พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7695/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคัดค้านการเลือกตั้งท้องถิ่น และผลของการแจ้งคำสั่งศาล
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา57 และ 58 ต่างบัญญัติอยู่ในหมวดเดียวกันว่าด้วยการคัดค้านการเลือกตั้ง มาตรา 57เป็นเรื่องตัวบุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งและระยะเวลาการคัดค้าน ส่วนมาตรา 58 เป็นเรื่องการดำเนินการพิจารณาและการมีคำสั่งของศาลซึ่งอาจทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครของจำเลยที่ 1 และประกาศเรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล-นครของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าว ก็เพื่อจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 58 นั่นเอง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับคำฟ้องและมีคำสั่งตามมาตรา 58 แล้วดังนั้น ไม่ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอย่างไรก็ตาม หากศาลได้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลผู้ประกาศให้มีการเลือกตั้งแล้ว คำสั่งที่แจ้งไปนั้นย่อมเป็นที่สุด คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์โดยเห็นว่าไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 58 จึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครของจำเลยที่ 1 และประกาศเรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล-นครของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าว ก็เพื่อจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 58 นั่นเอง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับคำฟ้องและมีคำสั่งตามมาตรา 58 แล้วดังนั้น ไม่ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอย่างไรก็ตาม หากศาลได้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลผู้ประกาศให้มีการเลือกตั้งแล้ว คำสั่งที่แจ้งไปนั้นย่อมเป็นที่สุด คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์โดยเห็นว่าไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 58 จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7695/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการเลือกตั้งใหม่และการสิ้นสุดของกระบวนการคัดค้านตามกฎหมายเลือกตั้งเทศบาล
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 57และมาตรา 58 ต่างบัญญัติอยู่ในหมวดเดียวกันว่าด้วยการคัดค้านการเลือกตั้งมาตรา 57 เป็นเรื่องตัวบุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งและระยะเวลาการคัดค้าน ส่วนมาตรา 58 เป็นเรื่องการดำเนินการพิจารณาและการมีคำสั่งของศาลซึ่งอาจทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเข้ามาก็เพื่อจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 58 การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับคำฟ้องและมีคำสั่งตามมาตรา 58 แล้ว ซึ่งไม่ว่าจะสั่งอย่างไรก็ตามหากได้แจ้งคำสั่งไปยังเทศบาลผู้ประกาศให้มีการเลือกตั้งแล้ว คำสั่งที่แจ้งไปนั้นย่อมเป็นที่สุดทุกกรณีคู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน ขาดหลักฐานสนับสนุน และอาศัยข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ ศาลยกคำร้อง
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้นคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ข้อ 20 บัญญัติไว้ว่า เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลงแล้วให้คณะกรรมการ ตรวจคะแนนเก็บบัตรเลือกตั้งที่ใช้นับคะแนนแล้วรายการแสดงผล ของการนับคะแนนหนึ่งฉบับประกาศผลของการนับคะแนนหนึ่งฉบับ และแบบกรอกคะแนนที่ใช้กรอกคะแนนแล้วบรรจุในหีบบัตรเลือกตั้ง แล้วปิดหีบบัตรเลือกตั้งใส่กุญแจประจำครั่งทับรูกุญแจไว้ และให้เอากระดาษปิดทับช่องใส่บัตรเลือกตั้ง โดยมีลายมือชื่อ คณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนกระดาษนั้นด้วย และข้อ 21 บัญญัติว่า ให้ประธานกรรมการตรวจคะแนนอ่านประกาศผลของการ นับคะแนนแก่ประชาชนซึ่งอยู่ ณ ที่นั้น แล้วปิดประกาศนั้นไว้ ณ ที่เลือกตั้งหนึ่งฉบับ แสดงให้เห็นว่า ณ ที่เลือกตั้งทั้ง 93 หน่วย