พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7057/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างด้วยเหตุผลความไม่ไว้วางใจจากการอนุมัติสินเชื่อที่ไม่ชอบธรรม และสิทธิในการได้รับหนังสือรับรองการทำงาน
การที่โจทก์อนุมัติสินเชื่อให้แก่นางสาว ร. แล้วโอนเงินมาชำระหนี้ส่วนตัวให้โจทก์ แล้วต่อมาหนี้รายของ นางสาว ร. กลายเป็นหนี้เสียนั้น เป็นพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยมีเหตุอันควรไม่ไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควร มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49
เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นผลทำให้สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลง โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างชอบที่จะได้รับใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไรและงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไรจากนายจ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 585 แต่นายจ้างไม่จำต้องระบุข้อความว่าลูกจ้างมิได้กระทำผิดไว้ในหนังสือสำคัญแสดงการทำงาน
เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นผลทำให้สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลง โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างชอบที่จะได้รับใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไรและงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไรจากนายจ้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 585 แต่นายจ้างไม่จำต้องระบุข้อความว่าลูกจ้างมิได้กระทำผิดไว้ในหนังสือสำคัญแสดงการทำงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8717/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: เหตุผลความไว้วางใจในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเหตุสมควรในการเลิกจ้าง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 ซึ่งหมายถึงการที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดหรือ ลูกจ้างกระทำความผิดแต่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อย ยังไม่สมควรที่จะเลิกจ้างหรือไม่มีเหตุอันสมควรอื่นใดที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างได้ ประเด็นแห่งคดีเรื่องนี้ ศาลต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ว่า กรณีมีเหตุสมควรที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างโจทก์จะเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างได้หรือไม่ ศาลแรงงานกลางได้พิเคราะห์พยาน หลักฐานต่าง ๆ ทั้งพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ฝ่าฝืนระเบียบว่าด้วยการนำรถเข้าไปในบริเวณอู่นำอะไหล่เก่าขึ้นรถบรรทุกก่อนผ่านการตรวจสอบอนุมัติ การกระทำของโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยขาดความไว้วางใจในความซื่อสัตย์สุจริต กรณีมีเหตุผลอันสมควรที่จำเลยจะ เลิกจ้างโจทก์ได้ มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จึงเป็นการวินิจฉัยตามประเด็นแห่งคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้จัดการมรดก: คำพิพากษาถึงที่สุด, ความไว้วางใจจากทายาท, และผลประโยชน์ทัดทาน
ผู้จัดการมรดกต้องจัดการโดยตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1723 โจทก์ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก จึงไม่อาจจัดการมรดกได้โดยตนเอง ทั้งเหตุที่ต้องโทษจำคุกก็เนื่องมาจากการเบียดบังทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนในฐานะผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์ถือได้ว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ที่ห้ามผู้ที่ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้วทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์กับกองทรัพย์มรดกที่ตนเองเป็นผู้จัดการมรดกมิใช่หมายความว่า กฎหมายเปิดโอกาสให้ตั้งผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกเป็นผู้จัดการมรดกได้
ผู้ร้องสอดที่ 1 อ้างว่ารู้ถึงทรัพย์มรดกทั้งหมดมากยิ่งกว่าทายาทคนอื่น ๆก็ไม่มีใครเบิกความสนับสนุน และผู้ร้องสอดที่ 2 คัดค้าน การที่ผู้ร้องสอดที่ 1ขอเป็นผู้จัดการมรดก นอกจากนี้ผู้ร้องสอดที่ 1 ถูกดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเรื่องยักยอกทรัพย์มรดก แม้ศาลพิพากษายกฟ้องก็ตาม แต่ผู้ร้องสอดที่ 1ไม่ได้รับความไว้วางใจจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ต่าง ๆตามปกติและเหตุอันควรในปัจจุบันแล้ว ผู้ร้องสอดที่ 1 ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ที่ห้ามผู้ที่ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้วทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์กับกองทรัพย์มรดกที่ตนเองเป็นผู้จัดการมรดกมิใช่หมายความว่า กฎหมายเปิดโอกาสให้ตั้งผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกเป็นผู้จัดการมรดกได้
