คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขับไล่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีขับไล่และการแสดงอำนาจพิเศษเมื่อมูลค่าเช่าที่ดินต่ำกว่าเกณฑ์
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดิน ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท คู่ความในคดีฟ้องขับไล่เดิมจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าชั้นนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับผู้ร้องทั้งสามซึ่งเป็นบริวารของจำเลยถูกฟ้องขับไล่ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องทั้งสามไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษได้ ที่ผู้ร้องทั้งสามฎีกาว่า ผู้ร้องทั้งสามมิใช่บริวารของจำเลย เนื่องจากผู้ร้องที่ 3 ได้รับโอนที่ดินมาจากเจ้าของเดิมและครอบครองโดยสุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขับไล่ที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ศาลไม่อาจสั่งประมูลขายทรัพย์นอกเหนือจากคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและห้องพิพาท ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินและห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์รวมของโจทก์กับจำเลย พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและห้องพิพาทส่วนของโจทก์ แม้ต่อมาจะมีปัญหาในชั้นบังคับคดีว่า ไม่ปรากฏว่าที่ดินและห้องพิพาทซึ่งมีอยู่ 2 ห้อง ส่วนใดเป็นของโจทก์ที่จำเลยและบริวารต้องออกไป ศาลชั้นต้นก็ไม่อาจมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่พิพาทออกประมูลขายได้ เพราะเป็นการบังคับคดีที่นอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 271

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องการฟ้องขับไล่พร้อมเรียกค่าเสียหาย: การพิจารณาเรื่องทุนทรัพย์และข้อจำกัดในการฎีกา
โจทก์ฟ้องขับไล่พร้อมกับเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จึงถือได้ว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ส่วนหนึ่งกับคดีมีทุนทรัพย์อีกส่วนหนึ่งปนกันมา ดังนี้ จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องแยกจากกัน กล่าวคือ ถ้าหากฎีกาประเด็นเรื่องขับไล่ก็ต้องพิจารณาว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเกินเดือนละ 10,000 บาท หรือไม่ โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 7,000 บาท โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาย่อมถือว่าในขณะยื่นคำฟ้องนั้น ที่ดินและบ้านพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง ที่จำเลยฎีกาว่าคำเบิกความของโจทก์มีพิรุธฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเป็นฎีกาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา
ในเรื่องค่าเสียหาย ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 7,000 บาท นับแต่วันที่ 30 มีนาคม 2540 คำนวณถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 อันเป็นวันฟ้อง ซึ่งถือเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นศาลฎีกาเกินสองแสนบาทไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเช่าเกินสี่พันบาท ไม่ขัดขวางสิทธิอุทธรณ์ในคดีขับไล่ผู้เช่า
ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง บัญญัติหลักเกณฑ์กรณีต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับคดีฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทหรือไม่เกินจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งแยกได้เป็น 2 กรณี คือ ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทและฟ้องขับไล่บุคคลอื่นนอกจากผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท
หนังสือสัญญาเช่าและสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ต่อท้ายหนังสือสัญญาเช่ามีข้อความเกี่ยวกับค่าเช่าว่า ค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาท และผู้เช่าชำระเงินกินเปล่า 500,000 บาท เงินกินเปล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่ชำระกันล่วงหน้า จึงต้องนำมาคำนวณเฉลี่ยรวมเป็นค่าเช่าด้วย เมื่อสัญญาเช่ากำหนดเวลาเช่า 9 ปี 6 เดือน ดังนั้น เงินกินเปล่าหรือค่าเช่าล่วงหน้า 500,000 บาท เป็นค่าเช่าล่วงหน้าเฉลี่ยเดือนละ 4,385.96 บาท รวมกับค่าเช่าปกติเดือนละ 4,000 บาท เป็นค่าเช่าเดือนละ 8,385.96 บาท ในขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นค่าเช่าที่เกินเดือนละสี่พันบาท จึงไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2548 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ของส่วนราชการ กรณีจำเลยเกษียณอายุและไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว การมอบอำนาจฟ้องคดีได้รับการยกเว้นอากรแสตมป์
พ.ร.ฎ.โอนกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทยไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจฯ มาตรา 3 บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า โจทก์เป็นส่วนราชการ และมีฐานะเป็นกรม โจทก์จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 7 (4) และเป็นส่วนราชการของรัฐบาล ห้องพิพาทที่จำเลยพักอาศัยเป็นส่วนหนึ่งของอาคารของโจทก์ จึงเป็นทรัพย์สินของทางราชการ เมื่อจำเลยเกษียณอายุราชการจึงไม่มีสิทธิพักอาศัยอยู่ในห้องพิพาทต่อไป ตามระเบียบการปฏิบัติเข้าพักอาศัยในอาคารของกรมตำรวจ การที่จำเลยยังคงอยู่ในห้องพิพาทไม่ยอมออกไปเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้ออกไปแล้ว จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย และโจทก์อยู่ในฐานะเป็นผู้กระทำงานของรัฐบาลโดยหน้าที่หาใช่เป็นการกระทำการโดยส่วนตัวไม่ การที่โจทก์มอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องคดีจึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจ เพราะได้รับการยกเว้นตาม ป.รัษฎากรฯ มาตรา 121

