนั้นการที่โจทก์ฎีกาขอแบ่งผลประโยชน์เนื่องจากการเป็นเจ้าของร่วมจึงเป็นนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วน ดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่องขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทำลายทรัพย์สินและการกระทำความผิดของผู้รับใช้
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์หาว่าบุกรุกแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยหาว่ากระทำให้เสียทรัพย์โดยว่าจำเลยสับฟันถอนต้นผลเอาสินของโจทก์ในที่แปลงเดียวกันนั้น ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเวลาในระหว่างคดีก่อนนั้นเป็นเวลาหยุดอายุความตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 79 ยังต้องนับอายุความตามมาตรา 80 อยู่ ถ้าโจทก์ฟ้องเกิน 3 เดือนคดีก็ขาดอายุความ
ความผิดตามมาตรา 150 นั้นเป็นเรื่องทำลายทรัพย์ในการพิจารณาคดีใด ๆ ของศาล และมีผู้แสดงทรัพย์นั้นให้ปรากฎแล้วถ้าเป็นการทำลายทรัพย์เสียก่อนไปฟ้องศาลแล้ว คดีก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 150
ความผิดตามมาตรา 175, 176 เป็นความผิด ซึ่งผู้รับใช้ยังมิได้กระทำถ้าผู้รับใช้กระทำความผิดไว้แล้ว ผู้ใช้ก็ไม่ผิดตามมาตรา 175, 176 แต่ผิดฐาน+ในความผิดที่ทำขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทำลายทรัพย์สิน: การหยุดชะงักของอายุความและความรับผิดของผู้จ้างวาน
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์หาว่าบุกรุก แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยหาว่า กระทำให้เสียทรัพย์ โดยว่าจำเลยสับฟันถอนต้นผลอาสินของโจทก์ในที่แปลงเดียวกันนั้น ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเวลาในระหว่างคดีก่อนนั้นเป็นเวลาหยุดอายุความตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 79 ยังต้องนับอายุความตามมาตรา 80 อยู่ ถ้าโจทก์ฟ้องเกิน 3 เดือน คดีก็ขาดอายุความ
ความผิดตามมาตรา 150 นั้นเป็นเรื่องทำลายทรัพย์ในการพิจารณาคดีใดๆ ของศาล และมีผู้แสดงทรัพย์นั้นให้ปรากฏแล้ว ถ้าเป็นการทำลายทรัพย์เสียก่อนไปฟ้องศาลแล้วคดีก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 150
ความผิดตามมาตรา 175,176 เป็นความผิด ซึ่งผู้รับใช้ยังมิได้กระทำ ถ้าผู้รับใช้กระทำความผิดไว้แล้ว ผู้ใช้ก็ไม่ผิดตามมาตรา 175,176 แต่ผิดฐานสมคบในความผิดที่ทำขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ และสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องค่าเสียหายเกินเบี้ยปรับ
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นอกจากเบี้ยปรับตามที่กำหนดกันไว้ในสัญญาแล้ว เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เสียไปเกินจากที่กำหนดเป็นเบี้ยปรับกันไว้ได้อีกตามมาตรา 380 วรรค 2
เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดแทนลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และอ้างว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้เมื่อไม่ปรากฎว่าลูกหนี้อยู่แห่งใดผู้ค้ำ ประกันพิศูจน์ไม่ได้ว่าลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และพิศูจน์ไม่ได้ว่าการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่เป็นการยากดังนี้นผู้ค้ำประกันจึงไม่พ้นจากความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ผิดสัญญาและมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเกินเบี้ยปรับ
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ นอกจากเบี้ยปรับตามที่กำหนดกันไว้ในสัญญาแล้ว เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เสียไป เกินจากที่กำหนดเป็นเบี้ยปรับกันไว้ได้อีก ตามมาตรา 380 วรรคสอง
เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดแทนลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และอ้างว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่า ลูกหนี้อยู่แห่งใด ผู้ค้ำประกันพิสูจน์ไม่ได้ว่า ลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และพิสูจน์ไม่ได้ว่าการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่เป็นการยาก ดังนั้นผู้ค้ำประกันจึงไม่พ้นจากความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อความเสียหายจากสัตว์เลี้ยง ตามมาตรา 433 ป.พ.พ. ไม่ต้องพิสูจน์เจตนาหรือประมาท
ในกรณีเกิดความเสียหายขึ้นเพราะสัตว์ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 433 นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เลี้ยงและเจ้าของกระบือได้ทำละเมิด ทำให้กระบือของตนขวิดกระบือของโจทก์เสียหายถึงตายเช่นนี้ ก็เป็นฟ้องอันชัดแจ้งและแสดงเหตุแห่งข้อหาอย่างบริบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เลี้ยงสัตว์เมื่อสัตว์ทำผู้อื่นเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433
ในกรณีเกิดความเสียหายขึ้นเพราะสัตว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เลี้ยงและเจ้าของกระบือได้ทำละเมิด ทำให้กระบือของตนขวิดกระบือของโจทก์เสียหายถึงตาย เช่นนี้ ก็เป็นฟ้องอันชัดแจ้ง และแสดงเหตุแห่งข้อหาอย่างบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องบรรยายว่า จำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ ไม่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
of 164