ผู้ร้องสอดที่ 1 อ้างว่ารู้ถึงทรัพย์มรดกทั้งหมดมากยิ่งกว่าทายาทคนอื่น ๆก็ไม่มีใครเบิกความสนับสนุน และผู้ร้องสอดที่ 2 คัดค้าน การที่ผู้ร้องสอดที่ 1ขอเป็นผู้จัดการมรดก นอกจากนี้ผู้ร้องสอดที่ 1 ถูกดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเรื่องยักยอกทรัพย์มรดก แม้ศาลพิพากษายกฟ้องก็ตาม แต่ผู้ร้องสอดที่ 1ไม่ได้รับความไว้วางใจจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ต่าง ๆตามปกติและเหตุอันควรในปัจจุบันแล้ว ผู้ร้องสอดที่ 1 ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์โดยอาศัยความไว้วางใจจากนายจ้าง แม้จะบรรเทาผลร้าย แต่เจตนาไม่จริงใจ ศาลฎีกายืนโทษ
จำเลยกระทำความผิดฐานยักยอก แม้จะเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรงนักและเป็นความผิดอันยอมความได้ แต่ได้กระทำโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยได้รับมอบหมายหน้าที่และความไว้วางใจจากผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยให้เป็นผู้เก็บเงินจากลูกค้า อันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง หลังจากที่จำเลยกระทำผิดและถูกจับมาดำเนินคดี จนศาลพิพากษาลงโทษ จำเลยก็หาได้บรรเทาผลร้ายให้แก่ผู้เสียหายไม่ การที่จำเลยนำเงิน 9,360 บาทไปวางไว้ที่สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ ก็เป็นการกระทำหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำเลยแล้ว การวางทรัพย์ของจำเลยจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะได้รับการรอการลงโทษจากศาลฎีกาเท่านั้นหาใช่มีเจตนาแท้จริงที่จะบรรเทาผลร้ายให้แก่ผู้เสียหายไม่ อีกทั้งผู้เสียหายก็ยังติดใจดำเนินคดีต่อจำเลยอยู่ กรณีจึงยังไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างในการปฏิบัติงาน แม้ลูกจ้างออกนอกเส้นทาง
จำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยร่วมมอบหมายงานให้จำเลยที่ 1 เป็นรายวันโดยจำเลยที่ 1 มารับกุญแจรถยนต์และรับคำสั่งจากจำเลยที่ 2 เมื่อทำงานเสร็จแล้วนำกุญแจมาคืนแสดงว่าการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 แต่ละวันจะสิ้นสุดเมื่อนำรถยนต์มาเก็บที่ห้างจำเลยร่วม และมอบกุญแจให้จำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 มอบให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ไปบรรทุกแกลบ การที่จำเลยที่ 1 ขับรถออกไปในวันเกิดเหตุเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วม การที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 1โดยลำพังขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยร่วมไปปฏิบัติงานแต่ละวันแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วมไว้วางใจการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ออกนอกเส้นทางไปดูการเกณฑ์ทหารแล้วรับชาวบ้านและโจทก์ขึ้นรถคันเกิดเหตุโดยไม่ได้ขออนุญาตจำเลยที่ 2 โดยขับไปตามถนนเลียบแม่น้ำซึ่งสามารถไปห้างจำเลยร่วมได้การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่ายังอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: เหตุผลความน่าไว้วางใจ vs. การกระทำทุจริตโดยตรง และสิทธิค่าชดเชย/บำเหน็จ
จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจส่อไปในทางทุจริตโดย หวัง ผลประโยชน์อันได้ ชื่อ ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรง มิใช่เลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำการทุจริตโดยตรง ดังนี้จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบถึง การกระทำทุจริตโดยตรงของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หาเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ไม่ ส่วนข้อกล่าวหาของจำเลยที่ว่าโจทก์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีสิทธิได้ รับค่าชดเชยตาม ข้อบังคับหรือไม่นั้นย่อมอยู่ในดุลพินิจ ของศาลที่จะวินิจฉัยให้ตาม รูปคดี ดังนี้เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ แต่ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ กระทำผิดประการใด จำเลยจึงต้อง จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5213/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้าง: เหตุผลความไม่ไว้วางใจและผลกระทบจากการนัดหยุดงาน ศาลไม่อุทธรณ์การรับฟังพยานหลักฐาน
