คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบคลุม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8350/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบอนุญาตอาวุธปืนครอบคลุมกระสุนปืน การมีกระสุนปืนไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตเพิ่มเติม
ตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมีเครื่องกระสุนปืน ซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ มาตรา 9 วรรคหนึ่ง บัญญัติถึงใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ให้ออกให้แก่บุคคลสำหรับใช้ในการป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน หรือในการกีฬา หรือยิงสัตว์ และวรรคสอง บัญญัติว่า ใบอนุญาตนั้นให้ออกสำหรับอาวุธปืนแต่ละกระบอก แต่ไม่ได้บัญญัติว่าให้ออกใบอนุญาตโดยเฉพาะสำหรับให้มีเครื่องกระสุนปืนด้วย แสดงว่าเมื่อมีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแล้ว การมีกระสุนปืนสำหรับอาวุธปืนนั้น ไม่ต้องมีใบอนุญาตพิเศษ การที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเป็นการอนุญาตให้มีและใช้กระสุนปืนไปในตัว ดังนั้น เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนขนาด 22 มม. แล้ว การที่จำเลยมีกระสุนปืนขนาด 22 มม. เพื่อใช้กับอาวุธปืนดังกล่าว จำเลยย่อมไม่มีความผิด แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองเกินกว่าที่ได้รับใบอนุญาตให้มีไว้สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับใบอนุญาต และจำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 , 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2547)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประเด็นข้อพิพาทโดยศาล ชอบธรรมหากประเด็นใหม่ครอบคลุมประเด็นเดิม
เดิมศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ข้อ 1 จำเลยทั้งสองเช่าที่ดินและค้างชำระค่าเช่าที่ดินโจทก์หรือไม่ เพียงใด ข้อ 2 โจทก์บอกเลิกการเช่าที่ดินโดยชอบหรือไม่ ข้อ 3 โจทก์เสียหายหรือไม่ เพียงใด ต่อมาศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่เป็นว่า ข้อ 1 ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 หรือไม่ และข้อ 2 จำเลยทั้งสองเช่าที่ดินพิพาทของโจทก์ที่ 1 จากโจทก์ที่ 2 และค้างชำระค่าเช่าหรือไม่ และค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใด เป็นเรื่องที่ศาลต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 หรือไม่ เมื่อฟังเป็นยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 จึงจะมาพิจารณาต่อว่าจำเลยทั้งสองเช่าที่ดินพิพาทหรือไม่ หากฟังเป็นยุติว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ที่ 1 ก็ไม่ต้องพิจารณาต่อไปในเรื่องการเช่าและค่าเสียหายอีก จำเลยทั้งสองให้การและนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองไม่เคยขายให้โจทก์ที่ 1 ไม่มีการเช่าที่ดินพิพาท อันเป็นการนำสืบไปตามประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 เดิม และขณะเดียวกันก็สืบไปตามประเด็นข้อพิพาทข้อ 1 และข้อ 2 ใหม่ การกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ภายหลังไม่มีผลต่อการนำสืบและรับฟังข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของจำเลยทั้งสอง การที่ศาลชั้นต้นเพิกถอนการชี้สองสถานเดิมและกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ โดยมีเนื้อหาหรือข้อตามที่ครอบคลุมกว้างขวางขึ้น แต่ประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดใหม่ยังคงมีความหมายรวมอยู่ในประเด็นเดิมจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9514/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตประเด็นข้อพิพาท: การกำหนดประเด็นครอบคลุมข้อโต้แย้งทั้งหมด
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่าโจทก์ผิดสัญญาจ้างทำของตามฟ้องเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองเสียหายตามฟ้องแย้งหรือไม่ ซึ่งมีความหมายครอบคลุมถึงข้อความที่ว่า 1.โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา 2.จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด และ 3.โจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยทั้งสองตามฟ้องแย้งหรือไม่ เพียงใด อันเป็นข้อความที่จำเลยทั้งสองประสงค์ให้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทเพิ่มเติมแล้ว จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงแก้ไขประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6221/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประนีประนอมยอมความครอบคลุมหนี้สินแล้ว แม้ไม่ได้ระบุชัดเจน
