คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขวาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3127/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ฆ่า ขวาน-ค้อนขนาดเล็ก บาดแผลหายได้ ไม่เป็นอันตรายฉกรรจ์
แม้จำเลยใช้ขวานและค้อนเป็นอาวุธฟันและตีทำร้ายผู้เสียหายทั้งสอง แต่สาเหตุของการทำร้ายไม่ปรากฏว่าจำเลยกับผู้เสียหายทั้งสองมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนเกิดเหตุ สาเหตุการทำร้ายเป็นเพราะความไม่พอใจกันในหมู่ญาติ ขณะเกิดเหตุจำเลยกับผู้เสียหายที่ 1 ต่างมีอาการเมาสุราและสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน เมื่อมีผู้ห้ามต่างก็เลิกรากันไป ทั้งขนาดของคมขวานยาว 3 นิ้ว สันขวานหนาเพียง 1 นิ้วครึ่ง เป็นขวานขนาดเล็ก เฉพาะความยาวของขวานรวมทั้งด้ามมีความยาว 14 นิ้วครึ่ง ส่วนขนาดของค้อนไม่ปรากฏและแม้จะปรากฏว่าผู้เสียหายที่ 1 มีบาดแผลที่หางคิ้วซ้ายยาว 1.5 เซนติเมตรลึกถึงกระดูก บาดแผลที่เหนือท้ายทอยยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกระดูก กับบาดแผลฉีกขาดที่ริมฝีปากด้านบนยาว 4 เซนติเมตร ส่วนผู้เสียหายที่ 2 มีบาดแผลที่บริเวณศีรษะด้านหน้ายาว 5 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกก็ตาม แต่บาดแผลของผู้เสียหายที่ 1และที่ 2 หายเป็นปกติภายใน 10 วัน และ 7 วัน ไม่ถือว่าเป็นบาดแผลฉกรรจ์แสดงว่าจำเลยมิได้ใช้ขวานฟันและใช้ค้อนตีผู้เสียหายทั้งสองโดยแรง ดังนี้ จำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสองเท่านั้น ไม่ใช่เจตนาฆ่า
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 ไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำฟ้อง
โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 2 ปี จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ ตาม ป.อ. มาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4154/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานและการใช้ปืนข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ดิ้นหลุดมาได้ จำเลยที่ 2 ก็ใช้ขวานซึ่งมีใบขวานกว้างประมาณ3 นิ้ว ฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้ายศีรษะและท้ายทอย จำเลยที่ 1วิ่งไปหยิบปืนมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า"ฆ่าให้ตาย" และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 9 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9 และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล หากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงประกอบกับเป็นขวานค่อนข้างใหญ่ จึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2990/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ขวานทำร้ายร่างกายสามีภริยา ไม่ถือเป็นเหตุบันดาลโทสะ แต่เป็นจากความโกรธเคือง
จำเลยอ้อนวอนขอให้ผู้ตายกลับมาอยู่กับจำเลยเพื่อช่วยเลี้ยงดูบุตรจำเลยไม่ยอมให้กลับขอให้พูดกันให้รู้เรื่อง ผู้ตายไม่ยอมทั้งได้พูดว่าเบื่อขี้หน้าและถ่มน้ำลายรดหน้าจำเลยกับด่าว่าต่าง ๆ นา ๆ จำเลยโมโหจึงวิ่งไปหยิบขวานที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผู้ตายพูดท้าให้ฟัน จำเลยจึงฟันผู้ตาย เป็นเรื่องสามีภริยามีปากเสียงทะเลาะกันตามปกติ ส่วนที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยต่าง ๆ นา ๆ นั้นก็ไม่ได้ความว่าผู้ตายด่าว่าจำเลยด้วยถ้อยคำอย่างไร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ การที่จำเลยใช้ขวานเป็นอาวุธฟันผู้ตายถึงแก่ความตายจึงมิใช่เพราะเหตุบันดาลโทสะ แต่เป็นเพราะจำเลยโกรธเคืองผู้ตายที่ไม่ยอมกลับไปอยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3435/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวาน: พฤติการณ์และบาดแผลบ่งชี้ความร้ายแรง
จำเลยฟันทำร้าย ส. ได้รับบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ศีรษะด้านขวายาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึกถึงกระโหลกศีรษะ ที่เต้านมข้างซ้ายยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ลึก 3 เซนติเมตร และที่รักแร้ขวาและหน้าอกยาว 8 เซนติเมตรซึ่งล้วนเป็นบาดแผลที่อวัยวะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายทั้งสิ้น อาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดก็เป็นขวานขนาดใหญ่ คมขวานกว้างประมาณ 3 นิ้วสุด ด้ามยาวประมาณ 1 ศอกสามารถพันทำร้ายถึงตายได้โดยง่าย กิริยาที่จำเลยกระทำก็ปรากฏจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวมาแล้วว่าเป็นการพันโดยแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายก็อาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากการใช้ขวานทำร้าย แม้ผู้เสียหายหลบได้ บาดแผลอาจถึงแก่ชีวิตได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ขวานฟันพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยอ้างแต่เพียงว่า กระทำลงไปเพราะเมาสุราขาดสติสัมปชัญญะ ทั้งไม่ติดใจสืบพยานจำเลย เช่นนี้ จำเลยจะยกกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่าไม่เจตนาฆ่าผู้เสียหาย ไม่ได้ฟันแรงนัก ไม่ได้
