คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กฎหมายเช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7100/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันออกเช็คตามกฎหมายเช็คคือวันที่ลงในเช็ค แม้ทำสัญญากู้ก่อน แต่หากเช็คตรงกับวันครบกำหนดหนี้ก็ถือเป็นวันออกเช็ค
ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 วันออกเช็คย่อมหมายถึงวันที่ลงในเช็ค ส่วนวันที่เขียนเช็คหาใช่วันออกเช็คไม่ แม้จำเลยจะเขียนเช็คพิพาทก่อนที่ได้ทำสัญญากู้เงินแต่เมื่อวันที่ลงในเช็คตรงกับวันครบกำหนดชำระตามสัญญากู้เงิน แสดงว่าขณะเช็คพิพาทถึงกำหนดสั่งจ่ายซึ่งถือว่าเป็นวันออกเช็คนั้นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือสามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามกฎหมายหาใช่ขณะที่ออกเช็คพิพาทจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ แต่หนี้นั้นยังไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายไม่ เมื่อจำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ซื้อขายที่ดินด้วยเช็คที่มิได้ทำตามฟอร์มและจดทะเบียนตามกฎหมาย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ศาลแขวงวินิจฉัยว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ในการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ขายให้แก่จำเลยแต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การซื้อขายตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 โจทก์ไม่อาจฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายได้พิพากษา ยกฟ้อง และคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่าการสั่งจ่ายเช็คพิพาทของจำเลยเป็นการ ชำระหนี้การซื้อขายที่ดินที่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ผิดไปจากศาลชั้นต้นฟังมา โดยศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ข้อเท็จจริงนั้นผิดต่อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(3)(ก) ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4จึงเป็นการที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6936/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็คเลิกกันตามกฎหมาย เนื่องจากมีการประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งที่เกี่ยวข้องกับมูลหนี้เดียวกัน
การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ร่วมและจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว ทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7สิทธิของโจทก์และโจทก์ร่วมในการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับ ไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ย่อมมีผลเท่ากับว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8046/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คหลังฟ้องคดีอาญา ทำให้คดีอาญาเป็นอันเลิกกันตามกฎหมายเช็ค
เช็คพิพาทที่โจทก์อาศัยเป็นมูลฟ้องจำเลยในคดีอาญา เป็นฉบับเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ดังนั้น ในระหว่างพิจารณาของศาลจำเลยนำเงินตามเช็คพิพาทไปวางณ สำนักงานวางทรัพย์ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และขณะคดีอยู่ระหว่างฎีกาจำเลยได้นำเงินอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมไปวางศาลโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์และเพื่อมิให้ต้องรับโทษทางอาญา หาใช่จำเลยมีเจตนาชำระหนี้โดยมุ่งหมายให้โจทก์ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นอันเป็นกรณีอยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115เมื่อหนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผล ผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็น อันเลิกกันตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอัน เกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ซึ่งบัญญัติขึ้นภายหลังจำเลยกระทำความผิดแล้วและเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายเช็คที่ใช้บังคับ ณ วันที่ยื่นฟ้อง แม้มีการอ้างถึงกฎหมายเดิมที่ถูกยกเลิกแล้ว
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2534 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2535 หลังจากพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534ใช้บังคับแล้ว โดยคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ระบุไว้ชัดเจนว่าขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 3,4 คำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงต้องถือองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 อันเป็นกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยและเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะโจทก์ยื่นฟ้อง ที่โจทก์ฟ้องว่าคำฟ้องของโจทก์บรรยายฟ้ององค์ประกอบความผิดครบถ้วนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3นั้น โจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษตามกฎหมายดังกล่าวทั้งขณะโจทก์ยื่นฟ้องกฎหมายดังกล่าวก็ถูกยกเลิกแล้วตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 3ซึ่งโจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องด้วย เมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4อันเป็นกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยและเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง ดังนี้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3879/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คชำระหนี้ที่ไม่มีอยู่จริงตามกฎหมายเช็ค ถือว่าไม่เป็นความผิด
