คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดส่วนตัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกง vs. จัดหางานผิดกฎหมาย: การยอมความเฉพาะความผิดส่วนตัว
ความผิดฐานฉ้อโกง เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกันแล้วย่อมทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี ด้วย อันเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว และความผิดฐานดังกล่าวซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดมิใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์ หรือยอมความกันก็ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานนี้ ระงับไป คงระงับไปเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์ไม่ถูกต้อง ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ใบรับคำร้องทุกข์ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2535 ไม่ใช่คำร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีนี้ แต่เป็นคำร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยสำหรับเช็คอีกฉบับหนึ่ง จึงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์คดีนี้ต่อพนักงานสอบสวนตามระเบียบแล้ว เมื่อคดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม ป.วิ.อ.มาตรา 121 วรรคสอง การสอบสวนคดีนี้จึงไม่ชอบโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามมาตรา 120 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้มิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4611/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร แม้ซื้อจากนิติบุคคล และรับจากผู้รับของโจรก็ยังมีความผิดส่วนตัวได้
แม้การที่จำเลยที่ 1 ซื้อของกลางไว้ จะเป็นการกระทำในฐานะเป็นผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่ความผิดฐานรับของโจรมิใช่เป็นความผิดเฉพาะตัวนิติบุคคล จำเลยที่รับของโจรมิใช่เป็นเป็นความผิดเฉพาะตัวนิติบุคคลจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดเป็นส่วนตัวด้วย ความผิดฐานรับของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357มิใช่เป็นความผิดเฉพาะกรณีรับทรัพย์ไว้จากคนร้ายซึ่งลักทรัพย์หรือกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งตามมาตรา 357วรรคแรกโดยตรงเท่านั้น การรับทรัพย์ไว้จากผู้กระทำความผิดฐานรับของโจทก์ หากรับไว้โดยรู้อยู่ว่าทรัพย์ที่ถูกลักมาก็เป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัว สิทธิในการฟ้องระงับ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ผู้เสียหายแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลย จำเลยได้ ยกเครื่องถ่าย เอกสารตี ใช้ หนี้ให้ผู้เสียหายเป็นเงิน๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยไม่ชำระเงินที่เหลือและผิดสัญญาประกันชั้นสอบสวน ผู้เสียหายจึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยมาพบพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายกับจำเลยเจรจากันจำเลยได้ ชำระเงินให้ผู้เสียหายเป็นเงิน ๙,๐๐๐ บาท และเจ้าพนักงานตำรวจคุมตัวจำเลยไปพบ ช. เพื่อนของจำเลยโดย มีผู้เสียหายไปด้วย ช. ได้ ออกเช็ค สั่งจ่ายเงินจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทให้แก่ผู้เสียหายแล้วเจ้าพนักงานตำรวจก็ปล่อยตัว จำเลยไปโดยผู้เสียหายไม่คัดค้านและไม่กลับไปแจ้งผลการเจรจาตกลง กับจำเลยให้พนักงานสอบสวนทราบ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงตามที่แจ้งความไว้อีกต่อไป เป็นการยอมความกันในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความในคดีอาญา: สิทธิฟ้องระงับ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้เสียหายแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงเงิน 100,000 บาท เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลย จำเลยได้ ยกเครื่องถ่าย เอกสารตี ใช้ หนี้ให้ผู้เสียหายเป็นเงิน50,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ชำระเงินที่เหลือและผิดสัญญาประกันชั้นสอบสวน ผู้เสียหายจึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยมาพบพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายกับจำเลยเจรจากันจำเลยได้ ชำระเงินให้ผู้เสียหายเป็นเงิน 9,000 บาท และเจ้าพนักงานตำรวจคุมตัวจำเลยไปพบ ช. เพื่อนของจำเลยโดย มีผู้เสียหายไปด้วย ช. ได้ ออกเช็ค สั่งจ่ายเงินจำนวน 