พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การพิจารณาความสะดวกและเหมาะสมในการรับคดีอาญาที่ความผิดเกิดขึ้นต่างท้องที่
แม้ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 47 และถือได้ว่าจำเลยมีที่อยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดธัญบุรี) ตามที่ ป.วิ.อ. มาตรา 22 (1) บัญญัติไว้ แต่ตามบทบัญญัติดังกล่าวมิได้บังคับให้ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ในเขตอำนาจต้องรับคดีที่โจทก์ฟ้อง หากแต่บัญญัติให้อยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่รับชำระคดีในกรณีเช่นว่านั้นหรือไม่ก็ได้ ประกอบกับความผิดคดีนี้เกิดขึ้นในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดแม่สอด ทั้งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สอดได้ทำการสอบสวนคดีนี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าหากมีการชำระคดีที่ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดธัญบุรี) จะเป็นการสะดวกยิ่งกว่าการชำระคดีที่ศาลจังหวัดแม่สอดซึ่งเป็นศาลท้องที่ที่ความผิดคดีนี้เกิดขึ้นอย่างไร ส่วนที่โจทก์อ้างว่ากรมราชทัณฑ์ไม่อนุญาตให้ย้ายจำเลยไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดแม่สอด เป็นเพียงข้อขัดข้องในทางปฏิบัติเท่านั้น จึงไม่มีเหตุสมควรให้ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดธัญบุรี) รับชำระคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5014/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินต้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกระทำความผิด การใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกไม่ใช่เหตุให้ริบ
การที่ศาลจะมีอำนาจสั่งริบทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) นั้น มุ่งหมายถึงให้ริบตัวทรัพย์สินที่ผู้กระทำความผิดได้ใช้ในการกระทำความผิดนั้น ๆ โดยตรงคือทรัพย์สินนั้นจะต้องเกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดด้วย การที่จำเลยใช้รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม แต่ก็มิได้ความว่าจำเลยได้ใช้รถยนต์กระบะดังกล่าวเป็นเครื่องมือหรือเป็นส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์ อันจะให้ถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้กระทำความผิด แม้การกระทำของจำเลยตามฟ้องจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) วรรคแรก,336 ทวิ ก็ตาม แต่ตามมาตรา 336 ทวิ ก็เป็นเพียงบทบัญญัติให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 335(1) วรรคสอง หนักขึ้นเพราะเหตุที่จำเลยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือพาเอาทรัพย์หรือเพื่อให้จำเลยพ้นจากการจับกุมเท่านั้น รถยนต์กระบะของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยตรง ศาลริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3505/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นและภาระจำยอม: การพิจารณาความสะดวก, ความเสียหาย และแหล่งน้ำทางเลือก
แม้ทางด้านทิศเหนือของที่ดินโจทก์จะเคยมีทางสาธารณะอยู่แต่ได้ขุดเป็นลำเหมืองสำหรับปล่อยน้ำทิ้งมานานประมาณ 20 ปีแล้ว ปัจจุบันมีสภาพตื้นเขิน ไม่มีน้ำตลอดทั้งปี ไม่สามารถใช้เรือสัญจรไปมาได้ ทางดังกล่าวจึงไม่เป็นทางสาธารณะตามของ ป.พ.พ.