พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทกฎหมายไม่ชัดเจน ศาลพิจารณาจากคำบรรยายฟ้องเพื่อลงโทษตามกฎหมายที่ถูกต้อง
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ.มาตรา 336 ทวิ ซึ่งเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13 โดยชัดแจ้งแล้ว การที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 13 ก็คงหมายถึง ป.อ.มาตรา 336 ทวิ ที่เพิ่มเติมขึ้นมานั่นเอง เพียงแต่โจทก์อ้างบทกฎหมายไม่ชัดเจนเท่านั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับคำบรรยายฟ้องแล้วเห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ ซึ่งเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการฉ้อโกง: การพิจารณาจากคำบรรยายฟ้องและพฤติการณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อโจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป แม้ฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุคำว่า "โดยทุจริต" ไว้ก็ตาม แต่คำว่า "บังอาจ" กับข้อความที่ว่า "โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลยไป" ประกอบกันก็บ่งอยู่แล้วว่าจำเลยกระทำโดยทุจริต ฟ้องโจทก์จึงครบองค์ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีจากหน้าที่ผิดสัญญาจ้างแรงงาน vs. ละเมิด: การพิจารณาจากคำบรรยายฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ร่วมกันอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ไม่ระวังรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ และระบุว่ากรณีจำเลยทั้งสามฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวทำให้ข้าวเปลือกที่โจทก์รับฝากไว้ในคลังสินค้าขาดหายไป ดังนี้คำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ผิดสัญยาจ้างแรงงานอันมีอายุความฟ้องร้อง 10ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 หาใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดฐานกระทำละเมิดตามมาตรา 420 อันมีอายุความฟ้องร้อง 1ปีตามมาตรา 448 วรรคแรกไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จและหมิ่นประมาทจากคำบรรยายฟ้อง: การตีความถ้อยคำและเจตนาของพนักงานอัยการ
จำเลยซึ่งเป็นพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ในข้อหาดูหมิ่นหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยบรรยายฟ้องเป็นสองตอน คือตอนแรกเป็นข้อความที่อ้างว่าโจทก์เป็นผู้กล่าวซึ่งได้ระบุไว้ในเครื่องหมายอัญประกาศ ส่วนตอนหลังมีใจความเป็นการแปลหรืออธิบายความหมายของข้อความในตอนแรก ดังนี้ เมื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ประกอบด้วยแล้ว แสดงว่าข้อความที่พนักงานอัยการระบุไว้ในเครื่องหมายอัญประกาศ คือ 'ถ้อยคำพูด' ที่พนักงานอัยการต้องกล่าวไว้ในฟ้องตามบทกฎหมายดังกล่าว และข้อความตอนหลังเป็นการอธิบายความหมายเท่านั้น เมื่อข้อความที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยบรรยายฟ้องอันเป็นความเท็จเป็นส่วนหนึ่งของคำบรรยายฟ้องในตอนหลังและมีลักษณะเป็นการอธิบายความหมายด้วยเช่นกัน จึงเห็นได้ว่าข้อความที่โจทก์อ้างว่าเป็นเท็จนั้นพนักงานอัยการมีความประสงค์จะอธิบายความหมายของถ้อยคำพูดของโจทก์เท่านั้น แม้จะใช้ถ้อยคำผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปบ้าง กรณีก็ไม่อาจถือได้ว่าพนักงานอัยการยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฟ้องเท็จ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 และจำเลยย่อมไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์แต่อย่างใด กับไม่มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1935/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา มาตรา 297: ความเห็นแพทย์ไม่ขัดแย้งคำบรรยายฟ้อง
แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน แต่ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องระบุว่าบาดแผลของผู้เสียหายถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายภายใน 1 เดือน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้เสียหายอาจรักษาตัวเพียง 5 วัน หรือ 10 วัน ก็หายเป็นปกติได้ ก็เป็นเพียงความเห็นของแพทย์ที่ทำไว้ขณะตรวจรักษาบาดแผลของผู้เสียหายเท่านั้นถือไม่ได้ว่าความเห็นดังกล่าวขัดกับคำบรรยายฟ้องของโจทก์ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม แม้ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องมิได้ระบุให้เห็นว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 อย่างไร และข้อที่อ้างว่าจะรักษาหายได้ภายใน 1 เดือนก็เป็นไปได้ว่าอาจรักษาหายได้ภายใน 5 หรือ 10 