พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืน และการลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาในหมู่บ้าน
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายแต่การที่ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อหามีและ พาอาวุธปืน ฯ โดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ นั้นโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงเมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างไร ปืนที่จำเลยใช้กระทำผิดเป็นปืนมีทะเบียนหรือไม่ไม่อาจทราบได้ จึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ไม่ได้ แต่ปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้าน ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา แม้ไม่ทราบกระสุนใครถูกใคร ยิงในเขตชุมชน เล็งเห็นผลอันตราย
การที่จำเลยทุกคนมาด้วยกันเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันเพื่อทำการจับกุมคนร้ายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้แยกออกเป็นสองพวกๆ ละ 5 คน พวกหนึ่งไปหมอบอยู่ใต้ต้นมะพร้าว จ้องปืนไปทางเรือนของว. อีกพวกหนึ่งไปหมอบที่ใต้ต้นลองกองหันปากกระบอกปืนไปทางเรือนของว.และอ.แล้วจำเลยกับพวกก็พากันยิงเข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมๆ กัน ปรากฏว่ามีคนถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายและบาดเจ็บถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว
การที่จำเลยทุกคนต่างใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนประชาชนซึ่งมีคนอยู่บนเรือนและที่พื้นดินในบริเวณนั้นพร้อมๆ กัน จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการยิงของจำเลยกับพวกได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ได้ เมื่อปรากฏว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนของจำเลยกับพวกถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ และฟังได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว แม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่ากระสุนปืนของจำเลยคนใดถูกผู้ตายทั้งสามคนนั้นคนใดบ้าง ก็ถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพยายามฆ่า
การที่จำเลยทุกคนต่างใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนประชาชนซึ่งมีคนอยู่บนเรือนและที่พื้นดินในบริเวณนั้นพร้อมๆ กัน จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการยิงของจำเลยกับพวกได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ได้ เมื่อปรากฏว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนของจำเลยกับพวกถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ และฟังได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว แม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่ากระสุนปืนของจำเลยคนใดถูกผู้ตายทั้งสามคนนั้นคนใดบ้าง ก็ถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในตัวบุคคลและเจตนาฆ่า: การกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยทั้งสองกับพวกคอยดักซุ่มยิง ล. อยู่ระหว่างทางโดยคาดคิดว่า ล. จะต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปทางนี้เมื่อ อ. ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป จำเลยทั้งสองกับพวกสำคัญผิดว่าเป็น ล. จึงร่วมกันใช้ปืนยิง อ. ตาย เช่นนี้ จำเลยทั้งสองจะยกเอาข้อสำคัญผิดขึ้นแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาฆ่ามิได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 คงมีความผิดตาม มาตรา 289(4) ฐานฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: วางแผนล่วงหน้าหลายวันถือเป็นเหตุให้การฆ่าเป็นความผิดฐานไตร่ตรองไว้ก่อน
การฆ่าคนโดยวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันย่อมเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาแยกกันได้: ชิงทรัพย์-ฆ่าคน ศาลฎีกายกประโยชน์ให้จำเลยที่ 1
จำเลยสองคนถูกหาว่าชิงทรัพย์และฆ่าคน เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยแต่ละคนสามารถแยกรับฟังได้ กรณีจึงมิใช่เป็นเหตุในลักษณะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และประเด็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตลอดคืน และจำเลยก็นำสืบต่อสู้คดีว่า ในวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตั้งแต่เวลา 17 นาฬิกาจำเลยไปเยี่ยมญาติซึ่งป่วยจนถึงเที่ยงคืนจึงกลับไปอยู่บ้านแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้วผู้ตายร้องครางขึ้นจำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่งเป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้วผู้ตายร้องครางขึ้นจำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่งเป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้กันจนถึงแก่ความตาย: ความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
ผู้ตายมีขวานและมีดขอเป็นอาวุธ จำเลยมีมีดพกเป็นอาวุธ ได้เข้าต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยต่างไม่มีเวลาที่จะเลือกแทงเลือกฟันในที่สำคัญ ทั้งสองคนมีบาดแผลรวม 7 แห่งด้วยกัน
ผู้ตายเสียโลหิตมากจึงถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา ไม่ใช่ฐานฆ่าคนโดยเจตนา
ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ทางพิจารณได้ความว่า จำเลยฆ่าคนโดยไม่เจตนา ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ได้ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
ผู้ตายเสียโลหิตมากจึงถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา ไม่ใช่ฐานฆ่าคนโดยเจตนา
ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ทางพิจารณได้ความว่า จำเลยฆ่าคนโดยไม่เจตนา ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ได้ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
จำเลยใช้กำลังทำร้ายโดยแรง เป็นเหตุให้ศีรษะผู้ตายฟาดหรือกระแทกกับพื้นถนนเข็งกระโหลกศีรษะแตกถึงตาย เป็นผลที่บังเกิดอันเนื่องจากการกระทำของจำเลย จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
(อ้างฎีกาที่ 55/2491)
(อ้างฎีกาที่ 55/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฆ่าคนโดยเจตนาเมื่อเหตุเกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา ศาลฎีกาแก้ไขโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา
จำเลยทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา เหตุเกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 249 ต้องลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 หาได้ไม่ เพราะอัตราโทษเท่ากันกับกฎหมายเก่า ไม่มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยประการใด และเมื่อคำให้การจำเลยมีประโยชน์ในการพิจารณาอยู่บ้าง จะปรานีลดโทษให้จำเลย ก็ร้องอ้างกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 จะมาอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาและย้ายซ่อนเร้นศพ โดยพิจารณาความร่วมมือและเจตนาของผู้กระทำ
ขณะนายไปล่ผู้ตายกับนายไสวจำเลยทุ่มเถียงกันจนนายไปล่ผู้ตายเตะปากนายไสวจำเลยไปทีหนึ่ง นายไสวจำเลยคว้าไม้ตะพดตีนายไปล่ถูกแถวต้นคอทันที นายไปล่ยังไม่ทันทำอะไรต่อไป นายแหวนจำเลยอยู่ที่บ้านของตนเห็นนายไสวจำเลยซึ่งเป็นน้องชายถูกนายไปล่เตะปาก จึงพลอยเจ็บแค้น วิ่งมาเตะนายไปล่ มิได้คบคิดกันมาก่อนแต่อย่างใด นายไปล่ตายเพราะถูกตีคอหัก ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองนี้ได้ร่วมกันกระทำร้ายนายไปล่ ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่จำเลยต่างคนต่างทำใครทำเท่าไหร่ ก็ผิดเท่านั้น ความตายของนายไปล่เป็นผลจากการกระทำของนายไสวจำเลย นายไสวจำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา ส่วนนายแหวนจำเลยผิดเพียงฐานกระทำให้นายไปล่ได้รับอันตรายแก่กาย
ส่วนตอนที่จำเลยทั้งสองช่วยกันหามนายไปล่ผู้ตายไปทิ้งน้ำต่อไปนั้น เป็นการกระทำต่อศพนายไปล่ เป็นเหตุการณ์ต่างหากอีกตอนหนึ่ง และตอนนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานย้ายและซ่อนเร้นศพ เพื่อปกปิดการตายและเหตุแห่งการตายของนายไปล่
ส่วนตอนที่จำเลยทั้งสองช่วยกันหามนายไปล่ผู้ตายไปทิ้งน้ำต่อไปนั้น เป็นการกระทำต่อศพนายไปล่ เป็นเหตุการณ์ต่างหากอีกตอนหนึ่ง และตอนนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานย้ายและซ่อนเร้นศพ เพื่อปกปิดการตายและเหตุแห่งการตายของนายไปล่