แต่ละหน่วยย่อมจะต้องปิดประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส. 5) ณ ที่เลือกตั้งว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดสังกัด พรรคใดได้คะแนนเท่าใดปรากฏชัดแจ้ง ณ ที่เลือกตั้งนั้นแล้ว แต่ตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองกลับร้อง คัดค้านการเลือกตั้งโดยอาศัยคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และ ผู้ร้องที่ 2 ตามเอกสารซึ่งเป็น แบบรายงานการนับคะแนนไม่ เป็นทางการเป็นมูลเหตุในการคัดค้านการเลือกตั้ง ย่อมเป็นที่ เห็นได้ว่าผลรวมคะแนนตามแบบรายงานการนับคะแนนไม่เป็นทางการดังกล่าวมีความหมายอยู่ในตัวว่าผลของการรวมคะแนนนั้นอาจมี ข้อผิดพลาดได้ ส่วนการที่ต้องรายงานไม่เป็นทางการก่อนก็ เพียงการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสาร รวดเร็วเท่านั้น ดังนั้น การที่ผู้ร้องทั้งสองร้องคัดค้าน การเลือกตั้งโดยอาศัยแบบรายงานการนับคะแนนไม่เป็นทางการ จึงไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานทางราชการได้มาเป็นมูลเหตุของการ คัดค้านโดยไม่ปรากฏว่ารายงานแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4) และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) อันเป็นคะแนนที่เป็น ทางการและปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้งว่าคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 มีอยู่อย่างไร ถูกต้องตรงกับจำนวนคะแนน ตามเอกสารหรือไม่ ถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองอ้างอิงคะแนนที่ ไม่แน่นอนและไม่ชัดแจ้งมาเป็นมูลเหตุแห่งการคัดค้านการ เลือกตั้ง และที่ผู้ร้องทั้งสองกล่าวมาในคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งว่าผู้คัดค้านที่ 1 และนายอำเภอจตุรพักตรพิมาน กับพวกร่วมกันไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และขัดขวางมิให้การเป็นไป ตามกฎหมายด้วยการทำลายครั่งทับรูกุญแจเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง 14 หีบ เพื่อแก้ไขและเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงรายงานแสดงผลของ การนับคะแนนที่บรรจุในหีบบัตรเลือกตั้งจำนวน 14 หีบ ดังกล่าว นั้น ผู้ร้องทั้งสองก็ควรที่จะได้กล่าวโดยละเอียดว่าเดิม ผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) ที่บรรจุในหีบบัตรเลือกตั้ง แต่ละหีบคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 มีจำนวน เท่าใด เมื่อมีการเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแล้วเป็นผลให้จำนวน คะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 เพิ่มขึ้นคนละ เท่าใดอันเป็นสาระสำคัญที่จะทำให้ผู้คัดค้านที่ 1 เข้าใจ ข้อหาได้ดี แต่ก็มิได้กล่าวไว้ คำร้องของผู้ร้องทั้งสอง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6609/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง จึงจะรับพิจารณาได้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา79 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ให้นำ ป.วิ.พ.มาใช้บังคับโดยอนุโลม ฉะนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 2 ว่าเป็นไปโดยมิชอบโดยอ้างเหตุเป็น 2 ตอน โดยในตอนที่สองได้บรรยายคำร้องว่า นอกจากจะมีการทุจริตในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 แล้ว หน่วยเลือกตั้งอื่นอาจจะมีการกระทำทุจริต กล่าวคือ อำเภอ ก.หน่วยเลือกตั้งที่ 1 มีผู้ใช้สิทธิคนเดียวหลายครั้งเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขอื่น และกรรมการนับคะแนนโดยไม่ขานคะแนนของผู้ร้อง หน่วยเลือกตั้งที่ 5 กรรมการนับคะแนนโดยไม่ขานคะแนนของผู้ร้อง และทำบัตรดีให้เป็นบัตรเสียโดยมีการกา 2 ครั้งในช่องเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขานว่าเป็นบัตรเสีย ซึ่งลักษณะการกระทำผิดในหน่วยเลือกตั้งอื่นของอำเภอ ก. อำเภอ บ. และอำเภอ ด.