พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3447/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเลี้ยงดูบุตรตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: การชำระหนี้ที่สมบูรณ์ แม้มีเช็คปฏิเสธ
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลโดยโจทก์ตกลงยอมให้ค่าเลี้ยงดูบุตรจำเลยเป็นรายเดือนจนกว่าบุตรจำเลยจะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ข้อตกลงดังกล่าวขึ้นอยู่กับอายุของบุตรจำเลยในอนาคตเป็นเงื่อนไขสำคัญอยู่ในตัว ถ้าบุตรจำเลยตายลงก่อนอายุครบ 20 ปี โจทก์ก็ย่อมไม่มีความผูกพันต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูอีกต่อไป แม้โจทก์ผิดนัดงวดใดแต่โจทก์ก็ได้นำเงินมาวางชำระหนี้ค่าเลี้ยงดู ให้บุตรจำเลยเท่ากับมูลหนี้ที่ตนมีหน้าที่ต้องชำระในขณะนั้น ซึ่งเป็นการชำระหนี้โดยครบถ้วนสมบูรณ์ตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องยึดทรัพย์สินของโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าเลี้ยงดูทั้งหมดครบทุกงวด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า: บังคับใช้ได้จนกว่าศาลสั่งเปลี่ยนแปลง ไม่ถือเป็นการสละสิทธิ
ข้อตกลงตามบันทึกหลังทะเบียนหย่าที่ว่า โจทก์รับหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรและธิดาทั้งสามเป็นผู้ส่งเสียให้การศึกษาเอง โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบส่งเสียเลี้ยงดูแต่อย่างใดทั้งปัจจุบันและอนาคต เป็นอันบังคับได้จนกว่าศาลจะสั่งเปลี่ยนแปลง มิใช่เป็นเรื่องสละสิทธิที่จะได้ค่าอุปการะเลี้ยงดู ไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่เป็นโมฆะ โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรที่โจทก์ได้จ่ายไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าและค่าเลี้ยงดูบุตร: อุทธรณ์หลังศาลพิพากษาไม่เป็นเหตุต้องห้าม
คดีฟ้องหย่าเรียกค่าเลี้ยงดูภริยาและบุตร คู่ความยอมหย่าและไม่สืบพยานเรื่องบุตรกับค่าอุปการะเลี้ยงดูขอให้ศาลพิจารณาพิพากษา เมื่อศาลพิพากษาแล้วคู่ความอุทธรณ์ได้ ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร: การฟ้องซ้ำและอำนาจของผู้ปกครอง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยอ้างว่ามีข้อตกลงตามบันทึกข้อตกลงหลังทะเบียนหย่าศาลพิพากษาว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายรับผิดไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีใหม่เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1536 ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
มารดาในฐานะส่วนตัว ไม่มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตร จนกว่าจะได้ร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งมารดาผู้เป็นโจทก์เป็นผู้ปกครองใหม่แล้วจึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้
มารดาในฐานะส่วนตัว ไม่มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตร จนกว่าจะได้ร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งมารดาผู้เป็นโจทก์เป็นผู้ปกครองใหม่แล้วจึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรต้องมีอำนาจปกครอง การฟ้องซ้ำ และหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลย อ้างว่ามีข้อตกลงตามบันทึกข้อตกลงหลังทะเบียนหย่าศาลพิพากษาว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายรับผิดไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีใหม่เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยอ้างว่าจำเลยมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1536 ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
มารดาในฐานะส่วนตัว ไม่มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตร จนกว่าจะได้ร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งมารดาผู้เป็นโจทก์เป็นผู้ปกครองใหม่ แล้วจึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้
มารดาในฐานะส่วนตัว ไม่มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตร จนกว่าจะได้ร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งมารดาผู้เป็นโจทก์เป็นผู้ปกครองใหม่ แล้วจึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากบิดาของบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาสงบข้อพิพาทหย่าร้างและการบังคับชำระหนี้ค่าเลี้ยงดูบุตรตามสัญญา
สามีภริยาจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน และทำสัญญากันไว้ว่าให้ภริยาเป็นผู้เลี้ยงดูบุตรโดยสามียอมส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตรให้ตามจำนวนที่กำหนด สัญญาดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างสามีภริยาซึ่งมีอยู่และจะมีขึ้นให้เสร็จกันไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อสามีผิดสัญญาไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตร การที่ภริยามาฟ้องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูบุตรจึงเป็นการฟ้องเรียกร้องให้สามีชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หาใช่เป็นคดีที่กล่าวอ้างถึงสิทธิเกี่ยวแก่บุตรที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนไม่
ตามสัญญาระบุว่า เมื่อภริยาสมรสใหม่จะต้องส่งบุตร 2 ใน 4 คนคืนแก่สามี หากภริยาส่งบุตร 2 คนคืนแก่สามีแล้ว สามีจะส่งค่าอุปการะเลี้ยงดูเฉพาะบุตรที่อยู่กับภริยาโดยลดจำนวนเงินลง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าสามีไม่ประสงค์รับบุตรไปอยู่ด้วย สามีก็ต้องส่งค่าเลี้ยงดูบุตรตามเดิม แต่ไม่ต้องส่งค่าเลี้ยงดูภริยาซึ่งสมรสใหม่แล้ว (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกและวรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2512)
เมื่อสามีผิดสัญญาไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตร การที่ภริยามาฟ้องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูบุตรจึงเป็นการฟ้องเรียกร้องให้สามีชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หาใช่เป็นคดีที่กล่าวอ้างถึงสิทธิเกี่ยวแก่บุตรที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนไม่
ตามสัญญาระบุว่า เมื่อภริยาสมรสใหม่จะต้องส่งบุตร 2 ใน 4 คนคืนแก่สามี หากภริยาส่งบุตร 2 คนคืนแก่สามีแล้ว สามีจะส่งค่าอุปการะเลี้ยงดูเฉพาะบุตรที่อยู่กับภริยาโดยลดจำนวนเงินลง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าสามีไม่ประสงค์รับบุตรไปอยู่ด้วย สามีก็ต้องส่งค่าเลี้ยงดูบุตรตามเดิม แต่ไม่ต้องส่งค่าเลี้ยงดูภริยาซึ่งสมรสใหม่แล้ว (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกและวรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า มีผลบังคับใช้ได้ แม้ฝ่ายหนึ่งไม่รับบุตรไปเลี้ยง
สามีภริยาจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน และทำสัญญากันไว้ว่าให้ภริยาเป็นผู้เลี้ยงดูบุตรโดยสามียอมส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตรให้ตามจำนวนที่กำหนด สัญญาดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างสามีภริยาซึ่งมีอยู่และจะมีขึ้นให้เสร็จกันไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อสามีผิดสัญญาไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตร การที่ภริยามาฟ้องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูบุตรจึงเป็นการฟ้องเรียกร้องให้สามีชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หาใช่เป็นคดีที่กล่าวอ้างถึงสิทธิเกี่ยวแก่บุตรที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนไม่
ตามสัญญาระบุว่า เมื่อภริยาสมรสใหม่จะต้องส่งบุตร 2 ใน 4 คนคืนแก่สามี หากภริยาส่งบุตร 2 คนคืนแก่สามีแล้ว สามีจะส่งค่าอุปการะเลี้ยงดูเฉพาะบุตรที่อยู่กับภริยาโดยลดจำนวนเงินลง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าสามีไม่ประสงค์รับบุตรไปอยู่ด้วยสามีก็ต้องส่งค่าเลี้ยงดูบุตรตามเดิม แต่ไม่ต้องส่งค่าเลี้ยงดูภริยาซึ่งสมรสใหม่แล้ว (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกและวรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2512)
เมื่อสามีผิดสัญญาไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูบุตร การที่ภริยามาฟ้องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูบุตรจึงเป็นการฟ้องเรียกร้องให้สามีชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หาใช่เป็นคดีที่กล่าวอ้างถึงสิทธิเกี่ยวแก่บุตรที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนไม่
ตามสัญญาระบุว่า เมื่อภริยาสมรสใหม่จะต้องส่งบุตร 2 ใน 4 คนคืนแก่สามี หากภริยาส่งบุตร 2 คนคืนแก่สามีแล้ว สามีจะส่งค่าอุปการะเลี้ยงดูเฉพาะบุตรที่อยู่กับภริยาโดยลดจำนวนเงินลง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าสามีไม่ประสงค์รับบุตรไปอยู่ด้วยสามีก็ต้องส่งค่าเลี้ยงดูบุตรตามเดิม แต่ไม่ต้องส่งค่าเลี้ยงดูภริยาซึ่งสมรสใหม่แล้ว (ข้อกฎหมายตามวรรคแรกและวรรคสอง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรเมื่อผู้ปกครองยังไม่ได้เปลี่ยนตัว และหน้าที่บิดาในการอุปการะเลี้ยงดู
การที่บิดามารดาหย่ากันเอง และตกลงให้บิดาเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์นั้น ตามปกติบิดาย่อมเป็นผู้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามควรแก่กรณี หากบิดาละเลยหรือประพฤติมิชอบให้เห็นว่าไม่สมควรแก่หน้าที่จนบุตรนั้นหนีมาอยู่กับมารดาเป็นเหตุให้มารดาต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูไปก็ดี มารดาก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินนั้นจากบิดาได้ แต่มารดาอาจร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียได้โดยขอตั้งผู้ปกครองใหม่ แล้วใช้สิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากบิดาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า: ผู้ปกครองมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู หากละเลยอาจถูกถอนอำนาจ
การที่บิดามารดาหย่ากันเอง และตกลงให้บิดาเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์นั้นตามปกติบิดาย่อมเป็นผู้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามควรแก่กรณี หากบิดาละเลยหรือประพฤติมิชอบให้เห็นว่าไม่สมควรแก่หน้าที่จนบุตรนั้นหนีมาอยู่กับมารดาเป็นเหตุให้มารดาต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูไปก็ดีมารดาก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินนั้นจากบิดาได้แต่มารดาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ถอนบิดาจากการเป็นผู้ปกครองเสียได้โดยขอตั้งผู้ปกครองใหม่แล้วใช้สิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากบิดาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1536
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรเกิดนอกสมรส ต้องพิสูจน์ความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายก่อน
การที่ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ต้องได้ความว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายการดำเนินคดีเรื่องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูของบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จะต้องดำเนินคดีขอให้จำเลยรับเด็กเป็นบุตรเสียก่อน