คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การปฏิบัติตาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7489/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลและการวางเงินค่าธรรมเนียมตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นอันเพิกถอนไปได้ ผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว ดังนั้น จำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติก่อน การที่จำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์เช่นนี้ ในชั้นตรวจอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: อำนาจเจ้าหน้าที่, การปฏิบัติตามคำวินิจฉัย, และสิทธิในการฟ้องร้อง
การเวนคืนที่ดินเพื่อขยายทางหลวงสายนี้ อธิบดีกรมทางหลวงจำเลยที่ 2 ดำเนินการที่อยู่ในวัตถุประสงค์และขอบอำนาจหน้าที่ของกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ทั้งการจ่ายเงินค่าทดแทนก็ต้องเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดินของกรมทางหลวง จึงถือได้ว่าการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมทางหลวงจำเลยที่ 2 เป็นการดำเนินการในนามหรือแทนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจเงินค่าทดแทนที่ฝ่ายจำเลยกำหนดให้ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 แล้วก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลตามมาตรา 26 ได้
พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 26 ไม่ได้บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหน้าที่เวนคืนโต้แย้งหรือไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี จำเลยทั้งสองจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เงินค่าทดแทนซึ่งรัฐมนตรีฯ เห็นชอบแล้ว จะฎีกาโต้แย้งในทำนองไม่เห็นด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2250/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาควบคุมผู้ต้องหาและการผัดฟ้อง: การปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499 มาตรา 7 ที่บัญญัติให้พนักงานสอบสวนควบคุมผู้ต้องหาที่ถูกจับไว้ได้มีกำหนดระยะเวลาสี่สิบแปดชั่วโมง เป็นบทบัญญัติเพื่อมิให้ดำเนินคดีล่าช้าและผู้ต้องหาอาจถูกควบคุมไว้นานเกินสมควรแก่เหตุและความจำเป็น คดีนี้ผู้ร้องแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาและสอบคำให้การผู้ต้องหาไว้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2540 จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องจับผู้ต้องหาแล้ว ผู้ร้องจึงต้องส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อให้ฟ้องผู้ต้องหาภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมง หากไม่สามารถฟ้องได้ทันภายในกำหนด ผู้ร้องต้องขอผัดฟ้องต่อศาล เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอผัดฟ้องเกินกำหนด การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผัดฟ้องจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แนวเขตที่พิพาทและการปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลมีอำนาจตรวจสอบการรื้อถอนหากยังไม่ครบถ้วน
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลย แต่ในระหว่างการพิจารณาคดี ไม่มีการทำแผนที่พิพาท ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทแม้โจทก์จะบรรยายมาในฟ้องด้วยว่า จำเลยทั้งสองปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์กว้างประมาณ 2.50 เมตร ยาวประมาณ 8 เมตร ก็ตาม ก็เป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้น หากต่อมาภายหลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว มีปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาท ก็เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดี การที่จำเลยทั้งสองเพียงแต่รื้อห้องน้ำมีความกว้าง 2 เมตร ยาว 3.3 เมตร ออกไปนั้น ยังถือไม่ได้ว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาถูกต้องครบถ้วนแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งให้ไปตรวจสอบดูว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองยังคงรุกล้ำที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองของโจทก์หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7226/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอใบอนุญาตมัคคุเทศก์และการมีอำนาจฟ้องร้อง เมื่อยังมิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
โจทก์ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ก่อนที่จะมีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการขอรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กรุงเทพมหานครจึงไม่อาจออกใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ให้แก่โจทก์ได้
เมื่อโจทก์ยังมิได้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2536) โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ออกใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิใช่ผลจากการที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่เร่งรัดออกกฎกระทวงแต่เป็นผลจากการที่โจทก์ยังมิได้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ตามกฎกระทรวง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสี่รับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4761/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกัน: เงื่อนไขการเรียกร้องหนี้ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาและวิธีการที่ระบุไว้