มาตรา 1349 ส่วนทางที่โจทก์จะสามารถใช้ออกสู่ทางสาธารณะใช้อีกทางหนึ่งคือ คันคลองส่งน้ำด้านทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์ แต่ทางดังกล่าวต้องผ่านที่ดินของผู้อื่นจำนวนหลายแปลงด้วยกัน และมีระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทั้งโจทก์ไม่เคยใช้เป็นเส้นทางเดินออกสู่ทางสาธารณะเป็นปกติมาก่อนเลย เมื่อเปรียบเทียบกับทางพิพาทซึ่งเป็นทางตรงมีระยะทางเพียง 18เมตร ทางพิพาทย่อมสะดวกและมีความเหมาะสมมากกว่า ทั้งทำให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินที่ล้อมอยู่น้อยที่สุด เพราะทางพิพาทผ่านที่ดินของจำเลยเพียงแปลงเดียวจำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์ไปใช้เส้นทางอื่นในที่ดินคนอื่นที่โจทก์ไม่ได้ใช้เป็นปกติมาก่อนเป็นทางเข้าออกไม่ได้ และเมื่อคำนึงถึงอนาคต โจทก์อาจใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเข้าออกทางพิพาท เห็นสมควรกำหนดให้ทางพิพาทมีขนาดความกว้าง 2.50 เมตรซึ่งไม่เกินคำขอของโจทก์ได้
โจทก์อ้างความจำเป็นที่จะต้องนำน้ำจากคลองชลประทานเข้าไปใช้ในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยโดยวางท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของจำเลย พร้อมทั้งเสนอให้ค่าทดแทนเป็นรายปี แต่เมื่อปรากฏว่าทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์มีคลองส่งน้ำ และทางด้านทิศเหนือก็มีลำเหมืองสาธารณะอยู่และคลองส่งน้ำนั้นมีน้ำบริบูรณ์ ส่วนลำเหมืองสาธารณะนั้น แม้จะมีสภาพตื้นเขินอยู่บ้างแต่ยังก็มีน้ำมากพอสมควร ประกอบกับจะมีน้ำที่ปล่อยจากบ่อเลี้ยงกุ้งของผู้อื่นหลายรายลงมาในลำเหมืองอยู่เสมอ ๆ โจทก์จึงสามารถใช้น้ำจากแหล่งน้ำทั้งสองแห่งนี้ได้อย่างเพียงพอแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้จำเลยจำต้องยอมรับภาระจำยอมในอันที่จะให้โจทก์วางท่อระบายน้ำและตั้งเครื่องสูบน้ำบนที่ดินของจำเลยอีก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็น และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายที่มาตักดินบริเวณที่จอดรถยนต์ที่โจทก์ทำไว้เป็นเงิน 15,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็น ส่วนคำขอในเรื่องค่าเสียหายให้ยก ดังนี้ เมื่อค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาในชั้นอุทธรณ์ เป็นค่าเสียหายในมูลละเมิด และมิใช่เป็นคำขอต่อเนื่องในเรื่องเดียวกันกับเรื่องทางจำเป็น จึงเป็นคนละมูลกรณีกัน สิทธิในการอุทธรณ์ของโจทก์ย่อมต้องแยกพิจารณา เมื่อคดีในส่วนค่าเสียหายมีทุนทรัพย์ไม่เกิน50,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา224 วรรคหนึ่ง
โจทก์อ้างความจำเป็นที่จะต้องนำน้ำจากคลองชลประทานเข้าไปใช้ในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยโดยวางท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของจำเลย พร้อมทั้งเสนอให้ค่าทดแทนเป็นรายปี แต่เมื่อปรากฏว่าทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์มีคลองส่งน้ำ และทางด้านทิศเหนือก็มีลำเหมืองสาธารณะอยู่และคลองส่งน้ำนั้นมีน้ำบริบูรณ์ ส่วนลำเหมืองสาธารณะนั้น แม้จะมีสภาพตื้นเขินอยู่บ้างแต่ยังก็มีน้ำมากพอสมควร ประกอบกับจะมีน้ำที่ปล่อยจากบ่อเลี้ยงกุ้งของผู้อื่นหลายรายลงมาในลำเหมืองอยู่เสมอ ๆ โจทก์จึงสามารถใช้น้ำจากแหล่งน้ำทั้งสองแห่งนี้ได้อย่างเพียงพอแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้จำเลยจำต้องยอมรับภาระจำยอมในอันที่จะให้โจทก์วางท่อระบายน้ำและตั้งเครื่องสูบน้ำบนที่ดินของจำเลยอีก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็น และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายที่มาตักดินบริเวณที่จอดรถยนต์ที่โจทก์ทำไว้เป็นเงิน 15,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็น ส่วนคำขอในเรื่องค่าเสียหายให้ยก ดังนี้ เมื่อค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาในชั้นอุทธรณ์ เป็นค่าเสียหายในมูลละเมิด และมิใช่เป็นคำขอต่อเนื่องในเรื่องเดียวกันกับเรื่องทางจำเป็น จึงเป็นคนละมูลกรณีกัน สิทธิในการอุทธรณ์ของโจทก์ย่อมต้องแยกพิจารณา เมื่อคดีในส่วนค่าเสียหายมีทุนทรัพย์ไม่เกิน50,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา224 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7599/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ดุลพินิจการรับชำระคดีเมื่อจำเลยถูกจำคุก และความสะดวกในการดำเนินคดี
