คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การขนส่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7973-7975/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากทรัพย์อันตราย การขนส่งวัตถุระเบิดประมาทเลินเล่อ และความรับผิดของผู้ครอบครอง
จำเลยที่ 4 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขับรถบรรทุกวัตถุระเบิดของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 1 ว่าจ้างจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้นำไปส่งที่คลังสินค้าของจำเลยที่ 1 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ระหว่างการขนส่งจำเลยที่ 4 ประมาทเลินเล่อขับรถด้วยความเร็วเกินสมควรแล่นเข้าทางโค้งที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งหักข้อศอกโดยไม่ระมัดระวังจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำวัตถุระเบิดซึ่งบรรทุกมาตกกระจายอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นมีชาวบ้านเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่ตกกระจายอยู่บนพื้นถนนดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมหลายร้อยคน และทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย การกระทำของชาวบ้านที่ทำให้เกิดระเบิดขึ้นเช่นนี้เป็นเหตุแทรกแซงที่วิญญูชนคาดหมายได้เพราะเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวง ก็จะมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรวมทั้งประชาชนที่ใช้ยวดยานสัญจรผ่านที่เกิดเหตุจะหยุดรถลงไปมุงดูเหตุการณ์และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บ รวมทั้งอาจมีคนไม่ดีซึ่งปะปนอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นถือโอกาสหยิบฉวยเอาทรัพย์สินสิ่งของที่ตกหล่นไปได้ ทั้งการขนส่งวัตถุระเบิดครั้งนี้ก็มิได้จัดให้มีป้ายข้อความว่า "วัตถุระเบิด" ติดแสดงไว้ให้เห็นได้ง่ายที่ด้านหน้าและด้านหลังรถบรรทุกวัตถุระเบิดคันเกิดเหตุด้วย จึงต้องถือว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นผลใกล้ชิดสัมพันธ์ต่อเนื่องมาจากการขับรถโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 4 ด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 425
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองวัตถุระเบิดในขณะเกิดเหตุวัตถุระเบิดดังกล่าวระเบิดขึ้น วัตถุระเบิดที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองดังกล่าวเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 437 วรรคสอง กำหนดให้จำเลยที่ 1 ผู้มีไว้ในครอบครองต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ทรัพย์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์ทั้งสามผู้เสียหายเอง
รถบรรทุกที่ใช้บรรทุกระเบิดดังกล่าวไม่ได้มีการจัดให้มีป้ายข้อความว่า "วัตถุระเบิด" ติดแสดงไว้ให้เห็นได้ง่ายที่ด้านหน้าและด้านหลัง และไม่ได้ติดแถบสะท้อนแสงสีแดงสลับขาวในแนวเส้นทะแยงมุมที่ท้ายรถตามกฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2522) ข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 5 และมาตรา 17 วรรคสอง อันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งกฎหมายอันมีที่ประสงค์เพื่อจะปกป้องบุคคลอื่น ๆ ซึ่ง ป.พ.พ. มาตรา 422 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ทำการฝ่าฝืนนั้นเป็นผู้ผิด หากจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวแล้วชาวบ้านที่เห็นข้อความเตือนภัยดังกล่าวก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่ตกกระจายอยู่บนพื้นถนนหรือแม้จะเข้ามายุ่งเกี่ยวก็อาจใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่เกิดเหตุระเบิดขึ้นก็ได้ เมื่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นภัยพิบัติที่อาจป้องกันได้ แต่จำเลยที่ 1 ผู้ครอบครองวัตถุระเบิดมิได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น เพื่อป้องกันมิให้ชาวบ้านเข้ามายุ่งเกี่ยวและทำให้เกิดการระเบิดขึ้น การที่ภายหลังจากรถบรรทุกระเบิดพลิกคว่ำและมีชาวบ้านเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่ตกกระจายอยู่บนพื้นถนนเป็นเหตุให้เกิดมีการระเบิดขึ้นทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสามเสียหาย จึงมิใช่เกิดจากเหตุสุดวิสัย และชาวบ้านที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวัตถุระเบิดอันเป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นนั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของโจทก์ทั้งสาม จึงถือไม่ได้ว่าการระเบิดเกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์ทั้งสามเอง ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามตาม ป.พ.พ. มาตรา 437 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5527/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ร่วมขนส่งหลายทอด: ตัวแทนเรือไม่ใช่ผู้ขนส่งโดยตรง หากไม่ได้มีส่วนร่วมในการขนถ่ายสินค้าจริง
ความหมายของข้อความว่า "ได้ส่งไปโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด"ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ต้องปรากฏว่าแต่ละคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับของหรือสินค้าที่ถูกขนส่งเป็นผู้มีหน้าที่โดยตรงในการนำสินค้าจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งด้วยการรับขนส่งกันเป็นช่วง ๆ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ลำพังแต่การเป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่งทอดใดทอดหนึ่งเพื่อทำธุรกรรมทางด้านเอกสารเกี่ยวกับสินค้า หรือปฏิบัติพิธีการทางศุลกากรในการนำเรือเข้าเทียบท่า แจ้งกำหนดเรือบรรทุกสินค้าเข้าให้เจ้าของสินค้าทราบเพื่อจะได้มารับสินค้าเท่านั้นโดยไม่ปรากฏว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องขนส่งสินค้าด้วยแล้ว ก็ไม่อาจถือว่าตัวแทนเรือดังกล่าวเป็นผู้ร่วมขนส่งหลายคนหลายทอดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนเชิด: การประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้เจ้าของรถต้องรับผิดร่วม
จำเลยที่ 2 ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลรถบรรทุกคันเกิดเหตุ จึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกฯ กฎกระทรวงเงื่อนไข คำสั่งและระเบียบ ซึ่งออกโดยอาศัยกฎหมายดังกล่าวและตามที่ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลระบุไว้ และต้องเป็นการขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ควรทราบดีว่าจำเลยที่ 1ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุการที่จำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปประกอบการขนส่ง จึงเป็นการประกอบการขนส่งในนามของจำเลยที่ 2 อาจทำให้บุคคลภายนอกผู้สุจริตเข้าใจว่าเป็นการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 2 ถือว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7161/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งใหม่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การรับรองรายงานการประชุม และการพิจารณาคำร้องเรียน
แม้โจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งเส้นทางสายที่พิพาทเป็นเวลาถึง 30 ปี และกรมการขนส่งทางบกเคยกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการให้สัมปทานเดินรถประจำทางว่า จำนวนผู้ประกอบการเดินรถสายหนึ่งไม่ควรให้เกิน 1 รายเพื่อมิให้เกิดการแย่งผู้โดยสารกัน และในการประชุมสัมมนาผู้ประกอบการขนส่งทั่วประเทศของกรมการขนส่งทางบก มีมติว่า ถ้าเส้นทางเดินรถทับซ้อนกันเกินกว่าร้อยละ 30 ขึ้นไป ต้องให้ผู้ประกอบการขนส่งคนเดิมเป็นผู้ประกอบการขนส่งคนเดิมเป็นผู้ได้รับอนุญาตก็ตาม แต่นโยบายของกรมการขนส่งดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางที่กำหนดขึ้นจากการสัมมนาของผู้ประกอบการขนส่งตามกฎหมายเก่าคือพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ. 2497 ซึ่งถูกยกเลิกแล้ว โดยพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 ทั้งมิใช่นโยบายของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และมิใช่ระเบียบปฏิบัติซึ่งออกใช้โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งมีแนวทางกำหนดไว้ใหม่แล้ว จำเลยทั้งแปดจึงไม่จำต้องถือตาม นโยบายเดิมอีกต่อไป และเหตุที่จำเลยทั้งแปดพิจารณาไม่ให้โจทก์ ได้รับใบอนุญาตเดินรถในเส้นทางที่กำหนดขึ้นใหม่ เนื่องจากมีประชาชน ร้องเรียนหลายรายว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเดินรถ หลายประการ คณะกรรมการจึงเห็นควรให้ผู้ประกอบการขนส่ง รายใหม่ได้รับใบอนุญาตเพื่อให้เกิดการแข่งขันในด้านบริการซึ่งจะทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ จึงถือไม่ได้ว่า จำเลย ทั้งแปดได้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและขัดนโยบายต่อโจทก์ รายงานการประชุมครั้งที่ 2/2533 และครั้งที่ 3/2533ของคณะกรรมการชุดจำเลยทั้งแปดเมื่อวันที่ 24 กันยายน2533 และวันที่ 26 กันยายน 2533 ซึ่งลงมติให้ ส.ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง เป็นรายงานการประชุมที่ถูกต้องตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดและการรับรองรายงานการประชุมเป็นวิธีปฏิบัติซึ่งกำหนดให้ทำเพื่อให้สามารถใช้บันทึกรายงานการประชุมดังกล่าว มาเป็นหลักฐานอ้างอิงว่าคณะกรรมการได้มีการประชุมเกี่ยวกับ เรื่องใด มีความเห็นหรือมีมติว่าอย่างไร ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการ ควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด อ.มีมติให้การประชุมให้ส. ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบการขนส่งในเส้นทางสายใหม่แล้ว แม้จำเลยที่ 8 จะออกใบอนุญาตไปก่อนจะมีการรับรองรายงาน การประชุมครั้งดังกล่าว แต่ก็เป็นการปฏิบัติตรงตามมติของ คณะกรรมการในรายงานการประชุมดังกล่าว จึงไม่เป็นการผิดกฎหมาย การที่จำเลยทั้งแปดในฐานะคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด อ.มีมติให้ส. ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางสายใหม่ และจำเลยที่ 8 ในฐานะนายทะเบียนได้ออก ใบอนุญาตประกอบการขนส่งตามมติดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติงาน ไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แม้จะทับเส้นทางเดินรถ ที่โจทก์ได้รับอนุญาตอยู่เดิม ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิด ต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 ดำเนินคดีด้วยตนเองตลอดมา มิได้แต่งทนาย ความ แม้จำเลยที่ 3 จะเป็นพนักงานอัยการและเป็นทนายความแก้ต่าง ให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 8 ก็ไม่มีค่าทนายความ ที่โจทก์ควรจะใช้แทนจำเลยที่ 3 การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ แทนจำเลยทั้งแปดจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยขนส่ง: ความเสียหายต้องเกิดจากการขนส่ง ไม่ใช่การไม่ชำระราคา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 883และตามกรมธรรม์ประกันภัยมุ่งประสงค์จะคุ้มครองวินาศภัยทุกอย่างซึ่งอาจเกิดขึ้นแก่ของที่ขนส่ง ในระหว่างเวลาตั้งแต่ผู้ขนส่งได้รับของไปจนได้ส่งมอบของนั้นให้แก่ผู้รับตราส่งคือการคุ้มครองบรรดาความเสี่ยงภัยทั้งหลายที่เป็นการสูญหายหรือเสียหายทุกประเภทที่มีต่อสินค้าที่เอาประกันภัยไว้นั่นเองเมื่อปรากฏว่าสินค้าที่โจทก์เอาประกันภัยไว้แก่จำเลยที่ 2ได้ขนส่งไปถึงประเทศอุรุกวัย อันเป็นจุดหมายปลายทางโดยปลอดภัย โดยไม่มีการสูญหายหรือเสียหายและผู้ซื้อก็ได้รับสินค้าไปเรียบร้อยแล้ว แม้ผู้ขนส่งจะได้จ่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อไป โดยผู้ซื้อมิได้ชำระราคาสินค้าแก่ธนาคารผู้รับตราส่งก่อนตามที่ตกลงไว้กับโจทก์ก็ตามก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นกรณีที่สินค้าที่เอาประกันภัยสูญหายหรือเสียหายตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัยอันจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นก็เป็นเพียงนายหน้าชี้ช่องให้โจทก์กับ จำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญากันเมื่อโจทก์ได้รับกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งระบุชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัย และโจทก์ยอมชำระเบี้ยประกันภัยแก่จำเลยที่ 2 แล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ได้บอกชื่อของอีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ถึงอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 848 แล้วจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6727/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุประสงค์การประกอบกิจการประกันภัยครอบคลุมประกันภัยทุกชนิด ผู้รับขนส่งมีหน้าที่รับผิดชอบความเสียหายจากการขนส่ง
วัตถุประสงค์ที่โจทก์ได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองระบุว่า"(1) เพื่อประกอบกิจการประกันภัยทุกชนิด เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันภัยทางน้ำประกันภัยทางอุบัติเหตุ ประกันภัยทางชีวิต ประกันภัยสงคราม และประกันภัยวินาศกรรมอื่น ๆ" ดังนี้ แม้หนังสือรับรองดังกล่าวจะมิได้กล่าวถึงการประกันภัยทางอากาศไว้แต่ประกันภัยทางอากาศย่อมรวมอยู่ในวัตถุประสงค์ที่กล่าวว่า "เพื่อประกอบกิจการประกันภัยทุกชนิด" เพราะการประกันภัยทางอากาศเป็นการประกันภัยชนิดหนึ่ง ดังนั้นโจทก์จึงมีวัตถุประสงค์ในการประกันภัยทางอากาศและมีอำนาจฟ้องคดีนี้
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แจ้งชัดถึงสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ตลอดจนข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาดังกล่าวตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว ข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าสูญหายไปเมื่อใด และจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการดูแลสินค้าอย่างไร โจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ไม่จำต้องบรรยายในฟ้อง คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยเป็นผู้รับขนส่งของเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของจำเลยจำเลยได้มอบสินค้าที่รับขนส่งให้บริษัทการบินไทย จำกัด เก็บไว้ในคลังสินค้าเพื่อรอส่งขึ้นเครื่องบินไปยังต่างประเทศอันเป็นจุดหมายปลายทางต่อไป ดังนี้ จึงเป็นกรณีที่สินค้าได้ส่งไปโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด จำเลยผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในการที่สินค้านั้นสูญหายอันเกิดแต่ความผิดของผู้ขนส่งคนอื่นหรือบุคคลอื่นซึ่งจำเลยได้มอบหมายสินค้านั้นไปอีกทอดหนึ่งและต้องรับผิดร่วมกันกับผู้ขนส่งรายอื่นด้วย ทั้งนี้ตามบทบัญญัติของป.พ.พ.มาตรา 617 และ 618
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหายจำนวน238,433.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ คดีจึงมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาเท่ากับจำนวนทุนทรัพย์ตามคำฟ้องคือ 238,433.30 บาทซึ่งจำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 5,960 บาท แต่ศาลชั้นต้นคำนวณทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาโดยรวมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยยื่นฎีกาเข้าเป็นทุนทรัพย์จำนวน 298,531.50 บาท ด้วย และให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเป็นเงิน7,462.50 บาท จำเลยจึงเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเกินมาจำนวน 1,502.50 บาทศาลฎีกาชอบที่จะสั่งให้คืนเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่ชำระเกินมาแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5312/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอฟ.โอ.บี. และการประกันภัยสินค้า: ผู้ขายรับผิดชอบการขนส่งถึงท่าเรือต้นทาง, กรมธรรม์คุ้มครองชั่วคราวไม่ครอบคลุมการขนส่งทางรถไฟ
โจทก์สั่งซื้อสินค้าพิพาทจากผู้ขายในราคาเอฟ.โอ.บี.(FreeonBoard)ที่ท่าเรือต้นทางดังนั้นการขนส่งสินค้าพิพาทจากหน้าโรงงานของบริษัทผู้ขายโดยทางรถไฟไปยังท่าเรือ ซีแอทเทิลจึงอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทผู้ขายจำเลยที่1ไม่ได้ตกลงรับขนส่งสินค้าพิพาทจากโจทก์ในเส้นทางดังกล่าวจำเลยที่1จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้าพิพาทที่เกิดขึ้นต่อโจทก์ จำเลยที่2ได้ตกลงกับโจทก์โดยชัดแจ้งถึงเส้นทางที่จำเลยที่2รับประกันภัยสินค้าพิพาทว่าเริ่มต้นตั้งแต่ท่าเรือในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าการคุ้มครองภัยต้องเริ่มตั้งแต่ท่าเรือต้นทางที่สินค้าขนลงเรือแล้วอีกทั้งการขนส่งสินค้าโดยทางรถไฟจากเมือง ซินซินเนติถึงท่าเรือเมือง ซีแอทเทิล สินค้าพิพาทอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ขายและยังไม่ได้มีการขนส่งสินค้าลงเรือโจทก์จึงยังไม่มีส่วนได้เสียในสินค้าพิพาทขณะเกิดวินาศภัย แม้การประกันภัยสินค้าพิพาทเป็นการประกันภัยทางทะเลแต่การที่จำเลยที่2ออกกรมธรรม์คุ้มครองชั่วคราว(Covernote)โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อสินค้าถึงเรือและนำสินค้าลงเรือแล้วจำเลยที่2จะต้องออกกรมธรรม์ประกันภัยฉบับจริงให้โจทก์อีกครั้งหนึ่งก็เป็นกรณีที่จำเลยที่2รับประกันภัยล่วงหน้าที่ยังไม่สามารถพิจารณาประกันภัยได้ในขณะนั้นการที่จำเลยที่2ออกกรมธรรม์คุ้มครองชั่วคราว(Covernote)ให้โจทก์จึงมิใช่จำเลยที่2รับประกันภัยสินค้าพิพาทระหว่างขนส่งทางรถไฟแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ต้องสอดคล้องกับมูลหนี้เดิม หากมูลหนี้เดิมเป็นประกันภัยการขนส่ง แต่รับสภาพหนี้ตามประกันภัยการติดตั้ง จำเลยไม่ต้องรับผิด
