พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีฟ้องแย้ง: การกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์ส่งผลต่อสิทธิการได้รับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความ
จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่าปรับ และขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาร่วมรับผิดตามฟ้องในฐานะผู้ค้ำประกันโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย และให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย จำเลยร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแย้งของจำเลยสำหรับจำเลยร่วม แม้ตอนท้ายของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะมีข้อความว่า นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น กรณีหาใช่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยยังคงให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใดไม่ ทั้ง ป.วิ.พ. มาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติเป็นหลักไว้ในเบื้องต้นว่า ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดี ย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี เมื่อคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีจำเลยร่วมทั้งสามศาล การที่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนจำเลยร่วม ก็นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเงินฤชาธรรมเนียมจากจำเลยร่วมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4834/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่กำหนดในการชี้สองสถาน การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้ศาลต้องกลับคำพิพากษา
ในการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าสามีจำเลยขายรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์ และได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์แล้วผิดสัญญาหรือไม่ และโจทก์เสียหายเพียงใด เมื่อได้กำหนดประเด็นไว้ดังกล่าวแล้วศาลจึงต้องพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดไว้ในกระบวนพิจารณาชั้นชี้สองสถาน และต้องไม่พิจารณาชี้ขาดตัดสินนอกฟ้องนอกประเด็นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีการซื้อขายและเช่าซื้อรถคันพิพาทและชำระราคากันจริงแล้ว ผลก็เท่ากับว่าไม่เชื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา ต้องพิพากษายกฟ้องทั้งจำเลยก็มิได้ต่อสู้เลยว่าการซื้อขายและเช่าซื้อเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้เงิน ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาว่าเป็นนิติกรรมอำพรางไม่ได้ เพราะเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4834/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องพิจารณาคดีตามประเด็นที่กำหนดในชั้นชี้สองสถาน การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้ต้องกลับคำพิพากษา
ในการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าสามีจำเลยขายรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์ และได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์แล้วผิดสัญญาหรือไม่ และโจทก์เสียหายเพียงใด เมื่อได้กำหนดประเด็นไว้ดังกล่าวแล้วศาลจึงต้องพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดไว้ในกระบวนพิจารณาชั้นชี้สองสถาน และต้องไม่พิจารณาชี้ขาดตัดสินนอกฟ้องนอกประเด็นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีการซื้อขายและเช่าซื้อรถคันพิพาทและชำระราคากันจริงแล้ว ผลก็เท่ากับว่าไม่เชื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา ต้องพิพากษายกฟ้องทั้งจำเลยก็มิได้ต่อสู้เลยว่าการซื้อขายและเช่าซื้อเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้เงิน ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาว่าเป็นนิติกรรมอำพรางไม่ได้ เพราะเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีต้องอยู่ภายในข้อหาที่ฟ้อง การพิพากษาเกินคำขอเป็นเหตุให้ศาลต้องกลับคำพิพากษา
โจทก์เพียงแต่ฟ้องคดีและขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินส่วนที่พิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางภารจำยอมโดยมิได้บรรยายหรือประสงค์ที่จะขอให้ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นด้วยประเด็นแห่งคดีจึงเป็นเรื่องภารจำยอมเท่านั้นการที่ศาลล่างพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นทางจำเป็นผลของคดีจึงเกินคำขอและทำให้ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่จำเลยเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1349วรรคท้ายด้วยจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย การตัดพยาน และการกลับคำพิพากษา
ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 นัดแรก จำเลยที่ 1 ไม่มีพยานมาศาล ศาลอนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาโดยกำชับว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาอีกและให้จำเลยที่ 1นำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดต่อไป ครั้นถึงวันนัดจำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานด้วยตนเอง และขอส่งประเด็นไปสืบพยานจำเลยที่ 1 ยังศาลอื่นอีก 2 ศาลในประเด็นที่จำเลยที่ 1ได้เบิกความไปแล้ว เช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ประวิงคดี ชอบที่ศาลจะไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานและให้ตัดพยานที่จำเลยที่ 1 ประสงค์จะสืบต่อไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5080/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง – การหมิ่นประมาท – การกลับคำพิพากษา
จำเลยพูดให้ ก. ฟังว่า โจทก์ไม่สนใจทำงาน ทำงานไม่มีความรับผิดชอบทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ทางราชการ ถ้า ก.อยากจะรับราชการต่อไป อย่าทำตัวเหมือนโจทก์ ดังนี้อาจทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้จึงมีมูลในความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษคดีความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการซ้ำซ้อน ศาลฎีกาวินิจฉัยให้กลับคำพิพากษาเดิม
จำเลยกระทำความผิดคดีนี้กับคดีก่อนในข้อหาความผิดอย่างเดียวกันการกระทำความผิดทั้งสองคดีอยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกันและคาบเกี่ยวกัน ผู้เสียหายส่วนมากเป็นรายเดียวกันและพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน หากโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันศาลจะลงโทษจำเลยได้ไม่เกินกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ดังนี้เมื่อโจทก์แยกฟ้องคดีนี้ แม้ศาลมิได้สั่งรวมการพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน ก็จะลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 91 ทั้งสองสำนวน และให้นับโทษต่อกันไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเกินกำหนดที่มาตรา 91 บัญญัติไว้ และกรณีนี้แม้คดีที่ศาลสั่งให้นับโทษต่อถึงที่สุดแล้วก็ตาม จำเลยก็ยื่นคำร้องขอไม่ให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินค่าเสียหายที่วางศาลเมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ศาลชอบที่จะคืนเงินโดยไม่รอคดีถึงที่สุด
เงินค่าเสียหายที่จำเลยผู้แพ้คดีในศาลชั้นต้นวางศาลเพื่อใช้หนี้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในระหว่างอุทธรณ์นั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เหตุแห่งการวางเงินย่อมหมดสิ้นไป ศาลชอบที่จะคืนเงินจำนวนที่วางคืนแก่จำเลยโดยไม่จำต้องรอให้คดีถึงที่สุด.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องแล้วกลับคำพิพากษาในคดีลักทรัพย์ เนื่องจากพยานหลักฐานประกอบกับคำให้การในชั้นสอบสวนสอดคล้องกัน
โจทก์ฟ้องว่าเกิดเหตุระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม 2526 ถึงวันที่19 ธันวาคม 2526 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าในวันที่ 13 ธันวาคม 2526 จำเลยลักอะไหล่รถยนต์ของผู้เสียหายรวม 5 กล่องนำไปฝากไว้กับ ม. และในวันที่ 15ธันวาคม 2526 จำเลยได้ลักเอาอะไหล่รถยนต์อีก 5 กล่องไปฝากไว้กับ ม. อีกเช่นกัน แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบว่า จำเลยมิได้รับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน และจำเลยไม่รู้จักกับ ม. ดังนี้จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยลักอะไหล่รถยนต์ของผู้เสียหายไปในวันที่ 13 และ 15 ธันวาคม 2526 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็น วินิจฉัยเรื่องแปลงหนี้ใหม่ที่ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นเหตุให้ต้องกลับคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงประเด็นเดียวว่าหนังสือสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอมหรือไม่ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าหนังสือสัญญากู้ดังกล่าวไม่ใช่สัญญาปลอมแล้วจะวินิจฉัยว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์เพราะไม่ระบุจำนวนเงินโจทก์นำพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติมข้อความในสัญญากู้ต้องห้ามไม่ให้รับฟังหาได้ไม่เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท