พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,027 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขอถอนคืนการให้เนื่องจากผู้รับประพฤติเนรคุณ ต้องพิสูจน์การให้แก่ผู้รับโดยตรง
โจทก์เป็นมารดาภรรยาจำเลย ยกที่ดินให้ภรรยาจำเลยร่วมกับหลานซึ่งเป็นบุตรจำเลย ต่อมาผู้รับทั้งสองตาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ยกที่ดินให้แก่ตัวจำเลยเอง ดั่งนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องถอนคืนการให้เนื่องจากผู้รับประพฤติเนรคุณ ต้องพิสูจน์การให้แก่ผู้รับโดยตรง
โจทก์เป็นมารดาภรรยาจำเลย ยกที่ดินให้ภรรยาจำเลยร่วมกับหลานซึ่งเป็นบุตรจำเลยต่อมาผู้รับทั้งสองตายเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ยกที่ดินให้แก่ตัวจำเลยเองดั่งนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด ไม่ควรริบเป็นของกลาง
เมื่อได้ความว่าปืนของกลางที่จับได้จากจำเลยเป็นปืนของผู้มีชื่อซื้อจากทางราชการขายทอดตลาด ยังไม่ได้ใบรับอนุญาต ในวันเกิดเหตุผู้มีชื่อได้นำไปฝากจำเลยไว้ ดังนี้ ปืนของกลางจึงเป็นปืนของผู้อื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงยังไม่ควรริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด การริบของกลาง
เมื่อได้ความว่าปืนของกลางที่จับได้จากจำเลยเป็นปืนของผู้มีชื่อซื้อจากทางราชการขายทอดตลาด ยังไม่ได้รับใบอนุญาตในวันเกิดเหตุผู้มีชื่อได้นำไปฝากจำเลยไว้ดังนี้ ปืนของกลางจึงเป็นปืนของผู้อื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงยังไม่ควรรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทจากการฝ่าฝืนกฎจราจร: การตีความความประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์และการจราจรโดยมิได้ตั้งใจ แม้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 43บัญญัติว่าเป็นประมาทก็ตาม แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 หาได้บัญญัติไว้เช่นนั้นไม่จึงถือไม่ได้ว่า การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำโดยประมาทไปด้วยทั้งนี้โดยอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจนและการพิสูจน์ความผิดฐานสมคบคิดลักทรัพย์ โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่า ทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่า จำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตาม ม.334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ม.334 เท่านั้น โดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเอง มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่า ทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่า จำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตาม ม.334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ม.334 เท่านั้น โดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเอง มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน ศาลต้องยึดตามคำให้การเดิม แม้มีบันทึกรับสารภาพในรายงานพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงกระท่อมราคาเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
เผากระท่อมนาราคา 413 บาท ราคาเล็กน้อยไม่น่ากลัวอันตรายต่อผู้ใด เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ชื่อบริษัทที่คล้ายคลึงกันจนสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน เป็นการละเมิดสิทธิและก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้นามเมืองทองเป็นชื่อบริษัทเลียนชื่อที่โจทก์ใช้มานานทำให้โจทก์เสียหาย เป็นละเมิดศาลให้ถอนชื่อและให้ค่าเสียหายตามความร้ายแรงแห่งละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาฎีกา: นับจากวันที่ยื่นฎีกา ไม่ใช่สั่งรับฎีกา
ยื่นฎีกาและคำร้องขอให้รับรองฎีกาใน 1 เดือน แต่ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีอนุญาตเมื่อเกิน 1 เดือนไม่ถือเป็นการเกินกำหนดเวลาฎีกา