คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การยินยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราและการพรากผู้เยาว์: การยินยอมและเหตุผลในการพบปะเป็นสำคัญ
การที่ผู้เสียหายซึ่งขณะเกิดเหตุมีอายุ 15 ปีเศษยังเป็นผู้เยาว์อยู่ออกจากห้องไปพูดจาปรับความเข้าใจกับจำเลย ห่างจากห้องพักเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร โดยผู้เสียหายเต็มใจไปพูดกับจำเลยนั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลผู้เสียหาย และไม่เป็นการพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายและพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเชิดตัวแทน: การยินยอมโดยปริยายให้ผู้อื่นทำสัญญาซื้อขายแทน แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
ในระหว่างที่จำเลยที่ 2 กำลังก่อสร้างทาวน์เฮาส์ จำเลยที่ 1ได้ไปตั้งสำนักงานติดต่อซื้อขายทาวน์เฮาส์ของจำเลยที่ 2 โดยใช้ชื่อโครงการซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อร้านอาหารของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 1 ได้เช่าบริเวณหน้าบ้านของ ท. ซึ่งอยู่คนละฟากถนนตรงกันข้ามกับสถานที่ก่อสร้างเป็นสำนักงานขายชั่วคราว มีพนักงาน2 คน คอยให้บริการ มีแผ่นใบปลิวโฆษณาแบบบ้านและราคาบ้านจำเลยที่ 1 ยังปิดประกาศขายทาวน์เฮาส์ตลอดแนวถนนที่จะเข้ามายังบริเวณก่อสร้าง จำเลยที่ 2 ขับรถไปจอดที่บริเวณก่อสร้างและพูดสั่งงานแก่คนงานก่อสร้าง และพนักงานของจำเลยที่ 1 พาลูกค้าไปพูดคุยกับจำเลยที่ 2 ที่บริเวณก่อสร้าง ภริยาจำเลยที่ 2 ได้ถ่ายเอกสารโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้นำภาพถ่ายโฉนดที่ดินดังกล่าวแสดงให้ผู้ที่มาติดต่อขอซื้อทราบว่าที่ดินที่ก่อสร้างเป็นของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทาวน์เฮาส์โดยถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งจำเลยที่ 1ยังมีหนังสือสัญญายินยอมซึ่งจำเลยที่ 2 ตกลงมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและทำการขายทาวน์เฮาส์ที่กำลังก่อสร้างบนที่ดินของจำเลยที่ 2 การติดต่อซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์และบุคคลอื่นทั่ว ๆ ไป ก็กระทำกันอย่างเปิดเผยการกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว จำเลยที่ 2 รู้เห็นตลอดมาแต่มิได้ห้ามปราม ตามพฤติการณ์ดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เชิดจำเลยที่ 1 ออกแสดงเป็นตัวแทนหรือรู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 1เชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์พิพาท ซึ่งรวมทั้งการก*ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ และรับเงินมัดจำด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 การเป็นตัวแทนเชิดดังกล่าวหาใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนตามปกติแต่อย่างใดไม่ จึงไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งสินสมรสและการทำพินัยกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย โดยการยินยอมให้แบ่งสินสมรสก่อนถึงเวลาไม่สมบูรณ์
โจทก์และช.ซึ่่งสมรสกันก่อนปี2476ต่างตกลงยินยอมให้แต่่ละฝ่ายทำนิติกรรมยกที่ดินสินสมรสส่วนของตนให้บุคคลอื่นในการทำพินัยกรรมที่เกี่ยวกับสินสมรสระหว่างโจทก์และช. นี้ต้องบังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1481แม้โจทก์ตกลงยินยอมให้ช.ทำพินัยกรรมดังกล่าวข้อตกลงยินยอมนั้นย่อมฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายข้างต้นและยังขัดต่อความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1646ที่กำหนดให้บุคคลใดๆมีสิทธิทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้บุคคลอื่นได้ก็แต่เฉพาะทรัพย์สินที่เป็นของตนเท่านั้นเหตุนี้ข้อตกลงยินยอมดังกล่าวจึงไม่ทำให้พินัยกรรมที่ช. จัดทำมีผลผูกพันไปถึงที่ดินสินสมรสที่เป็นส่วนของโจทก์ด้วยโจทก์ย่อมฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าพินัยกรรมไม่มีผลผูกพันสินสมรสที่เป็นส่วนส่วนของโจทก์ได้ ที่ดินโฉนดเลขที่4837ในส่วนที่พ.ยกให้ช. ตามสารบาญแก้ทะเบียนท้ายโฉนดดังกล่าวพ. ยกที่ดินส่วนนี้ให้ช. เมื่อวันที่9ตุลาคม2476ก่อนที่่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ5พ.ศ.2477ว่าด้วยเรื่องครอบครัวประกาศใช้จึงต้องนำกฎหมายลักษณะผัวเมียมาใช้บังคับซึ่งในกฎหมายดังกล่าวบทที่72ว่าด้วยทรัพย์สินระหว่างผัวเมียบัญญัติว่า"ทรัพย์ที่บิดามารดาหรือญาติฝ่ายหญิงหรือชายให้ในวันที่แขก(วันแต่งงาน)ให้เป็นสินเดิมถ้าให้เมื่ออยู่กินเป็นผัวเมียกันแล้วให้เป็นสินสมรส"ซึ่งไม่ได้บัญญัติว่าให้เป็นสินส่วนตัวเลยพ.ได้ยกที่ดินส่วนดังกล่าวให้ช.ภายหลังการแต่งงานที่ดินส่วนนี้จึงเป็นสินสมรสระหว่างช.กับโจทก์เมื่อไม่ปรากฎว่าช.และโจทก์มีสินเดิมการแบ่งสินสมรสจึงเป็นไปตามกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่68คือชายหาบหญิงคอนช.จึงมีส่วนเป็นเจ้าของ2ส่วนและโจทก์มี1ส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7036/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำเหมืองแร่และการขัดขวางสิทธิ: ประทานบัตรและการยินยอม