นั้น ผู้ร้องเข้าใจว่าอาจเป็นการกระทำทุจริตโดยเจ้าหน้าที่อาจปล่อยให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งหลายครั้ง ทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลง ดังนี้ คำร้องของผู้ร้องในตอนที่สองที่เกี่ยวกับหน่วยเลือกตั้งอื่นดังกล่าวนี้ ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้ง แต่เป็นความเข้าใจเอาเองของผู้ร้องทั้งผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นว่าบัตรเลือกตั้งที่ใช้เวียนลงคะแนนก็ดี บัตรที่ขานคะแนนของผู้ร้องเป็นของผู้สมัครคนอื่นก็ดี บัตรที่ไม่ขานคะแนนให้ผู้ร้องโดยอ้างว่าเป็นบัตรเสียก็ดีนั้นมีจำนวนเท่าใด การใช้คนเวียนลงคะแนนให้ผู้สมัครคนอื่นและขานคะแนนของผู้ร้องเป็นของผู้สมัครคนอื่นนั้นเป็นผู้สมัครคนใดบ้าง และมีผลทำให้คะแนนของผู้สมัครคนใดเพิ่มขึ้นหรือลดลงจำนวนเท่าใด คำร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุในตอนที่สองนี้เป็นคำร้องที่มิได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ทางอำเภอกำแพงแสนจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่ามีจำนวน 875 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียง 775 คน และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียง 437 คน แต่จากรายงานผลการนับคะแนนว่า ผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับคะแนน 752 คะแนน เกินกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าเปิดหีบเลือกตั้งมานับใหม่แล้วจะทำให้คะแนนของผู้ร้องเพิ่มขึ้นและทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปนั้น เมื่อปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้คะแนนน้อยกว่าผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 2,305 คะแนน ดังนั้น แม้จะนำจำนวนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในหน่วยเลือกตั้งนี้เป็นคะแนนที่ลงให้แก่ผู้ร้องนำมาหักออกจากคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ก็หาทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับการเลือกตั้งและผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้รับการเลือกตั้ง จึงไม่จำต้องเปิดหีบเลือกตั้งเพื่อนับคะแนนเสียงใหม่
เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมและไม่ทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาได้ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 2 ว่าเป็นไปโดยมิชอบโดยอ้างเหตุเป็น 2 ตอน โดยในตอนที่สองได้บรรยายคำร้องว่า นอกจากจะมีการทุจริตในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 แล้ว หน่วยเลือกตั้งอื่นอาจจะมีการกระทำทุจริต กล่าวคือ อำเภอ ก.หน่วยเลือกตั้งที่ 1 มีผู้ใช้สิทธิคนเดียวหลายครั้งเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขอื่น และกรรมการนับคะแนนโดยไม่ขานคะแนนของผู้ร้อง หน่วยเลือกตั้งที่ 5 กรรมการนับคะแนนโดยไม่ขานคะแนนของผู้ร้อง และทำบัตรดีให้เป็นบัตรเสียโดยมีการกา 2 ครั้งในช่องเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขานว่าเป็นบัตรเสีย ซึ่งลักษณะการกระทำผิดในหน่วยเลือกตั้งอื่นของอำเภอ ก. อำเภอ บ. และอำเภอ ด.นั้น ผู้ร้องเข้าใจว่าอาจเป็นการกระทำทุจริตโดยเจ้าหน้าที่อาจปล่อยให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งหลายครั้ง ทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลง ดังนี้ คำร้องของผู้ร้องในตอนที่สองที่เกี่ยวกับหน่วยเลือกตั้งอื่นดังกล่าวนี้ ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้ง แต่เป็นความเข้าใจเอาเองของผู้ร้องทั้งผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นว่าบัตรเลือกตั้งที่ใช้เวียนลงคะแนนก็ดี บัตรที่ขานคะแนนของผู้ร้องเป็นของผู้สมัครคนอื่นก็ดี บัตรที่ไม่ขานคะแนนให้ผู้ร้องโดยอ้างว่าเป็นบัตรเสียก็ดีนั้นมีจำนวนเท่าใด การใช้คนเวียนลงคะแนนให้ผู้สมัครคนอื่นและขานคะแนนของผู้ร้องเป็นของผู้สมัครคนอื่นนั้นเป็นผู้สมัครคนใดบ้าง และมีผลทำให้คะแนนของผู้สมัครคนใดเพิ่มขึ้นหรือลดลงจำนวนเท่าใด คำร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุในตอนที่สองนี้เป็นคำร้องที่มิได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ทางอำเภอกำแพงแสนจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่ามีจำนวน 875 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียง 775 คน และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียง 437 คน แต่จากรายงานผลการนับคะแนนว่า ผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับคะแนน 752 