คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขัดขืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4136/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีทหารกองเกินหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ต้องระบุหมายนัดและการขัดขืนอย่างชัดเจน
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 20 โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้ปรากฏถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 19 ด้วยและหากโจทก์ฟ้องด้วยวาจามีข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ศาลก็จะบันทึกคำฟ้องของโจทก์ให้ได้ใจความแห่งข้อหาไว้เป็นหลักฐานเพื่อพิพากษาคดีนั้นต่อไป
การที่จะถือว่าทหารกองเกินหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารกองประจำการตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2499 มาตรา 45 ต้องเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนหมายนัดของนายอำเภอตามมาตรา 34 ด้วย ดังนั้น องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 45 จึงประกอบด้วยนายอำเภอออกหมายนัด จำเลยรับหมายนัดแล้วและมีการขัดขืนหมายนั้น แต่บันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยซึ่งเป็นทหารกองเกินและถูกคัดเลือกให้เข้ากองประจำการในผลัดที่ 1/2540 ในวันที่ 5 เมษายน 2540 แต่หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่ไปรายงานตัวตามกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยมิได้บรรยายฟ้องว่า กำหนดให้ไปรายงานตัวได้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่ปรากฏว่านายอำเภอได้ออกหมายนัด และจำเลยได้รับหมายนัดแล้ว เมื่อฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดตามบทมาตราดังกล่าว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารเด็กโดยขู่เข็ญและใช้กำลัง เด็กอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
จำเลยพาผู้เสียหายทั้งสองซึ่งมีอายุเพียง 9 ปี เข้าไปในห้องบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกมิฉะนั้นจะใช้ไฟฟ้า ช็อต และใช้อวัยวะเพศมาถูกที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายทั้งสองจนสำเร็จความใคร่ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยผู้เสียหายทั้งสองนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารโดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหาย ไม่ถือเป็นการขู่เข็ญจนขัดขืนไม่ได้
ผู้เสียหาย 4 คนมีอายุกว่า 13 ปี แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก 3 คนมีอายุไม่เกิน 13 ปี ผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดี จะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บ จำเลยบอกให้อดทน ที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่า กรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำยอมให้จำเลยกระทำอนาจาร การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า 13 ปี จึงไม่เป็นความผิด คงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารต่อผู้เยาว์โดยอาศัยความหลงเชื่อและภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ผู้เสียหาย4คนมีอายุกว่า13ปีแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก3คนมีอายุไม่เกิน13ปีผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดีจะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บจำเลยบอกให้อดทนที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่ากรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำยอมให้จำเลยกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า13ปีจึงไม่เป็นความผิดคงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน13ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา279วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารและความยินยอม: พฤติการณ์บ่งชี้ความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวและการไม่ขัดขืน
ประจักษ์พยานโจทก์มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวคำเบิกความของผู้เสียหายจึงต้องพิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้ แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่า: การจ้องปืนและพฤติการณ์ที่ไม่มีการขัดขืน ไม่เพียงพอพิสูจน์เจตนาฆ่า
จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหาย โดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไก ปืนหากเจตนาฆ่า ก็อาจยิงได้ทันที โดยที่ไม่อาจห้ามได้ทัน เหตุเกิดในเวลากลางวันที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนเกิดเหตุ1 เดือนเศษ จำเลยใช้ไม้ตีศีรษะ ช. พี่ภรรยาของผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายพาช.ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ไม่น่าเป็นเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่ากัน เมื่อพี่เขยจำเลยมาจับมือที่ถือปืนให้ปากกระบอกเบนขึ้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยพยายามดิ้นรนขัดขืน ที่จะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีเจตนาจะยิงผู้เสียหาย อาจกระทำไปเพื่อขู่ จึงไม่มีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2702/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาล: การขัดขืนการจับกุมโดยไม่มีหมายจับและการจ่ายเงินหลังถอนฟ้อง
แม้เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้แล้วจำเลยจะต้องจ่ายเงินให้โจทก์จำนวนหนึ่ง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกลับจะนำเงินที่นำมาด้วยกลับไปนั้นเป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยไม่อาจถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
การที่จำเลยขัดขืนไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปที่ห้องจ่าศาลและร้องเอะอะโวยวายให้ผู้อื่นช่วย อันเนื่องมาจากการจับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายจับ ซึ่งกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะจับกุมจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 ดังนั้นการนำตัวจำเลยมาศาลจึงต้องใช้กำลังฉุดกระชาก และจำเลยร้องเอะอะโวยวายเมื่อถูกใส่กุญแจมือนั้น ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยมีเหตุโกรธเคืองและขัดขืน แต่ไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้านเคยมีสาเหตุกับผู้ตาย จำเลยที่ 1 หาพรรคพวกไปแกล้งจับผู้ตาย หาว่ากระทำความผิดอาญา โดยที่ผู้ตายเองก็เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกับพวกหลอกลวงเอาเงินจากพ่อค้าและราษฎรไปอยู่เหมือนกัน จำเลยที่ 1 กับพวกเอาโซ่มัดผู้ตาย เอาผู้ตายไปล่ามโซ่ไว้ใต้ถุนบ้าน แล้วจำเลยที่ 1-2-3-4 กับพวกเอาตัวผู้ตายออกจากบ้านไป บอกว่าจะเอาตัวไปส่งจังหวัดในคืนวันเกิดเหตุ ผู้ตายพยายามขัดขืนไม่ยอมไป จำเลยกับพวกเอาโซ่ลากคอผู้ตายไป แล้วร่วมกันฆ่าผู้ตายในระหว่างทางเห็นได้ว่าเมื่อตอนที่จำเลยกับพวกนำตัวผู้ตายออกจากบ้านไปนั้น จำเลยกับพวกอาจจะยังไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย แต่การที่กลับมาเปลี่ยนใจฆ่าผู้ตายน่าจะเป็นเพราะผู้ตายพยายามขัดขืนไม่ยอมไปก็ได้ พฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังประทุษร้ายในการชิงทรัพย์: การกระทำที่ทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานชิงทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายโดยจับมือเด็กชายยงผู้เลี้ยงกระบือไว้ เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์ แล้วจำเลยกับพวกได้ช่วยกันแกะเอาเชือกที่เด็กชายยงจูงกระบือเลี้ยงไว้ในมือออกซึ่งทำให้เด็กชายยงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้แล้วพากระบือไปเช่นนี้ ถือว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(6) แล้ว
จำเลยกับพวกมีอาวุธเข้ามากระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยงเด็กชายยงกำเชือกแน่นและเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้างแกะอยู่นานราวอึดใจหนึ่งเชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยงแล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: พิจารณาพฤติการณ์ต่อเนื่องเมื่อมีการขัดขืนและทำร้าย
การที่ผู้ตายทำร้ายแล้วขัดขืนไม่ยอมให้จับ ผู้ตายแกว่งมีดจะแทงผู้เข้าจับ ๆ ถอยล้มลง ผู้ตายจะเข้าแทง ทันใดนั้นจำเลยจะเข้าตีผู้ตาย ๆ ถือมีดจะมาแทงจำเลยผู้เข้าจับคนนั้นจึงตีผู้ตายล้มลงกำลังผู้ตายจะลุกขึ้นจำเลยก็ตีศรีษะอีก 1 ที ถึงตายดังนี้จะเห็นได้ว่าการที่จำเลยตีผู้ตายครั้งหลังขณะที่ล้มอยู่นี้เป็นการกระทำที่เกี่ยวพันกระชั้นชิดกันจึงต้องพิจารณาพฤติการณ์รวมกันไปจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
of 2