ป.วิ.อ.มาตรา 22 (1) มิได้บัญญัติบังคับให้ศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นศาลท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ในเขตอำนาจต้องรับชำระคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลย กฎหมายดังกล่าวเพียงแต่บัญญัติให้เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่จะรับชำระคดีหรือไม่ก็ได้
แม้เรือนจำกลางจังหวัดลำปางจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 47 เพราะจำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม เมื่อความผิดคดีนี้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดเชียงใหม่และอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า หากมีการชำระคดีที่ศาลจังหวัดลำปางจะมีความสะดวกมากกว่าการชำระคดีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศาลท้องที่ความผิดเกิดขึ้นอย่างไร จึงไม่สมควรให้ศาลจังหวัดลำปางรับชำระคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้
แม้เรือนจำกลางจังหวัดลำปางจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 47 เพราะจำเลยถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม เมื่อความผิดคดีนี้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดเชียงใหม่และอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า หากมีการชำระคดีที่ศาลจังหวัดลำปางจะมีความสะดวกมากกว่าการชำระคดีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศาลท้องที่ความผิดเกิดขึ้นอย่างไร จึงไม่สมควรให้ศาลจังหวัดลำปางรับชำระคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประกันสังคมยังคงมีอยู่แม้ไม่มีบัตรรับรองสิทธิ การออกบัตรเป็นเพียงการรับรองความสะดวกในการรับบริการ
ตามระเบียบสำนักงานประกันสังคมว่าด้วย การออกบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 พ.ศ.2535ข้อ 7 กำหนดให้จำเลยเป็นผู้ออกบัตรรับรองสิทธิกำหนดสถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนมีสิทธิไปรับบริการทางการแพทย์ให้ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบจนก่อให้เกิดสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทน โดยให้ผู้ประกันตนหรือนายจ้างแล้วแต่กรณีเป็นผู้เลือกสถานพยาบาลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในระเบียบดังกล่าว ส่วนข้อ 8 กำหนดให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์ทำการเลือกสถานพยาบาล เห็นได้ว่าระเบียบสำนักงานประกันสังคมดังกล่าวจำเลยจะออกบัตรรับรองสิทธิกำหนดสถานพยาบาลให้ผู้ประกันตนเฉพาะผู้ที่จ่ายเงินสมทบครบตามเงื่อนเวลาจนก่อให้เกิดสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 แล้วเท่านั้น แม้ผู้ประกันตนดังกล่าวยังไม่ได้บัตรรับรองสิทธิจากจำเลย แต่สิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้นั้นมีอยู่แล้วตามกฎหมายดังนั้นการออกบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลตามระเบียบสำนักงานประกันสังคมดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นเพียงเพื่อรับรองสิทธิของผู้ประกันตนเกี่ยวกับความสะดวกในการไปรับบริการทางการแพทย์ ณ สถานบริการที่ปรากฏชื่อในบัตรนั้น