คะแนน เกินกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าเปิดหีบเลือกตั้งมานับใหม่แล้วจะทำให้คะแนนของผู้ร้องเพิ่มขึ้นและทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปนั้น เมื่อปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้คะแนนน้อยกว่าผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 2,305 คะแนน ดังนั้น แม้จะนำจำนวนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในหน่วยเลือกตั้งนี้เป็นคะแนนที่ลงให้แก่ผู้ร้องนำมาหักออกจากคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ก็หาทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับการเลือกตั้งและผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้รับการเลือกตั้ง จึงไม่จำต้องเปิดหีบเลือกตั้งเพื่อนับคะแนนเสียงใหม่
เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมและไม่ทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาได้ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6609/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนและมีเหตุผลเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ฉะนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 2 ว่าเป็นไปโดยมิชอบโดยอ้างเหตุเป็น 2 ตอน โดยในตอนที่สองได้บรรยายคำร้องว่านอกจากจะมีการทุจริตในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 แล้ว หน่วยเลือกตั้งอื่นอาจจะมีการกระทำทุจริต กล่าวคือ อำเภอ ก.หน่วยเลือกตั้งที่ 1 มีผู้ใช้สิทธิคนเดียวหลายครั้งเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลขอื่น และกรรมการนับคะแนนโดยไม่ขานคะแนนของผู้ร้อง หน่วยเลือกตั้งที่ 5กรรมการนับคะแนนโดยไม่ขานคะแนนของผู้ร้อง และทำบัตรดีให้เป็นบัตรเสียโดยมีการกา 2 ครั้งในช่องเดียวกันเจ้าหน้าที่ขานว่าเป็นบัตรเสีย ซึ่งลักษณะการกระทำผิดในหน่วยเลือกตั้งอื่นของอำเภอ ก. อำเภอ บ. และอำเภอ ด. นั้นผู้ร้องเข้าใจว่าอาจเป็นการกระทำทุจริตโดยเจ้าหน้าที่อาจปล่อยให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งหลายครั้ง ทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลง ดังนี้ คำร้อง ของ ผู้ร้องในตอนที่สองที่เกี่ยวกับหน่วยเลือกตั้งอื่นดังกล่าวนี้ ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้ง แต่เป็นความเข้าใจเอาเองของผู้ร้องทั้งผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นว่าบัตรเลือกตั้งที่ใช้เวียน ลงคะแนนก็ดี บัตรที่ขานคะแนนของผู้ร้องเป็นของผู้สมัครคนอื่นก็ดี บัตรที่ไม่ขานคะแนนให้ผู้ร้องโดยอ้างว่าเป็นบัตรเสียก็ดีนั้นมีจำนวนเท่าใด การใช้คนเวียน ลงคะแนนให้ผู้สมัครคนอื่นและขานคะแนนของผู้ร้องเป็นของผู้สมัครคนอื่นนั้นเป็นผู้สมัครคนใดบ้าง และมีผลทำให้คะแนนของผู้สมัครคนใดเพิ่มขึ้นหรือลดลงจำนวนเท่าใด คำร้อง ของผู้ร้องที่อ้างเหตุในตอนที่สองนี้เป็นคำร้องที่มิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ทางอำเภอกำแพงแสนจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่ามีจำนวน 875 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียง 775 คน และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียง437 คน แต่จากรายงานผลการนับคะแนนว่า ผู้คัดค้านที่ 2ได้รับคะแนน 752 คะแนน เกินกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าเปิดหีบเลือกตั้งมานับใหม่แล้วจะทำให้คะแนนของผู้ร้องเพิ่มขึ้นและทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปนั้น เมื่อปรากฏตามคำร้อง ของ ผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้คะแนนน้อยกว่าผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 2,305 คะแนน ดังนั้นแม้จะนำจำนวนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในหน่วยเลือกตั้งนี้เป็นคะแนนที่ลงให้แก่ผู้ร้องนำมาหักออกจากคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ก็หาทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับการเลือกตั้งและผู้คัดค้านที่ 2ไม่ได้รับการเลือกตั้ง จึงไม่จำต้องเปิดหีบเลือกตั้งเพื่อนับคะแนนเสียงใหม่ เมื่อคำร้อง ของ ผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมและไม่ทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาได้ ให้ยกคำร้อง ของ ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3564/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องแสดงรายละเอียดคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้ง การอ้างเหตุลอย ๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นมาตรา79แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองด้วยผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งว่าส. ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะกรรมการรวมยอดคะแนนเลือกตั้งซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา51,52โดยจงใจร่วมกันรวมคะแนนให้ผิดไปจากประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5)และรายงานการแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4)ซึ่งคณะกรรมการตรวจคะแนน506หน่วยส่งมาให้และประกาศผลการรวมคะแนนของผู้ร้องมีคะแนนรวม38,204คะแนนลดลงจากเดิมจำนวน718คะแนนส่วนคะแนนของผู้คัดค้านที่3ได้คะแนนรวม41,515คะแนนเพิ่มจากเดิมจำนวน3,421คะแนนเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหารดังนี้ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ว่าราชการจังหวัดกับพวกดังกล่าวรวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5)ผิดพลาดแต่ตามคำร้องของผู้ร้องมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่าแต่ละหน่วยเลือกตั้งใน506หน่วยใน7อำเภอผู้ร้องได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนคะแนนของผู้ร้องและของผู้คัดค้านที่3ตามรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5)ของแต่ละหน่วยเลือกตั้งเป็นจำนวนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนรวมแล้วเป็นยอดคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้างทั้งที่มิได้มีการประกาศผลการนับคะแนนณที่เลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา71และกฎกระทรวง(พ.ศ.2522)ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522ข้อ21และซึ่งผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วสำหรับข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าในวันเลือกตั้งก่อนเวลา18นาฬิกาผู้ร้องได้ตรวจสอบผลการตรวจคะแนนของคณะกรรมการตรวจนับประจำหน่วยเลือกตั้งในเขตจังหวัดมุกดาหารรวม506หน่วยซึ่งเป็นคะแนนที่คณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งได้ประกาศผลของการนับคะแนนแก่ประชาชนผู้อยู่ณที่เลือกตั้งความปรากฏว่าผู้ร้องได้ยอดคะแนนรวมทั้งสิ้น38,922คะแนนเป็นคะแนนอันดับ2ส่วนผู้คัดค้านที่2ได้คะแนนรวม43,954คะแนนเป็นคะแนนอันดับที่1ผู้คัดค้านที่3ได้คะแนนรวม38,094คะแนนเป็นคะแนนอันดับ4นั้นก็เป็นตัวเลขจำนวนคะแนนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างลอยๆไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าในแต่ละหน่วยเลือกตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่2และที่3ได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนรวมแล้วจะเป็นคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้างคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วการที่ผู้ร้องไม่สามารถแสดงตัวเลขจำนวนคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งได้แสดงว่าผู้ร้องนำตัวเลขยอดคะแนนรวมที่สำนักงานการประถมศึกษารวม7อำเภอในจังหวัดมุกดาหารได้รายงานมาให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหารได้รับทราบก่อนจะมีการประกาศผลคะแนนรวมเป็นทางการของจังหวัดและเป็นตัวเลขยอดคะแนนเดียวกับที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหารได้ประกาศผลมาใช้กล่าวอ้างในคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งซึ่งตามคำร้องของผู้ร้องก็รับแล้วว่ายอดคะแนนรวมดังกล่าวเป็นยอดคะแนนที่ไม่เป็นทางการของจังหวัดมุกดาหารและเป็นคะแนนที่ผู้ร้องตรวจสอบเบื้องต้นดังนั้นตัวเลขที่ผู้ร้องอ้างว่าคะแนนรวมของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่3ผิดพลาดตามคำร้องนั้นจึงเห็นได้ว่าเป็นการคิดคำนวณคาดหมายเอาเองตามนัยดังกล่าวมาแล้วเพียงเพื่อจะอ้างเป็นเหตุร้องคัดค้านและเพื่อให้ปรากฎในคำร้องเท่านั้นและหากศาลวินิจฉัยว่าคำร้องเช่นนี้เป็นคำร้องที่ชอบแล้วผลที่ตามมาก็คือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดเพียงแต่สงสัยการรวมคะแนนของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้มีหน้าที่รวมยอดคะแนนการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา76ก็อาจยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อให้ศาลทำหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศของการนับคะแนน(ส.