พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6098/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่ง: การแสดงความตกลงชัดเจนและผลกระทบต่อสิทธิของผู้รับตราส่งและผู้รับประกันภัย
ผู้ส่งไม่ได้แสดงความตกลงด้วยแจ้งชัดในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งคือจำเลย ข้อจำกัดความรับผิดที่ให้จำเลยรับผิดเพียงหีบห่อละไม่เกิน 100 ปอนด์สเตอร์ลิง จึงไม่มีผลใช้ยันผู้ส่งได้ และไม่อาจใช้ยัน อ.ผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตาม ป.พ.พ.มาตรา 627ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตรงส่งมาอีกทอดหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4871/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาก่อสร้าง: การชำระเงินไม่ตรงตามกำหนด, ยอมรับชำระช้า, และเจตนาเลิกสัญญาโดยความตกลง
โจทก์มิได้ชำระเงินค่างวดตามระยะเวลาที่กำหนดไว้แม้โจทก์ชำระค่างวดล่วงเลยเวลาที่กำหนดจำเลยก็ยอมรับเงินนั้นตลอดมาไม่ได้มีการทักท้วงหรือให้จ่ายเบี้ยปรับตามสัญญาแต่อย่างใดแสดงว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาถือเอากำหนดเวลาการชำระค่างวดเป็นสาระสำคัญดังนั้นแม้โจทก์จะผิดสัญญาในข้อนี้จำเลยก็จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญายังมิได้แต่จะต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา387เสียก่อนการที่จำเลยได้บอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ตามหนังสือแจ้งริบเงินมัดจำและบอกเลิกสัญญานั้นเป็นการแสดงเจตนาเลิกสัญญาแก่โจทก์เมื่อโจทก์มีหนังสือแจ้งจำเลยเพื่อขอให้ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามสัญญาหรือจะเลิกสัญญาแก่โจทก์หากจำเลยไม่ตอบแจ้งมาภายใน10วันจะถือว่าจำเลยประสงค์เลิกสัญญาและจำเลยไม่ตอบไปให้โจทก์ทราบแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาจะเลิกสัญญาอยู่การที่โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยวาเมื่อจำเลยไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามสัญญาต่อไปจำเลยจึงต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งค่าเสียหายตามหนังสือชดใช้ค่าเสียหายคืนสู่สภาพเดิมเอกสารหมายจ.9นั้นถือได้ว่าโจทก์แสดงเจตนาสนองตอบตกลงเลิกสัญญาแก่จำเลยแล้วสัญญาว่าจ้างงานสถาปัตยกรรมห้องชุดและควบคุมงานและสัญญาจะซื้อขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดอาคารชุดระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นอันเลิกกันโดยความตกลงของคู่สัญญาผลของการเลิกสัญญาโดยความตกลงของคู่สัญญาเช่นนี้เมื่อไม่ปรากฏว่าคู่สัญญาได้มีการตกลงกันไว้ประการใดก็ต้องให้คู่สัญญาได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391โดยที่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมจำเลยจึงต้องคืนเงินที่ได้รับไว้พร้อมด้วยดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ15ต่อปีตามสัญญาจะซื้อขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดอาคารชุดนั้นใช้บังคับสำหรับกรณีที่มีการผิดสัญญาและคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิเลิกสัญญาแต่การเลิกสัญญาโดยความตกลงของคู่สัญญาโดยไม่ได้มีการผิดสัญญาและคู่สัญญามิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยประการใดเงินที่ได้ชำระกันตามสัญญาผู้รับเงินจึงต้องคืนเงินนั้นพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5ต่อปีนับแต่เวลาที่ได้รับไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างโดยความตกลงและผลกระทบด้านค่าชดเชย สิทธิการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างวันหยุด
โจทก์จำเลยตกลงเลิกสัญญาจ้างกันตามมติที่ประชุมของพนักงานบริษัทเพราะบริษัทดำเนินกิจการไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรประกอบกับค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายรับ เป็นการเลิกจ้างตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 วรรคสอง บริษัทจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์และจำเลยต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 จำเลยกำหนดจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ทุกวันที่ 28 ของเดือนจำเลยบอกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2529 การเลิกจ้างย่อมมีผลในวันที่ 28 พฤษภาคม 2529 ซึ่งเป็นวันถึงกำหนดจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างในคราวถัดไป จำเลยเลิกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2529 ซึ่งเป็นวันบอกกล่าว จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2529 รวม 57 วัน คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและนัดวันฟังคำพิพากษานั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมีโอกาสเพียงพอที่จะโต้แย้งแต่มิได้โต้แย้งไว้จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ประกอบด้วยมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาต้องโดยความตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ศาลชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งเรียกโฉนดหากวิธีการไม่เหมาะสม