แม้การที่จำเลยออกบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลให้โจทก์หลังจากโจทก์ประสบอุบัติเหตุจะมิใช่เป็นความบกพร่องของจำเลยก็ตาม แต่จำเลยจะอ้างเหตุว่าขณะที่โจทก์ได้รับอุบัติเหตุโจทก์ไม่มีบัตรรับรองสิทธิตามระเบียบของจำเลยมาเป็นการตัดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนของโจทก์ที่มีอยู่แล้วตามกฎหมายหาได้ไม่
แม้การที่จำเลยออกบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลให้โจทก์หลังจากโจทก์ประสบอุบัติเหตุจะมิใช่เป็นความบกพร่องของจำเลยก็ตาม แต่จำเลยจะอ้างเหตุว่าขณะที่โจทก์ได้รับอุบัติเหตุโจทก์ไม่มีบัตรรับรองสิทธิตามระเบียบของจำเลยมาเป็นการตัดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนของโจทก์ที่มีอยู่แล้วตามกฎหมายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9781/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิดฐานพยายามฆ่า: การให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิดและการประเมินประสิทธิภาพอาวุธ
จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์ มีพวกของจำเลยซ้อนท้ายมายังบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วรอรับพาพวกของจำเลยหลบหนี โดยจำเลยจอดรถรอห่างประมาณ 7 ถึง 8 วา แม้แต่เมื่อผู้เสียหายที่ 1 กอดปล้ำกับพวกของจำเลย จำเลยก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไร อีกทั้งวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายทั้งสามมาก่อน พยานโจทก์เพียงเท่านี้จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยร่วมยิงกับพวกของจำเลยฟังได้เพียงว่าจำเลยให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลยมากระทำความผิดจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มชาวบ้าน ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งสามรวมอยู่ด้วย โดยยิงในระยะใกล้ แต่กระสุนปืนที่ถูกที่หน้าอกผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 3 ลูก ได้รับบาดเจ็บเพียงเป็นบาดแผล 0.4 เซนติเมตรผู้เสียหายที่ 2 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก และผู้เสียหายที่ 3 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก แพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายทั้งสามให้การในชั้นสอบสวนว่าผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด แต่เนื่องจากกระสุนปืนกระจายออก และไม่ถูกอวัยวะสำคัญโดยกระสุนปืนไปฝังอยู่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาในทันทีก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิตได้ การที่ยิงในระยะใกล้แต่กระสุนปืนฝังแค่ชั้นกล้ามเนื้อแสดงว่าอาวุธปืนที่พวกของจำเลยยิงไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ อันถือได้ว่าการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นของพวกของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ ตาม ป.อ.มาตรา 81 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง มาตรา 86
การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มชาวบ้าน ซึ่งมีผู้เสียหายทั้งสามรวมอยู่ด้วย โดยยิงในระยะใกล้ แต่กระสุนปืนที่ถูกที่หน้าอกผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 3 ลูก ได้รับบาดเจ็บเพียงเป็นบาดแผล 0.4 เซนติเมตรผู้เสียหายที่ 2 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก และผู้เสียหายที่ 3 ถูกกระสุนปืนที่ต้นขาซ้าย 1 ลูก แพทย์ผู้รักษาผู้เสียหายทั้งสามให้การในชั้นสอบสวนว่าผู้เสียหายที่ 1 ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด แต่เนื่องจากกระสุนปืนกระจายออก และไม่ถูกอวัยวะสำคัญโดยกระสุนปืนไปฝังอยู่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาในทันทีก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิตได้ การที่ยิงในระยะใกล้แต่กระสุนปืนฝังแค่ชั้นกล้ามเนื้อแสดงว่าอาวุธปืนที่พวกของจำเลยยิงไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ อันถือได้ว่าการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นของพวกของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ ตาม ป.