40,000 บาทให้แก่ผู้เสียหายแล้วเจ้าพนักงานตำรวจก็ปล่อยตัว จำเลยไปโดยผู้เสียหายไม่คัดค้านและไม่กลับไปแจ้งผลการเจรจาตกลง กับจำเลยให้พนักงานสอบสวนทราบ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงตามที่แจ้งความไว้อีกต่อไป เป็นการยอมความกันในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4056/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องคดีอาญาความผิดส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ขอถอนฟ้อง เมื่อเป็นความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ย่อมถอนฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุด เมื่อศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีความผิดส่วนตัว และผลกระทบต่ออำนาจฟ้องของพนักงานอัยการ
โจทก์ร่วมเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในมูลกรณีเดียวกันกับคดีนี้มาครั้งหนึ่งแล้วแต่ในคดีนั้นโจทก์ร่วมไม่มาตามกำหนดนัด ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ผลแห่งคดีที่โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องจำเลยดังกล่าวนั้น ทำให้โจทก์ร่วมจะฟ้องจำเลยเรื่องเดียวกันอีกไม่ได้ เมื่อเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวย่อมตัดอำนาจฟ้องของพนักงานอัยการตามมาตรา 166 วรรคท้าย สิทธิของพนักงานอัยการที่ยื่นฟ้องจำเลยในมูลกรณีเดียวกันไว้แล้วเป็นอันระงับไปโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าพนักงานอัยการฟ้องก่อนหรือหลังจากที่ศาลยกฟ้องคดีของโจทก์ร่วม เมื่อพนักงานอัยการถูกตัดอำนาจฟ้องย่อมจะดำเนินคดีต่อไปไม่ได้ ต้องยกฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วม
การที่โจทก์ร่วมยื่นคำร้องในคดีที่ตนเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยแล้วศาลพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มาศาล ขอให้ศาลยกคดีของตนขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ แต่ถอนคำร้องเสียเท่ากับไม่มีการยื่นคำร้องจะแปลว่าคำร้องที่โจทก์ยื่นและถอนดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมประสงค์จะถอนคดีที่ตนฟ้องเพื่อเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีอาญา: ใช้กฎหมายที่ใช้ ณ เวลาทำผิด และมาตรา 80 อยู่ในบังคับมาตรา 78
ถ้าอายุความฟ้องคดีอาญาขณะกระทำผิดแตกต่างกับขณะฟ้องต้องใช้อายุความที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดบังคับ
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์ของพนักงาน – อำนาจฟ้อง – ความผิดส่วนตัว vs. ความผิดที่อัยการฟ้องเองได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314, 319 (1) (3), 63 โดยบรรยายฟ้องวา จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนพัสดุประจำแขวงการทางจังหวัดมหาสารคาม จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานช่างปรับซ่อมเครื่องยนต์และอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งจากนายช่างโทกำกับแขวงการทางจังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นพนักงานพัสดุ มีหน้าที่ควบคุมดูแลพัสดุต่าง ๆรวมทั้งหม้อน้ำรถยนต์ 3 ใบ ฯลฯ ดังนี้ เมื่อจำเลยเอาหม้อน้ำรถยนต์ไปขายแล้วยักยอกเงินนั้นเสีย การกระทำของจำเลยเป็นความประมวลกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 319 (1) อันเป็นความผิดส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยที่ 2 อัยการก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ความผิดยักยอกทรัพย์โดยพนักงาน-ลูกจ้าง และการร้องทุกข์ของผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314,319(1)(3),63 โดยบรรยายฟ้องว่า "จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนพัสดุประจำแขวงการทางจังหวัดมหาสารคามจำเลยที่ 2 เป็นพนักงานช่างปรับซ่อมเครื่องยนต์และอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งจากนายช่างโทกำกับแขวงการทางจังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นพนักงานพัสดุ มีหน้าที่ควบคุมดูแลพัสดุต่างๆรวมทั้งหม้อน้ำรถยนต์ 2 ใบ ฯลฯ" ดังนี้ เมื่อจำเลยเอาหม้อน้ำรถยนต์ไปขายแล้วยักยอกเงินนั้นเสีย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 319(1) อันเป็นความผิดส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยที่ 2 อัยการก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
of 3