พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4596/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการขายทอดตลาด: การชำระเงินครบถ้วนคือจุดสำคัญของการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
การขายทอดตลาดแม้จะบริบูรณ์เมื่อผู้ทอดตลาดแสดงความตกลงด้วยการเคาะไม้ก็ตาม แต่ก็มีผลเพียงทำให้ผู้สู้ราคาไม่อาจถอนคำสู้ราคาของตนได้ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 509 เท่านั้น ประกอบกับมาตรา 515ได้บัญญัติให้ผู้สู้ราคาสูงสุดนั้นต้องใช้ราคาเป็นเงินสดเมื่อการซื้อขายบริบูรณ์ และในมาตรา 516 ยังได้บัญญัติต่อไปว่าถ้าผู้สู้ราคาสูงสุดละเลยเสียไม่ใช้ราคาก็ให้เอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดซ้ำอีก หากได้เงินจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าทอดตลาดชั้นเดิม ผู้สู้ราคาเดิมคนนั้นต้องรับผิดในส่วนที่ขาด แต่หากขายได้เงินจำนวนสุทธิสูงกว่าที่ผู้สู้ราคาเดิมได้ให้ราคาไว้ในชั้นเดิม ก็หาได้มีบทบัญญัติให้ต้องคืนเงินส่วนที่สูงกว่าดังกล่าวแก่ผู้สู้ราคาเดิมไม่ ฉะนั้น แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทอดตลาดได้เคาะไม้ในการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้สู้ราคาแล้ว แต่จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลยกเลิกการขายทอดตลาด ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการขายทอดตลาดอยู่ จนกระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องของจำเลยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2537 ทำให้ข้อโต้แย้งดังกล่าวถึงที่สุด ทั้งผู้ร้องได้ชำระเงินครบถ้วนเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2537 การขายทอดตลาดจึงเสร็จสมบูรณ์ในวันดังกล่าว เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้ร้องทั้งสามเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2533 ผู้ร้องทั้งสามจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง กรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างยังคงเป็นของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิได้ซึ่งผลประโยชน์อันเป็นดอกผลในที่ดินดังกล่าว ผู้คัดค้านจึงมีอำนาจเก็บรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้ ผู้ร้องทั้งสามไม่มีสิทธิได้รับเงินผลประโยชน์นั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และการโอนที่ดินโดยไม่สุจริต
ส. บิดาจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองที่พิพาทมาตั้งแต่60 ปี ก่อนเกิดกรณีพิพาทคดีนี้ ประกอบกับโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่า ส.เข้าครอบครองที่พิพาทได้อย่างไรพฤติการณ์ที่ส.และจำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทสืบต่อกันมานานถึง60 ปี โดยไม่ปรากฎว่า ส. และจำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทแทนผู้อื่น แสดงให้เห็นว่า ส. และจำเลยร่วมกันยึดถือที่พิพาทเพื่อตนมาก่อนมีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5285 แม้ ส.และจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งคัดค้านการที่ อ. ขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5285 ซึ่งรวมที่พิพาทไว้ด้วย และมิได้โต้แย้งคัดค้านการโอนมรดกที่ดินโฉนดดังกล่าวก็ตาม ก็ไม่ทำให้ลักษณะการยึดถือที่พิพาทของ ส. และจำเลยที่ 2 เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นหลังจากการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5285 แล้ว ส.และจำเลยที่ 2ยังคงครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อ ส. ตาม จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นทายาทของ ส.จึงเป็นผู้สืบสิทธิของส. แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 ครอบครองที่พิพาทตลอดมา กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงตกเป็นของจำเลยทั้งสองโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ได้กรรมสิทธิ์เดิมจะได้รับการยกที่ดินให้หรือรับมรดกโดยไม่เสียค่าตอบแทน
การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยก่อสร้างรั้วรุกล้ำที่ดินพิพาทของโจทก์ ก็ไม่เป็นผลดีแก่คดีของโจทก์เพราะเป็นการแจ้งความภายหลังที่กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทได้ตกเป็นของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1382 จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่าไม่ได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ หากรุกล้ำจำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่รุกล้ำโดยการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งศาลชั้นต้นได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่รุกล้ำโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งและเสียค่าขึ้นศาลมาก็ตามแต่ศาลอุทธรณ์ก็เพียงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์เท่านั้น ศาลอุทธรณ์หาได้พิพากษาเกินไปกว่า หรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ไม่ โจทก์ได้รับการยกที่ดินให้และได้รับมรดกจาก ก. ย. และ ส.โดยมิได้เสียค่าตอบแทน ฉะนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม แม้จะยังมิได้จดทะเบียนก็ย่อมยกเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ เพราะแม้โจทก์จะจดทะเบียนโดยสุจริต แต่ก็มิได้เสียค่าตอบแทนแต่อย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3133/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การนำสืบที่มาของที่ดินจะแตกต่างจากคำร้องเดิม