ส.5)ให้ใหม่ได้ทุกรายไปคำร้องของผู้ร้องจึงเลื่อนลอยเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองจึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4744/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านการเลือกตั้งและเหตุที่ศาลไม่อาจรับคำร้องได้ เนื่องจากข้อกล่าวหาไม่ชัดเจนและไม่เข้าเหตุตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติ ญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522ไม่มีบทบัญญัติให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้สิทธิทางศาล โดยการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งอื่นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 78 บัญญัติเหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เฉพาะกรณีที่มีการฝ่าฝืน มาตรา 26 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 51 หรือมาตรา 52เท่านั้น ที่ผู้ร้องอ้างเหตุว่าผู้ได้รับเลือกตั้งทั้งสามกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งตามที่ระบุในคำร้องก็เป็นกรณีมีการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 15 มาตรา 35 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 86และมาตรา 91 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้ง คำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ไม่ได้บรรยายรายละเอียดให้แจ้งชัดว่าผู้ได้รับเลือกตั้งใช้เงินเกินอย่างไรใช้ที่ไหนเป็นค่าอะไรและจะถือได้ว่าเป็นการใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งได้หรือไม่เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ส่วนที่อ้างเหตุคัดค้านว่าผู้อำนวยการเลือกตั้งประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยไม่บรรยายให้รายละเอียดชัดแจ้งว่าผู้อำนวยการเลือกตั้งประมาทเลินเล่อร้ายแรงอย่างไรปล่อยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายใดของหน่วยใดลดคะแนนของผู้ร้องเท่าใดมากกว่าใครอย่างไร ลดคะแนนผู้ได้รับเลือกตั้งหน่วยไหนจำนวนเท่าใด เพิ่มคะแนนแก่ใครโดยทุจริตอย่างไร มีการดำเนินการเลือกตั้งโดยไม่ให้ผู้เลือกตั้งลงลายมือชื่อในบัญชีใด ขัดกับกฎหมายอย่างไร เลขเรียงของบัตรเลือกตั้งหน่วยใด หีบใดไม่ตรงกับเลขเรียงของกระทรวงมหาดไทยเป็นผลผิดกฎหมายอย่างไร ก็เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ขาดความชัดเจนในรายละเอียดข้อกล่าวหา ถือเป็นคำร้องเคลือบคลุม ศาลยกคำร้องได้
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าได้มีการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52โดยกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนรวม 7 อำเภอ ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งผิดจากความจริง นำบัตรเลือกตั้ง ซึ่งกากบาทหมายเลข 7,8 และ 9 ไว้ด้วยใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบ จงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวกเป็นของผู้สมัครหมายเลข 7,8 และ 9 ทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งกากบาทให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสีย มิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผย และบางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องมิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใด เป็นผู้กระทำเช่นนั้น และหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ไม่แสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน ศาลยกคำร้อง