ไม่มีพยานหลักฐานอันใดของโจทก์และโจทก์ร่วมบ่งชี้ว่าพี่สาวจำเลยยินยอมให้จำเลยชำระเงินที่โจทก์ร่วมอ้างว่าพี่สาวจำเลยยักยอกไปแทนพี่สาวจำเลย ทั้งคดีที่พี่สาวจำเลยถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินของโจทก์ร่วมนั้น พี่สาวจำเลยก็ให้การปฏิเสธ จนพนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไปแล้ว แต่พนักงานอัยการยังไม่ได้ฟ้องพี่สาวจำเลยต่อศาล ดังนั้น เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาว่าพี่สาวจำเลยยักยอกเงินของโจทก์ร่วม จึงไม่อาจฟังว่าพี่สาวจำเลยเอาเงินของโจทก์ร่วมไปโดยพลการ อันทำให้ต้องใช้เงินคืนแก่โจทก์ร่วม เป็นเหตุให้ยังไม่มีหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ร่วมแทนพี่สาวจำเลยด้วยการทำสัญญากู้เงินของโจทก์ร่วม การที่จำเลยออกเช็คในคดีนี้มอบแก่โจทก์ร่วมตามสัญญากู้เงินดังกล่าว จึงไม่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3879/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงตามกฎหมายเช็ค
การออกเช็คที่มีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 นั้นจะต้องปรากฏว่ามีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันอยู่ และเป็นหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย และผู้ออกเช็คได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ดังกล่าวโดยมีลักษณะหรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามอนุมาตราใดอนุมาตราหนึ่งของมาตรา 4 นั้น และผู้ทรงเช็คได้ยื่นเช็คต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมายและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีนี้โจทก์ร่วมกล่าวหาว่าพี่สาวจำเลยยักยอกเงินของโจทก์ร่วม จำเลยต้องการชดใช้เงินแก่โจทก์ร่วมแทนพี่สาวจำเลยจึงทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์ร่วมเท่าจำนวนเงินที่โจทก์ร่วมกล่าวหาว่าพี่สาวจำเลยยักยอกไป และออกเช็คมอบแก่โจทก์ร่วมเพื่อใช้หนี้ตามสัญญากู้เงินดังกล่าว แต่เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาว่าพี่สาวจำเลยยักยอกเงินของโจทก์ร่วม จึงไม่อาจฟังว่าพี่สาวจำเลยเอาเงินของโจทก์ร่วมไปโดยพลการอันทำให้ต้องใช้เงินคืนแก่โจทก์ร่วม เป็นเหตุให้ยังไม่มีหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ร่วมแทนพี่สาวจำเลยด้วยการทำสัญญากู้เงินของโจทก์ร่วม การที่จำเลยออกเช็คในคดีนี้มอบแก่โจทก์ร่วมตามสัญญากู้เงินดังกล่าวจึงไม่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีเช็ค: ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเช็ค และความสำคัญของการชำระหนี้จริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ออกเช็คพิพาทให้ ส.ยึดถือไว้แทนสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์กู้ยืมเงินไปจาก ส.แต่จำเลยเบิกความเป็นพยานโจทก์คดีอาญาซึ่ง ส.ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ว่า โจทก์ออกเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากจำเลยอันเป็นการออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อชำระหนี้ หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์ฟ้อง คำเบิกความของจำเลยย่อมเป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยย่อมมีความผิดตามฟ้อง แต่เนื่องจากในขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ซึ่งเป็นกฎหมายในคดีเดิมที่โจทก์นำมาเป็นมูลในการฟ้องคดีนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วและมีกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ออกมาใช้บังคับแทน ซึ่งการออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ส่วนกรณีการออกเช็คพิพาทแล้วแลกเงินสดมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 อีกต่อไป ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยในคดีนั้นจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีอันจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีเช็ค: ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเช็คต่อความผิดฐานเบิกความเท็จ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ออกเช็คพิพาทให้ส.ยึดถือไว้แทนสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์กู้ยืมเงินไปจากส.แต่จำเลยเบิกความเป็นพยานโจทก์คดีอาญาซึ่ง ส.ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497ว่าโจทก์ออกเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากจำเลยอันเป็นการออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อชำระหนี้หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์ฟ้องคำเบิกความของจำเลยย่อมเป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยย่อมมีความผิดตามฟ้องแต่เนื่องจากในขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497ซึ่งเป็นกฎหมายในคดีเดิมที่โจทก์นำมาเป็นมูลในการฟ้องคดีนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วและมีกฎหมายฉบับใหม่คือพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534ออกมาใช้บังคับแทนซึ่งการออกเช็คที่จะเป็นความผิดนั้นต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายส่วนกรณีการออกเช็คพิพาทแล้วแลกเงินสดมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4อีกต่อไปดังนี้คำเบิกความของจำเลยในคดีนั้นจึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดีอันจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเช็คและการบังคับใช้กฎหมายเช็คในขณะนั้น
ขณะเช็คตามฟ้องถูกปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ฟ้องคดีนั้นพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ยังมิได้ประกาศใช้บังคับการที่โจทก์บรรยายฟ้องตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 จึงเป็นฟ้องที่ขอให้บังคับตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นเป็นการถูกต้องแล้ว
of 4