การที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าตกลงแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันตามส่วนนั้น เห็นได้ว่าการแบ่งที่พิพาทจะกระทำได้ก็โดยตกลงกันระหว่างโจทก์จำเลย และที่ศาลชั้นต้นแจ้งผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ก็มิได้มุ่งหมายให้จำเลยมีอำนาจแบ่งโฉนดที่พิพาทฝ่ายเดียวอันเป็นการนอกเหนือคำพิพากษาแต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยได้ดำเนินการขอแบ่งแยกที่พิพาทจนนำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดปักหลักเขต จึงเป็นการกระทำไปตามลำพังโดยโจทก์มิได้ตกลงด้วย และเมื่อการที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งให้โจทก์ส่งโฉนดที่พิพาทต่อศาลเพื่อส่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินตามที่จำเลยขอ ปรากฏภายหลังว่าไม่เหมาะสมโดยวิธีการที่โจทก์แถลงมีเหตุผลในการปฏิบัติตามคำพิพากษายิ่งกว่า ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3373/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดความรับผิดชอบของผู้ขนส่ง: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความตกลงของคู่กรณี
เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า การที่โจทก์จ้างจำเลยให้ส่งของ จำเลยไม่ได้แจ้งเรื่องจำกัดความรับผิดให้โจทก์ทราบ และโจทก์ไม่ได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการจำกัดความรับผิดดังกล่าว จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่าโจทก์ได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งแล้วเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน20,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรม
เหตุเลิกหุ้นส่วนตามมาตรา 1055 นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วนอันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยความตกลงเป็นไปได้ แม้มีเหตุเลิกตามกฎหมาย
เหตุเลิกหุ้นส่วนตามมาตรา 1055 นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วนอันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่เกิดจากความตกลงหลังยืมข้าว การฟ้องบังคับตามสัญญา
ขอยืมข้าวเขาครั้งหนึ่งแล้วถึงกำหนดไม่มีข้าวใช้จึงได้ขอยืมข้าวเขามาอีก แล้วตกลงกันกับเจ้าหนี้ว่า ให้ผู้ยืมใช้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วได้ทำสัญญากู้ยืมขึ้นไว้ 1 ฉบับ ระบุจำนวนเงินที่ตกลงกันนั้นไว้ ดังนี้ เจ้าหนี้ย่อมฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญากู้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาซื้อขายเดิมไม่ลบล้างสัญญาจำนำใหม่ที่ทำโดยความตกลง ย่อมไม่เป็นนิติกรรมอำพราง
เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจกันทำสัญญาซื้อขายนาพิพาท แต่เมื่อไปถึงกำนัน ๆ ว่าทำให้ไม่ได้ ทำได้แต่สัญญาจำนา แล้วโจทก์จำเลยก็เปลี่ยนความตั้งใจทำสัญญาจำนำ ดังนี้ จำเลยจะยกเอาความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาที่โจทก์จำเลยทำโดยความตกลงใหม่นี้ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4280/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิต ต้องด้วยความยินยอมของทุกฝ่าย หรือตกลงร่วมกัน หากไม่มีความตกลง การจ่ายเป็นรายเดือนตามกฎหมายจึงชอบ
พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือสูญหาย ให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนเป็นรายเดือนให้แก่ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิตามมาตรา 20..." และมาตรา 24 บัญญัติว่า "การจ่ายค่าทดแทนตามมาตรา 18 หรือมาตรา 19 นายจ้างและลูกจ้าง หรือผู้มีสิทธิตามมาตรา 20 แล้วแต่กรณี จะตกลงกันจ่ายค่าทดแทนในคราวเดียวเต็มจำนวนหรือเป็นระยะเวลาอย่างอื่นก็ได้" จากบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวมุ่งประสงค์ให้ผู้มีสิทธิตามมาตรา 20 ได้รับค่าทดแทนเป็นรายเดือน เพื่อให้มีเงินช่วยเหลือในการดำรงชีวิตในระยะยาว การจ่ายค่าทดแทนในคราวเดียวเต็มจำนวนหรือเป็นระยะเวลาอย่างอื่นนั้น จะทำได้ต้องเกิดจากการตกลงกันระหว่างนายจ้างหรือสำนักงานประกันสังคมกับลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิตามมาตรา 20 ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 24 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พิจารณาตกลงอนุมัติให้จ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองคราวเดียว แต่กลับปรากฏว่าจำเลยโดยสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 11 และคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีคำวินิจฉัยให้จ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองเป็นรายเดือน ตามมาตรา 18 (4) จึงเท่ากับว่าจำเลยไม่ประสงค์จะตกลงกับโจทก์ทั้งสองในการจ่ายค่าทดแทนในคราวเดียวเต็มจำนวนแก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองจึงไม่สามารถขอให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนในคราวเดียวเต็มจำนวนได้ตามมาตรา 24 ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนคราวเดียวบางส่วนจึงเป็นการไม่ชอบ