เหตุคัดค้านการเลือกตั้งข้อ (1) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดหรือเจ้าหน้าที่นับคะแนนผู้ใดนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนการเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง หรือรวมคะแนนผิดไปจากความจริง ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อย กับกิ่งอำเภอปางมะผ้ากระทำการดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงการคาดคะเนเอาเองของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรเสียและลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นบัตรดีนั้น ผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าลักษณะของบัตรเสียนั้นเป็นลักษณะเช่นใด เพราะตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 73 ได้กำหนดประเภทของบัตรเสียไว้ถึง 6 ชนิดบัตรเสียที่ผู้ร้องอ้างไม่ปรากฏว่าเป็นบัตรชนิดใดทั้งไม่มีรายละเอียดว่าบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งกรรมการตรวจคะแนนนับเป็นบัตรเสียมีจำนวนเท่าใดและบัตรเสียที่ลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 นับเป็นบัตรดีนั้นมีจำนวนเท่าใด ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 นั้น ผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นที่อ้างว่านับให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 นั้นมีจำนวนเท่าใด ผู้สมัครรายอื่นนั้นก็ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ใดแน่ ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องในเหตุการณ์แรกนี้จึงเลื่อนลอยและเคลือบคลุม ไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ถูกต้องจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง เหตุคัดค้านการเลือกตั้ง ข้อ (2) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาเช่นกันกล่าวคือ คำร้องมิได้บรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือกรรมการตรวจคะแนนผู้ใดกระทำการดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เพียงแต่อ้างคลุม ๆ มาเช่นกันว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น และมีการอ่านคะแนนผิดความจริงอย่างไรก็ไม่ปรากฏ ตามคำร้องก็ไม่แน่นอนว่าเป็นกรณีที่กรรมการตรวจคะแนนอ่านคะแนนหรือรวมคะแนนผิดความจริงกันแน่ จำนวนคะแนนที่ผู้ร้องอ้างว่าลดลงไปแล้วเพิ่มให้ผู้คัดค้านที่ 2 ก็เป็นแต่เพียงการกะประมาณเอาเองของผู้ร้องเท่านั้น คำร้อง ของ ผู้ร้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุมเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนในข้อหาและรายละเอียดการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากไม่ชัดเจน ศาลยกคำร้อง
คำร้องของผู้ร้องที่ว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ใช้เงินคนละกว่าสามล้านบาทเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. การเลือกตั้งฯ มาตรา 32โดยไม่ได้บรรยายยืนยันข้อเท็จจริงว่าเงินที่ผู้คัดค้านทั้งสองใช้เป็นจำนวนที่แน่นอนเท่าใด คงใช้วิธีประมาณการเอาเท่านั้นและไม่ได้บรรยายว่าเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องใดเท่าใด จ่ายเมื่อใดให้แก่ใคร ส่วนที่อ้างว่าใช้เงินในการซื้อเสียงด้วยก็ไม่ได้กล่าวอ้างว่าซื้อเสียงใครจำนวนมากน้อยเท่าใด สิ้นเงินไปในการนี้เท่าใด ได้จ่ายเงินไปก่อนหรือหลังจากมีการรับสมัครเลือกตั้งจึงยังไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ คำร้องของผู้ร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกระทำการอันใดเพื่อขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 52 นั้น ในคำร้องคงบรรยายเพียงว่า ในวันเลือกตั้งมีกรรมการควบคุมการเลือกตั้งบางหน่วยเลือกตั้งได้ช่วย กากบาทให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง แต่ก็ไม่ได้บรรยายให้ทราบว่ากรรมการควบคุมการเลือกตั้งผู้กระทำการนั้นเป็นใคร และได้กากบาทให้เป็นจำนวนคะแนนเท่าใด และจะทำให้ผลของการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ จึงยังไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ คำร้องของผู้ร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่เกี่ยวกับมาตรา 32 และมาตรา 52เป็นคำร้องที่ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แล้วจึงไม่อาจพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องนำสืบมาในเหตุข้ออ้างทั้งสองประการได้.