จำเลยที่ 3 ทำหนังสือค้ำประกันการชำระเงินค่าจ้างเหมาตามสัญญาของจำเลยที่ 1 ให้ไว้แก่โจทก์โดยมีเงื่อนไขว่าการเรียกร้องค่าเสียหายจะต้องยื่นเป็นลายลักษณ์อักษร ณ ที่สำนักงานของจำเลยที่ 3 ก่อนปิดทำการของวันที่ 20ตุลาคม 2530 อันเป็นวันหมดอายุหนังสือค้ำประกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาต่อโจทก์หนี้ที่เกิดจากการผิดสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 20 ตุลาคม 2530 จึงอยู่ในอายุหนังสือค้ำประกัน แต่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องได้ก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเสียก่อน เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 โดยมิได้ยื่นคำเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรให้จำเลยที่ 3 ทราบตามเงื่อนไขภายในกำหนดเวลาในหนังสือค้ำประกัน จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียก และผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์มิได้นำส่งเองเพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมการส่งหมายให้แก่จำเลยทั้งเจ็ดและค่าป่วยการพิเศษเพื่อให้เจ้าพนักงานเดินหมายถ่ายภาพรายงานการเดินหมายส่งให้โจทก์ทราบ หากโจทก์นำส่งเอง โจทก์จะทราบผลทันทีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ได้ จึงเป็นความผิดของโจทก์เองที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเมื่อโจทก์มิได้แถลงต่อศาลเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ตามเวลาที่ศาลกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) แต่ตามมาตรา 132มิได้บังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ โจทก์อ้างว่าได้ติดตามขอทราบผลการส่งหมายให้จำเลยที่ 6 หลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าสำนวนเสนอผู้พิพากษาทุกครั้ง และปรากฏว่าเจ้าพนักงานเดินหมายไม่ได้ส่งภาพหถ่ายรายงานการเดินหมายของจำเลยที่ 6 ให้โจทก์เช่นจำเลยคนอื่น ๆดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 6.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3424/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงขึ้นค่าจ้าง: การตีความขอบเขตการขึ้นค่าจ้างรายปีและการปฏิบัติตามข้อตกลง
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยมีความว่านายจ้างตกลงขึ้นค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างประจำที่ทำงานครบ180 วันทุกคนวันละ 4 บาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2518 ฝ่ายลูกจ้างจะไม่เรียกร้องขึ้นค่าจ้างอีก จนถึงกำหนดการพิจารณาขึ้นค่าจ้างประจำปีดังนี้หมายความว่าลูกจ้างที่ทำงานครบ 180 วัน ในวันทำข้อตกลงคือวันที่ 20 กันยายน 2518 จะได้ขึ้นค่าจ้างวันละ 4 บาท โดยเริ่มขึ้นค่าจ้างให้ในวันที่ 21 กันยายน 2518 ไม่มีข้อความตอนใดมีความหมายว่านายจ้างจะต้องขึ้นค่าจ้างให้ลูกจ้างอีกต่อไปทุกปี เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยขึ้นค่าจ้างให้ลูกจ้างใน พ.ศ.2518 แล้วกรณีจึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยขึ้นค่าจ้างอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการพิสูจน์เจตนาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัย
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ จำเลยทราบคำบังคับแล้วมิได้ปฏิบัติ โจทก์ยื่นคำร้องให้จับกุมจำเลยเพื่อให้ปฏิบัติ ตามคำบังคับ ดังนี้คดีมีข้อต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริต จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหากจำเลยกระทำการโดยสุจริตจำเลยจะสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่ ซึ่งจะต้องไต่สวนฟังพยานให้ประจักษ์ก่อนจึงจะวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงแต่เพียงว่าบ้านดังกล่าวถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีอื่น แล้ววินิจฉัยว่าเป็นการนอกเหนืออำนาจที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำพิพากษาคดีนี้ได้ โดยไม่ไต่สวนฟังพยานในข้อเท็จจริงว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาตามยอม: การปฏิบัติตามหน้าที่ตามสัญญาประนีประนอมความสำคัญกว่าการรอไต่สวนฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมให้โจทก์และจำเลยต่างปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จำเลยต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยย่อมชอบที่จะร้องขอให้ดำเนินการบังคับไปตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับอีกฝ่ายให้ปฏิบัติ ในเมื่อคดีนี้ยังไม่มีการบังคับคดี จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดี เพื่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่ และคดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา
of 2