พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,639 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าเนื่องจากสามีประพฤติชั่วร้ายแรง ทั้งทำร้ายร่างกายและจิตใจ ภริยาขอหย่าได้
สามีเมาสุราเสมอเพราะเป็นคนติดสุราต้องเสพทุกวัน แล้วก็ทุบตีด่าว่าภริยาเสมอมา ภริยาและบุตรเคยห้ามปรามก็ไม่ฟัง บางครั้งก็เตะและใช้ไม้ทำร้ายภริยา และทำลายสิ่งของโดยใช่เหตุ ใช้มีดไล่ทำร้ายก็เคยมี บางครั้งก็ต่อยถึงฟันหัก พฤติการณ์ทั้งปวงดังกล่าวประกอบกันฟังได้ว่าสามีประพฤติชั่วแก่ภริยาถึงขนาดร้ายแรง ภริยาฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่าจากพฤติกรรมร้ายแรง: การทำร้ายร่างกาย, เสพสุรา, ด่าทอ, และความรุนแรงในครอบครัว
พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกปลูกในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และประเด็นความประมาทเลินเล่อของเจ้าของที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้ามาปลูกโรงเรือนในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้อนุญาต ขอให้รื้อถอนและใช้ค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าได้เช่าที่ดินจากผู้มีชื่อ ซึ่งจำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นผู้มีสิทธิให้เช่าดังนี้ ตามฟ้องก็ดีจำเลยต่อสู้ก็ดี ไม่เป็นมาในรูปของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเข้าปลูกโรงเรือนในที่ดินของโจทก์ โดยไม่มีอำนาจ กรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 แต่มาตรา 1310นี้ มีความแบ่งเป็นสองนัย คือเจ้าของที่ดินประมาทเลินเล่อหรือไม่ ฉะนั้นศาลจะพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตามที่โจทก์ฟ้องทีเดียวยังไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกปลูกในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจ และประเด็นเจ้าของที่ดินประมาทเลินเล่อ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้ามาปลูกโรงเรือนในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้อนุญาต ขอให้รื้อถอนและใช้ค่าเสียหาย, จำเลยต่อสู้ว่าได้เช่าที่ดินจากผู้มีชื่อ ซึ่งจำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นผู้มีสิทธิให้เช่าดังนี้ ตามฟ้องก็ดีจำเลยต่อสู้ก็ดีไม่เป็นมาในรูปของ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1310 ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยปลูกโรงเรือนในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีอำนาจ กรณีจึงต้องตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1310 แต่มาตรา 1310 นี้ มีความแบ่งเป็นสองนัย คือเจ้าของที่ดินประมาทเลินเล่อหรือไม่ ฉะนั้นศาลจะพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตามที่โจทก์ฟ้องทีเดียวยังไม่ได้จึงต้องพิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการฟ้องคดีอาญาของอัยการผู้ช่วย: อัยการผู้ช่วยมีอำนาจฟ้องคดีอาญาได้
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ(พ.ร.บ.อัยการ 2478มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(1) ประกอบกับพ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการผู้ช่วยมีอำนาจลงนามฟ้องคดีอาญาได้ โดยอาศัยอำนาจของพนักงานอัยการตามกฎหมาย
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ (พ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 28(1) ประกอบกับ พ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่าผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันทีผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
(ประชุมใหญ่)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่าผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันทีผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายเรือนและสิทธิในการเช่าที่ดิน: หน้าที่ของผู้ขายในการโอนสิทธิเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบถ้วน
ตกลงขายเรือนกันโดยวิธีผ่อนส่ง ในสัญญาข้อหนึ่ง ผู้ขายรับรองว่าเมื่อผู้ซื้อส่งเงินครบแล้ว ผู้ขายจะอนุญาตให้ผู้ซื้อรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วยดังนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้ผู้ซื้อ การที่ผู้ซื้อขอผัดเพื่อสอบเขต หรือขอแถลงรับการโอนช้าไปบ้างนั้นไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ซื้อผิดนัดถึงแก่ทำให้ผู้ขายหมดหน้าที่ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนส่งซื้อเรือนและสิทธิในการโอนการเช่าที่ดิน ผู้ขายมีหน้าที่ต้องโอนเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบ
ตกลงขายเรือนกันโดยวิธีผ่อนส่ง ในสัญญาข้อหนึ่งผู้ขายรับรองว่าเมื่อผู้ซื้อส่งเงินครบแล้วผู้ขายจะอนุญาตให้ผู้ซื้อรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วยดังนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้ผู้ซื้อ การที่ผู้ซื้อขอผัดเพื่อสอบเขตหรือขอแถลงรับการโอนช้าไปบ้างนั้นไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ซื้อผิดนัดถึงแก่ทำให้ผู้ขายหมดหน้าที่ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับรถประมาทต้องระบุรายละเอียดความประมาท มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องหาว่า เขาขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปกติชน เป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหายและเกิดบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก 2477 และ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 259 ดังนี้ เมื่อฟ้องมิได้บรรยายว่าจำเลยมีความประมาทอย่างไร อันเป็นลักษณะของคดีที่จะทำให้จำเลยรู้ข้อหาในความประมาทของตนได้ จัดว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) (อ้างฎีกาที่ 241/2493) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2484)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาประมาทต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่เป็นเหตุแห่งความประมาท มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องหาว่าเขาขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควร เป็นวิสัยของปกติชนเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหายและเกิดบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก 2477 และ ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 259 ดังนี้ เมื่อฟ้องมิได้บรรยายว่าจำเลยมีความประมาทอย่างไรอันเป็นลักษณะของคดีที่จะทำให้จำเลยรู้ข้อหาในความประ มาทของตนได้ จัดว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5)
(อ้างฎีกาที่ 241/2493)
(อ้างฎีกาที่ 241/2493)