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5809/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีขับไล่ที่เข้าข่ายข้อห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง แม้จะอ้างว่าพิพาทเรื่องประเภทที่ดิน
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ แม้จำเลยจะให้การมาด้วยว่า จำเลยปลูกบ้านตามฟ้องอยู่บนที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่คำให้การดังกล่าวเป็นการปฏิเสธนิติสัมพันธ์และนิติเหตุตามฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์อยู่ในประเด็นแห่งคดีตามฟ้องโจทก์ที่ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปพร้อมทั้งรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินพิพาท กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการนำที่ดินไปให้ผู้อื่นเช่าเดือนละ 1,000 บาท ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวไม่ทำให้คดีมีประเด็นใหม่นอกเหนือจากประเด็นแห่งคดีตามฟ้อง ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท ซึ่งห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5809/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีขับไล่ที่จำเลยปฏิเสธการเช่าและอ้างที่ดินสาธารณะ ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ตามมาตรา 224 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ แม้จะให้การมาด้วยว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่บนที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่คำให้การดังกล่าวเป็นการปฏิเสธนิติสัมพันธ์และนิติเหตุตามฟ้องซึ่งเป็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์อยู่ในประเด็นแห่งคดีตามฟ้องโจทก์ที่ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปพร้อมทั้งรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินพิพาทกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการนำที่ดินไปให้ผู้อื่นเช่าเดือนละ 1,000 บาท ข้อต่อสู้ดังกล่าวไม่ทำให้คดีมีประเด็นใหม่นอกเหนือจากประเด็นแห่งคดีตามฟ้อง จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท ซึ่งห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5302/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 248 วรรคหนึ่ง: คดีขับไล่ที่ไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเช่าออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยกับให้จำเลยชำระเงิน 170,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมค่าเสียหายเดือนละ 3,500 บาท จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง และเมื่อคดีเดิมต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ในชั้นบังคับคดีซึ่งเป็นคดีสาขาก็ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน ที่จำเลยฎีกาในชั้นบังคับคดีว่าที่ดินจำเลยครอบครองในปัจจุบันเป็นที่สาธารณะและอยู่นอกเขตที่ดินของโจทก์ การขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการบังคับคดีนอกเหนือคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลที่รับฟังว่าจำเลยยังมิได้ขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4261/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในคดีขับไล่และการห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง
จำเลยให้การว่า บ้านพิพาทบิดามารดาจำเลยปลูกสร้างขึ้น จำเลยอยู่ในบ้านดังกล่าวโดยอาศัยสิทธิของบิดามารดา ถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต่อมาศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทในฐานะผู้ให้เช่าชอบที่จะได้รับประโยชน์ในบ้านพิพาท เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าโจทก์บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้ เมื่อคดีนี้โจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยในฐานะผู้เช่าให้ออกจากบ้านพิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์อันมีค่าเช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิครอบครองของบิดามารดาจำเลยบ้านพิพาทเป็นของจำเลยและสัญญาเช่าปลอม ล้วนแต่เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอ – การขับไล่จากที่ดินควบคู่กับทาวน์เฮาส์ – ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เกินคำขอ
แม้คำขอท้ายฟ้องและคำขอท้ายอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบเอ็ดจะขอให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท ไม่ได้ขอให้ขับไล่ออกจากที่ดินก็ตาม เมื่อบ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์ทั้งสิบเอ็ด โจทก์ทั้งสิบเอ็ดย่อมไม่ประสงค์ให้จำเลยและบริวารอยู่ในที่ดินและทาวน์เฮาส์ที่พิพาทต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินด้วย ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
of 64