วันก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน ซึ่งเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้วดังนี้ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้เช่นนั้นและลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมงผิดกฎหมาย: คำบรรยายฟ้องไม่สอดคล้องกับประกาศกระทรวงเกษตรฯ ทำให้ไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำการประมงโดยใช้เครื่องมือทำการประมงที่ต้องห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องกำหนดฤดูปลาทูมีไข่และห้ามมิให้ใช้เครื่องมือบางชนิดจับปลาทูและกำหนดขนาดตาของเครื่องมือบางชนิดในฤดูมีปลาทูขนาดเล็ก ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2518 ข้อ 3 แต่ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์ปรากฏว่าเครื่องมือที่จำเลยใช้เป็นคนละประเภทกับเครื่องมือที่ระบุห้ามไว้ในประกาศข้อ 3 ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เครื่องมือตามที่ระบุห้ามไว้ตามประกาศดังกล่าวข้อ 3 ทำการประมงอันจะเป็นความผิดต่อกฎหมายที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกสถานที่ราชการ: การตีความ 'ไม่มีเหตุอันสมควร' จากคำบรรยายฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรแม้ข้อที่ว่าโดยไม่มีเหตุสมควรนั้นเป็นองค์ประกอบความผิดของมาตรา 364 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ก็เป็นองค์ประกอบความผิดสำหรับการกระทำโดยการเข้าไปหรือซ่อนตัวเท่านั้น และคำว่า "บังอาจบุกรุก" ที่โจทก์บรรยายฟ้องมา ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากนี้โจทก์ยังได้บรรยายฟ้องต่อไปด้วยว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้จำเลยเข้าไปได้ไล่ให้ออกจำเลยก็ไม่ยอมออกไปเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงตรงกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364ในตอนที่ว่า "หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก" และการไม่ยอมออกนี้ หาจำต้องกล่าวในฟ้องว่ากระทำโดยไม่มีเหตุอันสมควรด้วยไม่ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลกฎหมายและการฟ้องคดีที่ไม่ใช่ละเมิด อายุความไม่สามารถนำมาใช้บังคับได้
คำฟ้องที่โต้เถียงการแปลกฎหมายของจำเลยว่าจำเลยแปลกฎหมายมาใช้บังคับกับโจทก์ไม่ถูกต้อง มิใช่เป็นคำฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ฐานละเมิด แม้ตามคำฟ้องจะเขียนว่าเป็นการฟ้องเรื่องละเมิด และในคำบรรยายฟ้องได้กล่าวว่า จำเลยใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมายและงดเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์เสียประโยชน์อันพึงมีพึงได้ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟ้องของโจทก์กลายเป็นฟ้องในมูลละเมิด เพราะต้องถือเอาคำบรรยายฟ้องเป็นสำคัญ
เมื่อมูลคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่เป็นเรื่องละเมิด จะนำเอาบทบัญญัติเรื่องอายุความอันเกิดแต่มูลละเมิดมาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้
เมื่อมูลคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่เป็นเรื่องละเมิด จะนำเอาบทบัญญัติเรื่องอายุความอันเกิดแต่มูลละเมิดมาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดขอบเขตการฟ้องร้องตามคำบรรยายฟ้อง การวินิจฉัยนอกประเด็นฟ้อง
เมื่อฟ้องของโจทก์ข้อ 3 บรรยายว่า "บัดนี้โจทก์ทราบว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่า โดยเอาตึกที่เช่านี้บางส่วนไปให้เช่าช่วง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์จึงไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป โจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยดังสำเนาท้ายคำฟ้อง จำเลยรับทราบแล้วไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงจำต้องมาขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง" ดังนี้ เห็นได้ว่า โจทก์ยกเหตุเช่าช่วงเป็นข้ออ้างขอให้ศาลขับไล่ หาได้ยกเหตุอื่นใด (สิทธิบอกเลิกการเช่าอย่างสัญญาเช่าธรรมดา) เป็นข้ออ้างไม่ ข้อวินิจฉัยของศาลล่างที่นอกเหนือจากประเด็นเช่าช่วง จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องยักยอกทรัพย์: การบรรยายความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยอ้างอิงหลายมาตราไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องฐานเจ้าพนักงานยักยอกโดยอ้างบทกฎหมายขอให้ลงโทษมา 2 มาตรา คือมาตรา 131 กับ 319 ข้อ 3 นั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ที่จะเป็นฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ มีความสำคัญอยู่ที่คำบรรยายฟ้อง