จำเลยใช้ขวานด้ามยาว 12 นิ้ว คมขวานกว้าง 2.8 นิ้ว ฟันผู้เสียหายทั้งสองที่ศีรษะเต็มแรง แต่ผู้เสียหายทั้งสองหลบทัน คมขวานพลาดศีรษะแต่เกิดบาดแผลซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้ และจำเลยยังทำท่าจะฟันซ้ำอีก เช่นนี้จำเลยมีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองมิใช่เพียงแต่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากการใช้ขวานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายหลบได้ แต่บาดแผลอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ขวานฟันพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยอ้างแต่เพียงว่า กระทำลงไปเพราะเมาสุราขาดสติสัมปชัญญะ ทั้งไม่ติดใจสืบพยานจำเลย เช่นนี้จำเลยจะยกกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่าไม่เจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่ได้ฟันแรงนัก ไม่ได้
จำเลยใช้ขวานด้ามยาว 12 นิ้ว คมขวานกว้าง 2.8 นิ้ว ฟันผู้เสียหายทั้งสองที่ศีรษะเต็มแรง แต่ผู้เสียหายทั้งสองหลบทัน คมขวานพลาดศีรษะแต่เกิดบาดแผลซึ่งอาจทำให้ถึงตายได้และจำเลยยังทำท่าจะฟันซ้ำอีก เช่นนี้จำเลยมีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองมิใช่เพียงแต่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: ภยันตรายใกล้จะถึงจากการถูกทำร้ายด้วยขวาน
แม้จำเลยและผู้ตายจะได้โต้เถียงกันก่อน แต่การโต้เถียงก็หาใช่เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกันไม่ การที่ผู้ตายจะใช้ขวานฟันจำเลยจึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง เมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงทีเดียว แม้จะถูกที่สำคัญก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการฉุกเฉินเพื่อให้ตนเองพ้นอันตราย จำเลยย่อมไม่มีโอกาสไตร่ตรองว่าอวัยวะส่วนใดสำคัญหรือไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3030/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้ขวานทำร้ายจนถึงแก่ความตาย และการไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยใช้ขวานด้ามยาว 80 เซนติเมตร หน้าขวานกว้าง 10 เซนติเมตร ฟันศรีษะผู้ตายที่บริเวณเหนือหูซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญอย่างแรงจนกะโหลกศรีษะแตก สมองบวมโลหิตไหลจนแพทย์ไม่สามารถห้ามโลหิตได้ ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยฟันโดยเจตนาฆ่า ที่จำเลยไม่ฟันซ้ำเมื่อผู้ตายล้มลงและอุ้มผู้ตายไปรอขึ้นรถไปโรงพยาบาลนั้นเป็นเหตุการณ์หลังจากจำเลยฟันผู้ตายแล้ว เป็นการกระทำไปโดยสำนึกในความผิดที่ทำไปแล้ว หาทำให้การกระทำของจำเลยที่กระทำก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย กลับเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาฆ่าผู้ตายไม่
จำเลยเชื่อว่าต้นสะแบงที่ผู้ตายตัดมาไว้ที่นาของผู้ตายเป็นของจำเลยจึงเข้าไปพูดกับผู้ตาย ผู้ตายไม่ยอมรับว่าต้นสะแบงดังกล่าวตัดมาจากที่ดินของจำเลย และผู้ตายพูดกับจำเลยว่า "มึงจะไปที่ไหนก็ไป กูไม่กลัวมึงหรอก" จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตาย ถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยจะใช้ขวานฟันผู้ตาย จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า - การใช้ขวานทำร้าย - บาดแผลไม่ร้ายแรง - ศาลฎีkayืนลดโทษ
จำเลยใช้ขวานฟันผู้เสียหาย 1 ที โดยตั้งใจจะฟันที่ไหล่ พอดีผู้เสียหายหันมาจึงฟันพลาดไปถูกที่คอ และจำเลยมิได้ฟันซ้ำทั้งที่มีโอกาส ผู้เสียหายมีบาดแผลที่คอด้านหลังเพียงหนังขาดยาวราว 5 เซนติเมตร แสดงว่าขวานไม่คม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้ขวานป้องกันการถูกประทุษร้ายด้วยอาวุธปืน
ผู้ตายกับพวกเข้าไปในเขตรั้วบ้านของจำเลยในเวลาวิกาลในลักษณะที่จะลักทรัพย์ เมื่อภรรยาจำเลยฉายไฟไปเห็นผู้ตายก็ยกปืนจ้องไปทางภรรยาจำเลยเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง จำเลยย่อมมีสิทธิกระทำเพื่อป้องกันได้ และการที่จำเลยหยิบขวานด้ามไม้ยาวประมาณ 1 แขน ใบขวานเป็นเหล็กมีคม กว้าง 3 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว มาจากข้างฝาในขณะนั้นเองโดยมิได้เตรียมมาก่อน เหวี่ยงฟันผู้ตายไป 4 ทีติด ๆ กัน ในเวลาฉุกละหุกที่จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะต้องฟันหรือเหวี่ยงไปกี่ทีจึงจะพอยับยั้งผู้ตายมิให้ใช้อาวุธปืนยิงได้ จึงเป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ
of 3