คำวินิจฉัยของศาลแรรงานกลางที่ว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือเป็นผู้ข่มขู่พนักงานที่ไม่ได้ร่วมนัดหยุดงานนั้น หมายความว่าไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะไม่ไว้วางใจผู้คัดค้าน ทั้งไม่เชื่อว่าผู้คัดค้านจะไม่สามารถทำงานร่วมกับลูกจ้างอื่น เป็นคำวินิจฉัยที่ตรงตามประเด็นแห่งคดีซึ่งกำหนดไว้ว่า มีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านหรือไม่แล้ว
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้วดังกล่าว และการที่ผู้คัดค้านเข้าร่วมกับพวกนัดหยุดงานก็เป็นการนัดหยุดงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าคดีมีประเด็นที่จะต้องพิเคราะห์เหตุแห่งการเลิกจ้างว่ามีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้หรือไม่ ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่จำต้องถึงขนาดที่ผู้ร้องสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาด ไทย ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 นั้น เป็นการอุทธรณ์โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานถึงเหตุและพฤติการณ์เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน อันเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 94
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้วดังกล่าว และการที่ผู้คัดค้านเข้าร่วมกับพวกนัดหยุดงานก็เป็นการนัดหยุดงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าคดีมีประเด็นที่จะต้องพิเคราะห์เหตุแห่งการเลิกจ้างว่ามีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้หรือไม่ ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่จำต้องถึงขนาดที่ผู้ร้องสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาด ไทย ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 นั้น เป็นการอุทธรณ์โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานถึงเหตุและพฤติการณ์เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน อันเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นฟ้องร้องอาญา ย่อมเป็นเหตุให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีผู้เป็นหุ้นส่วนสองคน คือโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ยักยอกทรัพย์ ของห้างหุ้นส่วน และจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน จนโจทก์และจำเลยที่ 2 ต่างถูกพนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาในความผิดที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน จึง เป็นกรณีที่มีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำรง คงอยู่ต่อไปได้ ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีส่วนได้เสียในการเป็นผู้จัดการมรดก: การจัดการทรัพย์สินโดยได้รับความไว้วางใจไม่ถือเป็นส่วนได้เสีย
การที่ผู้ตายเคยระบุให้ผู้ร้องเป็นผู้ได้รับประโยชน์มีสิทธิรับเอาเงินประกันชีวิต และได้รับความไว้วางใจจากผู้ตายให้จัดการทรัพย์สิน เช่น ฝากเงินในธนาคารชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินและอื่น ๆ นั้น เป็นการใช้ให้กระทำในฐานะญาติหรือตัวแทน ถือไม่ได้ว่ามีส่วนได้เสียในกองมรดก ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713
กรณีศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องซึ่งเป็นการวินิจฉัยประเด็นในคดีตามคำร้องแล้วต้องถือว่าเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีหาใช่เป็นคำสั่งไม่รับคำฟ้องหรือคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 ไม่จึงไม่มีเหตุผลที่ศาลจะต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลให้ผู้ร้อง
กรณีศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องซึ่งเป็นการวินิจฉัยประเด็นในคดีตามคำร้องแล้วต้องถือว่าเป็นคำสั่งชี้ขาดคดีหาใช่เป็นคำสั่งไม่รับคำฟ้องหรือคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 ไม่จึงไม่มีเหตุผลที่ศาลจะต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง แม้ลูกจ้างนอกเหนือจากหน้าที่ แต่ยังอยู่ในขอบเขตความไว้วางใจ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปเดินสายไฟฟ้าในวัดแห่งหนึ่ง จำเลยที่ 1 เดินสายไฟฟ้าเสร็จแล้วไม่กลับทันที ได้ขับรถออกนอกเส้นทางไปดื่มสุรากับเพื่อนจนเมา แล้วจึงขับรถกลับระหว่างทางขับรถประมาทชนร้านค้าของ บ. ทำให้เครื่องเล่นตู้เพลงของโจทก์เสียหายด้วย ดังนี้ ยังถือได้ว่า เป็นการปฏิบัติที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้น