ในคดีก่อน จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ส่งมอบสินส่วนตัวและแบ่งสินสมรสโจทก์ให้การว่า โจทก์เป็นหนี้ธนาคาร ก. จำนวน 50,000 บาทซึ่งกู้มาใช้ในครอบครัว หากจะต้องแบ่งสินสมรสให้จำเลยจะต้องหักเงินจำนวน 25,000 บาท ให้โจทก์ด้วย ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมถึงที่สุดโดยไม่ได้กล่าวถึงหนี้จำนวน 50,000 บาท ดังกล่าว เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้ให้ธนาคาร ก. ไปแล้ว โจทก์มาฟ้องเรียกให้จำเลยรับผิดครึ่งหนึ่งเป็นคดีนี้ กรณีเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 วรรคแรก เพราะปัญหาหนี้สินที่โจทก์นำมาฟ้องนี้เป็นประเด็นข้อพิพาทในคดีก่อน ซึ่งได้มีการตกลงหรือประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีแล้ว แม้ศาลจะมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้ในชั้นชี้สองสถานในคดีก่อนก็ตาม และข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจเรียกร้องมากไปกว่านี้อีกย่อมหมายถึงหนี้สินที่โจทก์ฟ้องนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4024/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานกระทำชำเราและอนาจาร: การฟ้องฐานชำเราครอบคลุมความผิดฐานอนาจาร
การกระทำอนาจารคือการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศ เพียงแต่กอดจูบลูบคลำ แตะต้องเนื้อตัวร่างกายในทางไม่สมควรก็เป็นความผิดสำเร็จแล้วส่วนการกระทำชำเราจะเป็นความผิดสำเร็จเมื่อใช้อวัยวะเพศของชายบังคับใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของหญิง การกระทำชำเราจึงรวมถึงการกระทำอนาจารอยู่ในตัว โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษฐานกระทำชำเรา ย่อมหมายความว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารอยู่ด้วยในตัวแม้ไม่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 ฐานกระทำอนาจารถ้าพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กอดจูบลูบคลำผู้เสียหาย ก็ย่อมลงโทษฐานกระทำอนาจารซึ่งมีโทษเบากว่าได้ ไม่เกินคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความครอบคลุมฟ้องแย้ง สละสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้งเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชำระเงินแก่ตน ครั้นถึงวันนัดสืบพยาน คู่ความยอมตกลงกันตามที่ศาลแรงงานกลางไกล่เกลี่ย ศาลแรงงานกลางจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความและได้มีคำพิพากษาตามยอม ในวันนั้นตามข้อ 2 แห่งสัญญาประนีประนอมยอมความได้ระบุไว้ว่า โจทก์จำเลยต่างไม่ติดใจเรียกร้องอื่นใดกันอีก ซึ่งหมายความว่า จำเลยได้สละข้อเรียกร้องของตนตามฟ้องแย้งแล้ว ถือว่าข้อเรียกร้องตามฟ้องแย้งของจำเลยได้ระงับสิ้นไปด้วยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 และคำพิพากษาตามยอมของศาลแรงงานกลาง ได้พิพากษารวมถึงข้อเรียกร้องตามฟ้องแย้งของจำเลยด้วยแล้ว ศาลแรงงานกลางจึงไม่จำต้องมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองครอบคลุมหนี้ทั้งปัจจุบันและอนาคต สัญญาเพิ่มเติมหลักประกันไม่ลบล้างสัญญาเดิม
โจทก์จำนองที่ดินเพื่อประกันหนี้เงินกู้ของโจทก์และ ก. ที่มีต่อจำเลยทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะมีขึ้นในภายหน้าทุกลักษณะ ต่อมาโจทก์กับพวกร่วมกันกู้เงินจำเลยไปอีก การจำนองดังกล่าวย่อมเป็นประกันหนี้ที่โจทก์กับพวกร่วมกันกู้ไปจากจำเลยด้วยการที่สัญญากู้นั้นมิได้ระบุให้เอาที่ดินตามสัญญาจำนองเป็นประกัน โดยระบุแต่ที่ดินอื่นเป็นประกัน ก็เป็นเพียงการเพิ่มเติมหลักประกันให้มั่นคงขึ้นเท่านั้นหาได้ลบล้างข้อสัญญาตามสัญญาจำนองไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองครอบคลุมหนี้ทั้งปัญญาเดิมและปัญญาใหม่ สัญญาจำนองย่อมเป็นประกันหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง
จ.ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคาร ท. สาขาชลบุรีโดยจำนองที่ดินเป็นประกัน และทำสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองว่าทรัพย์ที่จำนองเพื่อเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชี หนี้เงินกู้และหนี้สินอื่นใดบรรดาที่ จ. เป็นหนี้ธนาคาร ท. อยู่แล้วในขณะทำสัญญาและหนี้ต่อไปภายหน้า ต่อมา จ. ทำสัญญากู้เงินธนาคารท.สาขาศรีราชาอีก ซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นตามสัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าวล้วนแต่จ. เป็นหนี้ธนาคาร ท. ทั้งสิ้น เมื่อหนี้ตามสัญญากู้เงินเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง การจำนองดังกล่าวจึงเป็นประกันหนี้ตามสัญญากู้เงินด้วย ธนาคาร ท. จึงชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์ที่ จ. จำนองชำระหนี้ตนทั้งสิ้นก่อนเจ้าหนี้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4306/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้อง: สัญญาครอบคลุมค่าจ้างปรับราคาได้ แม้ระบุเฉพาะงวดแน่นอน
ในคดีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้น ทำการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงจากโจทก์จำเลยและผู้เกี่ยวข้องและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี หากศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีมีเพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยคดีไปได้
จำเลยกับธนาคาร ท. ทำหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำงานที่สามารถปรับราคาค่าจ้างได้โดยระบุให้โอนสิทธิเรียกร้องที่จำเลยมีอยู่กับผู้คัดค้านทั้งหมดหรือประจำงวดที่ 1-10 ให้ธนาคาร ท. และได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบว่าได้ตกลงโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมด ผู้คัดค้านได้รับทราบการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างจำเลยกับธนาคาร ท. แล้ว ดังนี้แม้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องและหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องจะกล่าวถึงเฉพาะเงินค่าจ้างทั้ง 10 งวดตามสัญญาเพราะเป็นยอดเงินค่าจ้างที่แน่นอน ส่วนค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้มิได้ระบุลงไว้เนื่องจากขณะโอนสิทธิเรียกร้องยังไม่ทราบว่าจะมีอยู่หรือไม่เพียงใด สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องที่ระบุถึงสิทธิเรียกร้องทั้งหมดย่อมต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วย
การที่ผู้คัดค้านเคยส่งเงินค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสัญญาจ้างรายนี้มายังเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่ได้แจ้งอายัดครั้งหนึ่งแล้ว ก็มิได้หมายความว่าผู้คัดค้านจะเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติในครั้งต่อไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าการเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติต้องตามความประสงค์ของคู่กรณีที่ให้มีการโอนสิทธิเรียกร้องต่อกันยิ่งกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4306/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้าง: สัญญาครอบคลุมค่าจ้างปรับราคาได้ แม้ไม่ได้ระบุชัดเจน
ในคดีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงจากโจทก์จำเลยและผู้เกี่ยวข้องและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีหากศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีมีเพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยได้แล้วไม่จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยคดีไปได้ จำเลยกับธนาคาร ท. ทำหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำงานที่สามารถปรับราคาค่าจ้างได้โดยระบุให้โอนสิทธิเรียกร้องที่จำเลยมีอยู่กับผู้คัดค้านทั้งหมดหรือประจำงวดที่ 1-10 ให้ธนาคาร ท.และได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบว่าได้ตกลงโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดผู้คัดค้านได้รับทราบการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างจำเลยกับธนาคารท. แล้วดังนี้แม้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องและหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องจะกล่าวถึงเฉพาะเงินค่าจ้างทั้ง10 งวดตามสัญญาเพราะเป็นยอดเงินค่าจ้างที่แน่นอนส่วนค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้มิได้ระบุลงไว้เนื่องจากขณะโอนสิทธิเรียกร้องยังไม่ทราบว่าจะมีอยู่หรือไม่เพียงใดสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องที่ระบุถึงสิทธิเรียกร้องทั้งหมดย่อมต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วย การที่ผู้คัดค้านเคยส่งเงินค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสัญญาจ้างรายนี้มายังเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่ได้แจ้งอายัดครั้งหนึ่งแล้วก็มิได้หมายความว่าผู้คัดค้านจะเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติในครั้งต่อไปไม่ได้เมื่อเห็นว่าการเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติต้องตามความประสงค์ของคู่กรณีที่ให้มีการโอนสิทธิเรียกร้องต่อกันยิ่งกว่า
of 2