พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,027 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักโคต้องระบุชัดว่าเป็นของเกษตรกร การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจน ศาลอุทธรณ์ลงโทษได้
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยลักโคซึ่งเป็นสัตว์พาหนะ และเป็นเครื่องมือประกอบกสิกรรมของเจ้าทรัพย์ไป เพียงเท่านั้น ยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (12) เพราะขาดองค์ความผิดว่าเป็นโคของผู้มีอาชีพกสิกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์โค: การบรรยายฟ้องต้องระบุชัดว่าเป็นโคของผู้มีอาชีพกสิกรรม
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยลักโคซึ่งเป็นสัตว์พาหนะและเป็นเครื่องมือประกอบกสิกรรมของเจ้าทรัพย์ไป เพียงเท่านั้นยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(12)เพราะขาดองค์ความผิดว่าเป็นโคของผู้มีอาชีพกสิกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าต้องพิจารณาเหตุผลที่แท้จริง หากภรรยาไม่ยอมอยู่กับสามีเนื่องจากอิทธิพลครอบครัว สามีไม่ต้องรับผิด
บิดามารดาของภรรยารังเกียจสามีของบุตรสาว ถึงกับกล่าวหาเป็นคดีอาญาและขับไล่สามีของบุตรสาวออกจากบ้านสามีได้มีที่อยู่ใหม่ และขอให้ภรรยาไปอยู่ด้วย ภรรยาไม่ยอมไป เพราะเชื่อคำบิดา มารดา ดังนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของสามีไม่ได้ กรณียังไม่มีเหตุสมควรจะให้หย่ากัน
(อ้างฎีกาที่ 894/2493)
(อ้างฎีกาที่ 894/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าต้องพิจารณาเหตุผลฝ่ายหญิงที่ไม่ยอมอยู่กับสามี แม้สามีจะอุปการะเลี้ยงดูและมีที่อยู่ใหม่
บิดามารดาของภรรยารังเกียจสามีของบุตรสาว ถึงกับกล่าวหาเป็นคดีอาญาและขับไล่สามีของบุตรสาวออกจากบ้าน สามีได้มีที่อยู่ใหม่ และขอให้ภรรยาไปอยู่ด้วย ภรรยาไม่ยอมไป เพราะเชื่อคำบิดามารดา ดังนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของสามีไม่ได้ กรณียังไม่มีเหตุสมควรจะให้หย่ากัน (อ้างฎีกาที่ 894/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงเป็นเหตุลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะและการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ทำให้ศาลลดโทษจำเลยได้ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุก่อน คือ เมาสุราเข้าไปในวงหมากรุกที่จำเลยที่ 1 กำลังเล่นอยู่ แล้วใช้เท้าปัดหรือกวาดตัวหมากรุกในกระดานต่อหน้าประชาชนคนที่ล้อมดูอยู่เป็นอันมาก การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามข่มเหงน้ำใจจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่
การกระทำโดยบันดาลโทสะที่จะได้รับความปราณีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จะต้องปรากฏว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น เกิดในบริเวณวัดซึ่งกำลังมีงานเผาศพต่อหน้าประชาชนจำนวนไม่น้อย จำเลยที่ 1 ย่อมจะรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองเป็นอย่างมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากเหตุข่มเหง: การลดโทษอาญาในคดีทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียว ก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันทีจำเลยตามไปห่างเรือน 6 - 7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่า การกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคล หาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: การลดโทษอาญาในกรณีที่ผู้ถูกข่มเหงกระทำผิดต่อผู้ข่มเหงภายหลังเหตุข่มเหง
ผู้ตายไปพบนางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยอยู่บ้านคนเดียวก็คุกคามเกรี้ยวกราดเป็นทำนองข่มเหงว่าจะฆ่าจะชำเรา ครั้นนางเกษร้องเอ็ดอึงขึ้น ผู้ตายเป็นพระภิกษุจึงต้องรีบลงจากเรือนไป แต่พอดีจำเลยทั้งสองกลับมาได้ยินเสียงร้องและเมื่อทราบเรื่องเลยออกติดตามทันที จำเลยตามไปห่างเรือน 6-7 เส้น ก็ทันและทำร้ายผู้ตายนอนตายอยู่บนถนน ถือว่าการกระทำของนายสุวรรณจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคลหาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้ถูกข่มเหงไม่จำเป็นจะต้องกระทำลงทันทีหรือ ณ ที่ซึ่งถูกข่มเหง หากได้กระทำผิดต่อผู้ที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ก็ยังถือว่ากระทำโดยบันดาลโทสะได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2502)
นายสอจำเลยกับนายสุวรรณจำเลยเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน การที่นางเกษภรรยานายสุวรรณจำเลยถูกข่มเหงรังแก ย่อมเป็นการข่มเหงนายสุวรรณผู้สามีด้วย เป็นเหตุผลเกี่ยวกับตัวบุคคลหาใช่ลักษณะคดีไม่ แม้จำเลยทั้งสองจะทำผิดร่วมกัน ก็จะปรับบทลงโทษนายสอจำเลยตาม มาตรา 72 คือ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีอื่น จำเลยต้องแสดงตนเป็นบุคคลเดียวกันในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาแล้ว ศาลได้ส่งสำเนาให้จำเลยรับไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่า จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีอื่น: จำเลยต้องแสดงตนเป็นบุคคลเดียวกันในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาแล้ว ศาลได้ส่งสำเนาให้จำเลยรับไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่า จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้