พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจค้นและยึดโดยไม่มีหมายค้นของเจ้าพนักงาน คดีอาวุธปืนภายใต้คำสั่ง คสช. ที่ 13/2559
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 ข้อ 1 เป็นคำสั่งที่มีสถานะเป็นกฎหมายพิเศษที่ออกใช้บังคับ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และข้อ 2 (1) ระบุให้เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามดำเนินการแก่บุคคลผู้กระทำความผิดหลังมีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำความผิดโดยมีพฤติการณ์ข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด และให้มีอำนาจตามข้อ 3 (4) เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้น รวมทั้งค้นบุคคลหรือยานพาหนะใด ๆ เมื่อมีเหตุสงสัยถือได้ว่าเป็นกฎหมายตราขึ้นยกเว้นบทบัญญัติเรื่องการค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2562
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายใหม่กับคดีถึงที่สุด: ห้ามใช้กฎหมายยาเสพติดที่แก้ไขใหม่ย้อนหลังในคดีที่ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว
แม้ในระหว่างที่จำเลยที่ 2 รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลฎีกา มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 มาตรา 3 ยกเลิกความในมาตรา 15 วรรคสาม ที่ให้ถือว่าการนำเข้าซึ่งเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไป เป็นการนำเข้าเพื่อจำหน่าย อันเป็นบทสันนิษฐานเด็ดขาด และให้ใช้ข้อความใหม่แทนเป็นว่า การนำเข้าซึ่งเมทแอมเฟตามีนตามการคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่ หรือมีน้ำหนักตามจำนวนดังกล่าว เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าเป็นการนำเข้าเพื่อจำหน่ายเท่านั้นก็ตาม แต่มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 นี้ บัญญัติไม่ให้นำไปใช้บังคับย้อนหลังแก่คดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปก่อนหน้าแล้ว เมื่อคดีของจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 ก่อนที่กฎหมายที่แก้ไขใหม่จะมีผลใช้บังคับ จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจอ้าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) ว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 มากกว่ามาตรา 15 วรรคสาม (เดิม) ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) ได้ ดังนั้น ศาลฎีกาไม่อาจพิจารณากำหนดโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2562 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายใหม่กับคดีถึงที่สุด: กฎหมายยาเสพติดโทษแก้ไขใหม่ใช้ย้อนหลังไม่ได้
แม้ในระหว่างที่จำเลยที่ 2 กำลังรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลฎีกา มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 มาตรา 3 ยกเลิกความในมาตรา 15 วรรคสาม ที่ให้ถือว่าการนำเข้าซึ่งเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไป เป็นการนำเข้าเพื่อจำหน่าย อันเป็นบทสันนิษฐานเด็ดขาด และให้ใช้ข้อความใหม่แทนเป็นว่า การนำเข้าซึ่งเมทแอมเฟตามีนตามการคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่หรือมีน้ำหนักตามจำนวนดังกล่าว ให้เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าเป็นการนำเข้าเพื่อจำหน่ายเท่านั้นก็ตาม แต่มาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 นี้ บัญญัติไม่ให้นำไปใช้บังคับย้อนหลังแก่คดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อคดีของจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 ก่อนที่กฎหมายที่แก้ไขใหม่จะมีผลใช้บังคับ จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจอ้าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) ว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 มากกว่ามาตรา 15 วรรคสาม (เดิม) ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) ได้