ผู้ร้องกล่าวในคำร้องว่า ผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทจาก ช. แต่นำสืบว่า จ. มารดาผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทจาก ช. แล้ว ผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทต่อจาก จ. อีกทีหนึ่ง เป็นการนำสืบถึงที่มาของที่ดินพิพาทและการได้ที่ดินพิพาทมา ไม่ถือว่าทางนำสืบต่างกับคำร้องถึงขนาดเป็นเหตุให้รับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3133/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้รายละเอียดการซื้อขายจะแตกต่างจากที่กล่าวอ้าง
ผู้ร้องกล่าวในคำร้องว่า ผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทจาก ช. แต่นำสืบว่า จ. มารดาผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทจาก ช. แล้ว ผู้ร้องซื้อที่ดินพิพาทต่อจาก จ. อีกทีหนึ่ง เป็นการนำสืบถึงที่มาของที่ดินพิพาทและการได้ที่ดินพิพาทมา ไม่ถือว่าทางนำสืบต่างกับคำร้องถึงขนาดเป็นเหตุให้รับฟังไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ผู้ร้องซื้อที่พิพาทมีโฉนดจาก ป. เมื่อ ป. รับชำระราคาแล้วก็มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่ โดยสัญญาว่าจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว แต่ ป. เป็นลมถึงแก่กรรมเสียก่อน เมื่อผู้ร้องครอบครองที่พิพาทมาด้วยความสงบเปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบปีผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครอง และผลของการเป็นสามีภรรยาไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อการอ้างอายุความ
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด แม้สามีโจทก์ซึ่งตายไปแล้วและโจทก์จะได้รับมรดกและครอบครองมาเกิน 1 ปี แต่เมื่อยังครอบครองไม่ถึง 10 ปี โจทก์ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์และเมื่อปรากฏว่าโจทก์มิได้เป็นภรรยาโดยชอยด้วยกฎหมายด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยกอายุความมรดก 1 ปีอ้างยันต่อจำเลยซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396-1397/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ไม่ต้องจดทะเบียนสิทธิครอบครอง สามารถใช้ยันเจ้าของที่ดินมีโฉนดได้
ผู้เข้าครอบครองปรปักษ์นั้นหาจำต้องจดทะเบียนสิทธิครอบครองแต่อย่างใด ก็สามารถใช้ยันต่อเจ้าของที่ดินมีโฉนดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้โฉนดยังมิได้เปลี่ยนชื่อ
ซื้อขายที่ดินมีโฉนดแก่กันได้มอบที่ดินและโฉนดให้ผู้ซื้อยึดถือครอบครองแล้ว ฝ่ายผู้ซื้อก็ชำระราคาแล้ว สัญญาว่าจะไปโอนทะเบียนกันภายใน 1 เดือน แต่แล้วก็ไม่ได้ไปโอนกัน ฝ่ายผู้ซื้ก็คงครอบครอง
ที่ดินโดยเจตนาเป็นเจ้าของด้วยความสงบแลเปิดเผยมาถึง 24 ปี ดังนี้ ฝ่ายผู้ซื้อขายกันนี้ แล้ว ฉะนั้นแม้ภายหลังผู้ซื้อและผู้ขายได้ถึงแก่กรรมทั้งสองฝ่าย ทายาทของผู้ซื้อก็มีสิทธิฟ้องให้ถอนชื่อในโฉนดโอนทะเบียนใส่ชื่อทายาทผู้ซื้อได้ ไม่ใช่เรื่องขาดอายุความและสิทธิเรียกร้องตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 163, 164, 169
ที่ดินโดยเจตนาเป็นเจ้าของด้วยความสงบแลเปิดเผยมาถึง 24 ปี ดังนี้ ฝ่ายผู้ซื้อขายกันนี้ แล้ว ฉะนั้นแม้ภายหลังผู้ซื้อและผู้ขายได้ถึงแก่กรรมทั้งสองฝ่าย ทายาทของผู้ซื้อก็มีสิทธิฟ้องให้ถอนชื่อในโฉนดโอนทะเบียนใส่ชื่อทายาทผู้ซื้อได้ ไม่ใช่เรื่องขาดอายุความและสิทธิเรียกร้องตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 163, 164, 169
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์หลังแจ้งเจตนาซื้อขายและการครอบครองนานกว่า 10 ปี
การที่จำเลยซึ่งเป็นบุตรของเจ้าหนี้ซึ่งยึดถือนาพิพาทมีโฉนดไว้ทำต่างดอกเบี้ย ได้แจ้งแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ว่า มารดาได้ยกนาพิพาทนั้นให้แล้ว จำเลยจะเอาเป็นกรรมสิทธิ์และยอมเพิ่มเงินให้โจทก์ ซึ่งฝ่ายโจทก์ก็ตกลง แต่การโอนทะเบียนขัดข้องจำเลยไม่ได้ให้เงินที่เพิ่มนั้นแก่โจทก์ จำเลยคงครอบครองนาพิพาทตลอดมากว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้ถือว่า จำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองแทนเป็นครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของตั้งแต่แจ้งแก่โจทก์ดังกล่าว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382