คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การป้องกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3366/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยประเด็นที่มิได้ขึ้นสู่ศาลชั้นต้น หากเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายพอสมควรแก่เหตุ เช่นนี้ แม้ว่าโจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน แต่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 69 นั้น เป็นการไม่ชอบ แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย และมีอำนาจปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้ ทั้งศาลอุทธรณ์มิได้แก้โทษจำเลยโดยกำหนดโทษใหม่ตามความผิดที่ถูกต้องหรือลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายต้องมีภยันตรายใกล้ถึง การวิวาทสมัครใจไม่ถือเป็นการป้องกัน
การที่จะกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ต้องเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง หากภยันตรายยังไม่ใกล้จะถึงเสียแล้วย่อมไม่อาจกระทำการเพื่อป้องกันได้ แม้ผู้ตายกับผู้เสียหายจะกระทำการประทุษร้ายกระชากคอเสื้อ ส. และข่มขู่ท้าทายให้ชกต่อยอันเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายและไม่มีอำนาจก็ตาม แต่เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าวิวาท จำเลยก็ไม่อาจยกข้อต่อสู้ว่าจำต้องแทงทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายเพื่อป้องกันสิทธิของ ส. หรือจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาและพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยถือว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของ ส. ในขณะที่ภยันตรายยังไม่ใกล้จะถึงเป็นการกระทำการเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 เป็นการไม่ชอบ
แม้การกระทำของจำเลยจะไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาจึงปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องเท่านั้นไม่มีอำนาจแก้โทษจำเลยเพื่อกำหนดโทษใหม่ตามความผิดที่ถูกต้องและลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดไว้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงต่อเนื่องถึงแก่ความตาย การกระทำไม่เข้าข้อยกเว้นการป้องกัน
จำเลยเป็นเพื่อนสนิทของ ศ. เมื่อทราบว่า ศ. ถูกรังแกก็ย่อมมีความโกรธแค้นเป็นทุนเดิม ครั้นพบกลุ่มผู้เสียหาย ในขณะนั้นก็ย่อมเป็นโอกาสที่จะได้แก้แค้น ทันทีที่ได้รับคำตอบ จาก ศ. ว่าผู้เสียหายเป็นผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้ด้วย จำเลยได้รีบตรง เข้าแทงผู้เสียหายทันทีโดยขณะนั้น ผู้เสียหายยังนั่งคร่อมอยู่บน รถจักรยานยนต์ไม่ทันระวังตัว บริเวณที่แทงเป็นหน้าอกด้านขวาอันเป็น อวัยวะที่สำคัญ โดยจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้ เมื่อผู้เสียหายลงจาก รถแล้ววิ่งหนี จำเลยยังได้ไล่ติดตามไปแล้วแทงผู้เสียหายซ้ำอีก 1 ครั้งอันเป็นการส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีความโกรธแค้นผู้เสียหายอย่างมาก ผู้เสียหายได้รับบาดแผลแทงทะลุเข้าช่องปอดขวาด้านล่าง ทำให้ทะลุ กระบังลมขวาถูกตับและต่อมหมวกไตขวา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะถึงแก่ความตายได้ แม้โจทก์จะไม่ได้มีดปลายแหลม ที่ใช้เป็นอาวุธมาประกอบคดีก็ตาม แต่ก็พอให้เข้าใจได้ว่ามีดปลายแหลม ที่จำเลยใช้เป็นอาวุธนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควร เพียงพอที่จะทำให้ ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้ บาดแผลที่ปรากฏก็ส่อแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้แทงโดยแรง พฤติการณ์และการกระทำของจำเลยดังกล่าวมาทั้งหมดบ่งชี้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
แม้จำเลยเห็นผู้เสียหายทำกิริยาคล้ายจะชักอาวุธออกมาทำร้ายจำเลยจึงแทงผู้เสียหายก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงเกิดขึ้น อันจะเป็นเหตุให้จำเลยอ้างเหตุป้องกันได้ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการริบอาวุธปืนที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยถูก ว.ทำร้ายก่อนด้วยการกระชากคอเสื้อทุบหรือชกต่อยท้ายทอยและจับศีรษะโขกกับกระดานหมากรุกจนหน้าผากของจำเลยมีโลหิตไหลโดยมีจำเลยไม่ทันระวังตัวถึงกับจำเลยต้องวิ่งหนีเข้าไปในร้านตัดผมข้างที่เกิดเหตุแต่หนีไม่พ้น เพราะด้านหลังของร้านตัดผมไม่มีทางหนีจึงย้อนกลับออกมาทางหน้าร้านพบกับ ว.ตรงประตูทางเข้าร้าน ตัดผม ในขณะที่ ว.ใช้มีดล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังไล่ตามจำเลยเข้าไป จำเลยเข้าใจว่า ว.จะล้วงเอาอาวุธปืนพกซึ่งปกติ ว.จะพกอยู่เป็นประจำออกมายิงจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนพกของจำเลยยิง ว.