จำเลยอยู่ในที่พิพาทมาแต่ปี 2517 ก่อนโจทก์ขอออกประทานบัตรจำเลยไม่เคยให้หลักฐานแสดงความยินยอมให้โจทก์ไปแสดงให้เป็นที่พอใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าโจทก์มีสิทธิทำเหมืองแร่ในเขตที่พิพาทตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 มาตรา 50 โจทก์จึงไม่อาจนำประทานบัตรที่ได้รับมาอ้างว่าที่พิพาทอยู่เขตประทานบัตร จำเลยโต้แย้งขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: การยินยอมให้เล่นการพนันในสถานที่ทำงาน ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง
โจทก์เป็นยามมีหน้าที่เฉพาะเฝ้าดูแลโกดังมิให้เกิดความเสียหายไม่ปรากฏว่ามีหน้าที่ดูแลหรือป้องกันมิให้มีการเล่นการพนันในสถานที่ของบริษัทจำเลยด้วย แม้โจทก์จะเป็นผู้ยินยอมให้มีการเล่นการพนันในตู้ยามซึ่งเป็นสถานที่ของบริษัทจำเลย ก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอันเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง หรือกระทำการอันไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตแต่อย่างใด เมื่อจำเลยเลิกจ้าง จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมที่ดิน แม้ไม่ได้จดทะเบียนก็มีผลผูกพันได้ หากโจทก์รู้เห็นยินยอมการเข้าใช้ประโยชน์ของจำเลย ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้รื้อถอน
หนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินเพิ่มเติมซึ่งทำภายหลังจากได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับเดิม มีข้อความตกลงว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าของร่วมคนอื่นยินยอมยกที่ดินในโฉนดที่3878 ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยสละสิทธิ์ที่จะไม่ขอทำทางเท้าให้กว้างขึ้นเป็นถนนจากที่ดินโฉนดที่ 7386 ผ่านที่ดินโฉนดที่ 3878 ไปสู่ถนนใหญ่ อันเป็นสิทธิที่จำเลยพึงเรียกร้องได้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับแรกที่ทำไว้แต่เดิม ข้อตกลงเช่นนี้แม้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็มีผลผูกพันบังคับระหว่างคู่สัญญากันได้ ไม่ใช่สัญญาให้โดยเสน่หาและไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายจึงไม่อยู่ใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 456,525 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยปลูกเรือนในที่ดินของจำเลยล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดอื่น อันเป็นส่วนที่จำเลยได้รับยกให้ตามสัญญาจะซื้อขายเพิ่มเติมดังกล่าวโดยโจทก์รู้เห็น และมิได้ทักท้วง เท่ากับโจทก์รับว่าจำเลยปลูกเรือนในที่ดินพิพาทได้โจทก์ ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนหลังนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิร่วม การยินยอมในการขาย และการซื้อโดยไม่สุจริต
อำเภอออกประกาศขายที่ดินซึ่งบุคคลผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย มิได้ไปร้องคัดค้านนั้น จะถือว่าเป็นการยินยอมให้ขายมิได้การได้มาซึ่งทรัพย์สิทธิในคลังหาริมทรัพย์ โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่นั้นจะเป็นผลสมบูรณ์ต่อเมื่อการกระทำนั้นเป็นไปโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันสัญญาซื้อขายที่ดินสินบริคณห์โดยสามีที่ไม่ยินยอม และการสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์การสัตยาบัน
+มีให้สัตยาบันแก่สัญญาขายที่ดินสินบริคณห์ ซึ่งภรรยาทำไปโดยมิได้รับความยินยอมของสามีนั้นไม่จำต้องทำเป็นหนังสือประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.94(ข)
ภรรยาเอาที่ดินสินบริคณห์ไปขายให้แก่บุคคลภายนอกปรากฏตามหนังสือสัญญาซื้อขายตกลงราคากัน 500 บาท เมื่อสามีมาฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายรายนี้ ผู้ซื้อจึงนำพะยานบุคคลมาสืบว่าสามีเป็นผู้รับเงินค่าซื้อขายรายนี้ไป 570 บาทเพื่อแสดงว่าสามีได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะ-สัญญาซื้อขายนี้การสืบเช่นนี้ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาซื้อขายนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้ลงชื่อในรังวัดที่ดินไม่ทำให้กรรมสิทธิเปลี่ยนมือ การแบ่งครอบครองเป็นส่วนสัดเป็นเหตุให้เกิดกรรมสิทธิ
เพียงแต่ยินยอมให้ลงชื่อเป็นเจ้าของในการรังวัดที่ดินถือว่าเพียงแต่แสดงเจตนาจะให้เท่านั้น ยังหาได้กรรมสิทธิไม่ ผู้รับมฤดกต่างตกลงแบ่งที่ดินและครอบครองกันมาเป็นส่วนเป็นสัดต้องแบ่างให้ตามส่วนที่ครอบครองกันมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูของภรรยา แม้จะมีการตกลงทำสัญญากันเอง โดยการอย่าต้องยินยอมร่วมกัน
เมียฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูจากผัวได้
ชายหญิงเป็นผัวเมียกันได้อย่างไร
อย่ากันโดยคำพังต้องยินยอมด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายฝ่ายใดจะบอกอย่าแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้
ผัวเมียทำสัญญากันไม่ผูกมัดซึ่งกันแลกัน
of 2