โจทก์เอาประกันภัยการขนส่งเครื่องปั๊มน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งบรรทุกมากับเรือเดินทะเล จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งให้แก่โจทก์ ไว้กับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัย และเอาประกันภัยการติดตั้งวัสดุและอุปกรณ์ ดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย ต่อมาปรากฏว่าส่วนประกอบของเครื่องปั๊มน้ำเสียหายหลายรายการโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เป็นเงิน 218,600.06 บาท จำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ว่า สาเหตุของความเสียหายเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลความเสียหายคงจะเกิดจากการติดตั้งและจำเลยเสนอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 147,375.06 บาท โจทก์มีหนังสือตอบจำเลยว่าได้ตรวจสอบความเสียหายอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตกลงที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง และขอคำนวณค่าเสียหายใหม่เป็นเงิน 174,203.40 บาท จำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ยืนยันว่าจะชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ดังนี้หนังสือของจำเลยฉบับหลังกล่าวอ้างถึงหนังสือของจำเลยตามฉบับแรกซึ่งจำเลยเคยขอเสนอชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาทและจำเลยยืนยันในหนังสือฉบับหลังอีกครั้งว่าจะชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดแม้จำนวนเงินที่จำเลยเสนอจะต่ำกว่าที่โจทก์เรียกร้อง แต่จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งค่าสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 147,375.06 บาทกลับยืนยันว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ หนังสือของจำเลยตามเอกสารดังกล่าว จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เดิม ความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง ไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล แม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วย แต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อได้ความว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งมิได้รับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของรถที่ให้เช่าซื้อและอนุญาตใช้ประกอบการขนส่งต่อละเมิดที่เกิดจากการกระทำของลูกจ้างผู้เช่า
จำเลยที่ 4 ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุก ให้จำเลยที่ 3 ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งเช่าซื้อรถบรรทุกคันเกิดเหตุ เพื่อให้นำไปประกอบกิจการขนส่งในนามของจำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 เป็นผู้นำรถไปตรวจสภาพ ต่อทะเบียนรถและต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งทุกปี จำเลยที่ 3 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 4 ในกิจการขนส่งดังกล่าว เมื่อจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ขับรถบรรทุกคันดังกล่าวไปกระทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมรับผิดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้แทนเรือไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ขนส่ง หากไม่ได้มีส่วนร่วมในการขนถ่ายสินค้าจริง
บริษัท ซ. ผู้ขนส่งสินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้เป็นผู้ว่าจ้างบริษัท อ. โดยตรงให้เป็นผู้ขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลจำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้ขนสินค้าหรือร่วมขนสินค้าจากเรือเดินทะเลลงเรือเล็ก ลำพังแต่การดำเนินการทางเอกสาร หรือปฏิบัติพิธีการเกี่ยวกับการนำเรือเข้าเทียบท่าในราชอาณาจักรหรือแจ้งกำหนดเวลาเรือเข้าต่อกรมศุลกากร หรือแจ้งต่อเจ้าของสินค้ารวมถึงกำหนดวันขนถ่ายสินค้า ตลอดจนวิธีการที่แจ้งให้เจ้าของสินค้านำใบตราส่งไปแลกกับใบปล่อยสินค้าจากนายเรือตามทางปฏิบัติของการขนส่งทางทะเลนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งร่วมกับบริษัทซ. และเป็นผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 618 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิจากเจ้าของสินค้าผู้เอาประกันภัยเรียกเอาค่าเสียหายในกรณีที่สินค้าสูญหายหรือบุบสลายในระหว่างการขนส่ง
of 5