ไปหลายนัด เพราะความกลัวเป็นเหตุให้กระสุนปืนของจำเลยถูก ว.ถึงแก่ความตายและพลาดไปถูก ภ.ถึงแก่ความตายแต่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงว. หลายนัด แสดงว่าจำเลยเจตนายิง ว.ให้ตายโดยไม่ยั้งมือ คือแทนที่จำเลยจะหยุดยิงเมื่อเห็นว่า ว. โดยกระสุนปืนที่จำเลยยิงล้มลงแล้วจำเลยกลับยิงต่อไปอีกหลายนัด ทำให้กระสุนปืนเหล่านั้น นอกจากจะถูก ว.หลายนัดจนถึงแก่ความตายแล้วยังพลาดไปถูก ภ.ซึ่งยืนดูการเล่นหมากรุก อยู่ถึงแก่ความตายด้วย ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น หรือเกินกว่า กรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิด ฐานฆ่าผู้ตายทั้งสองโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนที่ทางราชการอนุญาตให้จำเลยมีและใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยย่อมมีความผิดอาวุธปืนของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด ชอบที่ศาลจะสั่งริบเสียตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะหลังถูกทำร้ายและข่มเหง
ผู้ตายถือมีดดาบติดตัวเข้าไปในโรงเรียนซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย เมื่อจำเลยห้ามปราม ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับใช้มีดดาบฟันศีรษะจำเลยจนได้รับบาดเจ็บมีโลหิตไหล จำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้แล้วเดินออกจากโรงเรียนเพื่อจะไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้ตายมาดักขอโทษจำเลยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเลยไม่ยอมยกโทษให้ผู้ตาย และได้ใช้มีดดาบที่ถืออยู่ในมือฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีก แต่การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายหลังจากเกิดเหตุในตอนแรกแล้วประมาณ 3-4 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ อันเนื่องมาจากถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการเช่าทรัพย์: ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดหากทรัพย์สินถูกลักโจรกระทำในสถานที่เปลี่ยวและยากต่อการป้องกัน
จำเลยเช่าหม้อแปลงไฟฟ้าจากโจทก์แล้วถูกคนร้ายลักเอาไปตามสัญญาผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นเว้นแต่เหตุสุดวิสัย แต่หม้อแปลงไฟฟ้าที่จำเลยเช่าติดตั้งอยู่ในที่เปลี่ยวนอกที่ดินจำเลยห่างบ้านจำเลยถึงครึ่งกิโลเมตรเศษ จำเลยไม่อยู่ในวิสัยที่จะป้องกันมิให้คนร้ายลักเอาหม้อแปลงไฟฟ้าในยามวิกาล ขณะเกิดเหตุฝนตกลมแรงซึ่งปกติไฟดับได้ การที่จำเลยไม่ออกไปตรวจดูในขณะนั้นจะถือว่าจำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายไม่ได้ การที่คนร้ายลักหม้อแปลงไฟฟ้าในกรณีเช่นนี้จึงเป็นเหตุสุดวิสัยซึ่งจำเลยไม่อาจป้องกันได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิขัดขวางการสอดเข้าเกี่ยวข้องทรัพย์สิน: การถอนเสาเพื่อป้องกันการบุกรุกไม่ถือเป็นความเสียหาย
จำเลยเข้าใจว่าเสารั้วของโจทก์ที่ขุดหลุมปักไว้อยู่ในที่ดินของจำเลย จำเลยจึงถอนออก โดยเจตนาใช้สิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336,1337 ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 358

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ป้องกันตัวจากการถูกข่มเหงร้ายแรงและการลดโทษจากเหตุยั่วโทสะ
ขณะเกิดเหตุจำเลยกำลังปฏิบัติงานแจกยาแก่ประชาชน ผู้ตายกล่าวคำหยาบคายก้าวร้าวต่อบุคคลที่กำลังปฏิบัติงาน เมื่อจำเลยห้ามก็ถูกผู้ตายซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเข้าชกต่อย จำเลยต่อยตอบแต่ผู้ตายก็ไม่หยุดยั้งการข่มเหงเป็นเหตุให้จำเลยต้องใช้ปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ กรณีถือว่าจำเลยถูกข่มเหงร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: การกระทำเพื่อป้องกันการประทุษร้ายจากผู้อื่น เป็นเหตุให้สามารถกระทำเพื่อป้องกันได้ แม้จะถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายไปทวงเงินจำเลย จำเลยว่ายังไม่มี ผู้ตายก็ลงเรือนไปแล้วเรียกให้จำเลยลงไปด้วย จำเลยก็ลงไปตามที่ผู้ตายเรียก และได้เกิดการทำร้ายขึ้น โดยผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย 2 ทีก่อน จนไม้หักแล้วยังหยิบไม้อีกอันหนึ่งจะตีซ้ำเติมอีก จำเลยจึงแทงไปแต่เพียงทีเดียวผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของบ้านมีสิทธิรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เพื่อป้องกันผู้อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ผิดฐานบุกรุก
การเข้าไปรื้อหลังคาเรือนของตน เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่มีอำนาจจะเข้าอยู่ในเรือนอาศัยอยู่ต่อไปนั้น ไม่มีผิดฐานบุกรุกเคหะสถานตามมาตรา 329.
of 2