อ.มาตรา 81 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 วรรคหนึ่ง มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4622/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: สิทธิเกิดเมื่อที่ดินถูกล้อม ไม่ผูกพันต้องใช้ทางออกใหม่ที่ด้อยกว่า
ทางจำเป็นเป็นการได้สิทธิมาโดยอำนาจแห่งกฎหมายตั้งแต่เป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกล้อม ไม่ใช่ต่อมาเมื่อมีทางออกอื่นได้อีกแล้วจะต้องไปใช้ทางใหม่สู่ทางสาธารณะที่ไกลกว่า สะดวกน้อยกว่า และทำความเสียหายให้แก่ที่ดินที่ล้อมอยู่มากกว่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอทางจำเป็นต้องมีเหตุจำเป็นจริง ไม่ใช่เพียงเพื่อความสะดวก
ที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมรอบแต่มีทางที่โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะได้ 3 ทาง ทางแรกยาว 115 เมตรทางที่สองยาว 140.30 เมตร ทางที่สามยาว 115.50 เมตร โดยอาศัยผ่านที่ดินของผู้อื่น หากโจทก์จะทำทางผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะจะยาว84 เมตร ก็ใกล้กว่าทางอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โจทก์จะถือเหตุเพียงเพื่อความสะดวกของโจทก์เท่านั้นหาได้ไม่ เมื่อโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านที่ดินของจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอทำทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอม: การจดทะเบียนภาระจำยอมใหม่ไม่กระทบสิทธิภาระจำยอมเดิม ตราบเท่าที่ไม่ลดทอนหรือทำให้เสื่อมความสะดวก
ที่ดินโฉนดเลขที่ 1915 และ 23121 ทั้ง 2 แปลง และที่ดินอีก 6 แปลงตามโฉนดเลขที่ 23115 ถึง 23120 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียว จำเลยชอบที่จะจดทะเบีบนภาระจำยอมในที่ดินทั้ง 2 แปลง ให้แก่ที่ดินของจำเลยอีก 6 แปลงได้ ทั้งการจดทะเบียนภาระจำยอมของจำเลยดังกล่าวก็มิใช่เป็นการจำหน่ายหรือทำให้ภาระจำยอมของโจทก์ตกไปในบังคับแห่งสิทธิอื่นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมของโจทก์ต้องลดลงไปหรือเสื่อมความสะดวกแก่การใช้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การย้ายทางภารจำยอม: ศาลพิจารณาความสะดวก, ประโยชน์เจ้าของที่ดิน, และเจตนารมณ์ประมวลกฎหมายแพ่งฯ
ทางภารจำยอมเดิมเป็นที่ต่ำยามฝนตกน้ำท่วมขังต้องใช้ไม้พาดเป็นทางเดินส่วนทางที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์สร้างขึ้นใหม่เป็นคอนกรีตเดินได้ทุกฤดูกาลสะดวกกว่าทางภารจำยอมเดิมแม้จะคดโค้งหักงอเป็นข้อศอกแต่ก็ไม่ทำให้ระยะทางเพิ่มขึ้นมากนักเมื่อพิจารณาถึงความสะดวกของเส้นทางดังกล่าวซึ่งมีมากกว่าทางภารจำยอมเดิมประกอบกับประโยชน์ที่เจ้าของภารยทรัพย์ได้รับจากการปลูกสร้างบ้านในบริเวณที่เหมาะสมภายในที่ดินของตนโดยไม่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไว้ให้เสียหายรวมตลอดถึงเจตนารมณ์ของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1392ที่ต้องการให้เป็นหลักประนีประนอมอันดีระหว่างประโยชน์ของเจ้าของภารยทรัพย์และความสะดวกของเจ้าของสามยทรัพย์ไม่ให้ถือเคร่งตามสิทธิเกินไปการย้ายทางภารจำยอมไปยังทางที่สร้างขึ้นใหม่จึงไม่ทำให้ความสะดวกของจำเลยลดน้อยลงโจทก์จึงเรียกให้ย้ายทางภารจำยอมดังกล่าวได้