คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลยเข้าใจข้อหา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7854/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม – ความผิดเกี่ยวกับเพศ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, พ.ร.บ.ค้าประเวณี – จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำเลยได้กระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาผู้เสียหายไปกระทำการค้าประเวณี เพื่อการอนาจาร ทั้งนี้โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขืนใจให้กระทำการค้าประเวณี ครบองค์ประกอบความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดต่อเสรีภาพและความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ตามที่ได้กล่าวหาแล้ว โดยถ้อยคำในฟ้อง แสดงให้เห็นถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดอยู่ในตัวพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี อีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ แล้ว เมื่อพิจารณาประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด และนำสืบต่อสู้คดีได้ทุกประเด็นถูกต้องตามประเด็น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม และชอบด้วยกฎหมายแล้ว และที่จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องต้องบรรยายว่ามีการกระทำของจำเลยอย่างชัดเจนนั้น ก็เป็นรายละเอียดของการกระทำซึ่งโจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาและจำเลยก็สามารถนำพยานเข้าต่อสู้หักล้างได้ในภายหลังไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดทรัพย์ที่ถูกลักและบุคคลผู้เสียหายเพียงพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักโช้กอัพ 1 คู่ ราคา 1,300 บาทอันเป็นส่วนประกอบของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า หมายเลขตัวถัง37 เค -002452 ของผู้มีชื่อ ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของพันตำรวจโทวัชร เข็มศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันผู้เสียหายและจอดเก็บรักษาอยู่ที่บริเวณสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันดังนี้เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับบุคคลและทรัพย์ที่ถูกลักไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้แล้วว่า ทรัพย์ที่จำเลยลักไปเป็นของผู้อื่นซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรับผิดชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพมิได้หลงต่อสู้ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้มีผลบังคับใช้ได้ หากฟ้องระบุมูลหนี้ชัดเจนและจำเลยเข้าใจข้อหา
คำฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านประกอบหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลยที่โจทก์ส่งประกอบมาท้ายฟ้อง มีใจความว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ เนื่องจากจำเลยที่1 ได้อนุมัติให้ อ. เบิกเงินเกินบัญชี ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 จะชำระหนี้ดังกล่าวให้โจทก์ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ทำหนังสือรับสภาพหนี้ โดยโจทก์งดคิดดอกเบี้ยในยอดเงินตาม หนังสือรับสภาพหนี้ แต่ถ้าครบกำหนดแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ จำเลยยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินที่ค้างชำระ โดยจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามเงื่อนไขในหนังสือรับสภาพหนี้ทุกประการ ดังนี้ฟ้องโจทก์ย่อมแสดงชัดแจ้งแห่งข้อหาแล้วว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ในมูลหนี้ที่จำเลยที่1 อนุมัติให้ อ. เบิกเงินเกินบัญชีไปเป็นการเกินอำนาจของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
เมื่อปรากฏว่าฟ้องโจทก์มุ่งหมายให้จำเลยที่ 1 รับผิดในเหตุละเมิดและจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์อนุมัติให้ อ. เบิกเงินเกินบัญชี อันเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 กระทำการนอกเหนืออำนาจอย่างไรจึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดอายุความเป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 มิใช่เป็นกรณีรับสภาพความรับผิดเมื่อหนี้นั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่ชัดเจนของฟ้องในความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
ในความผิดฐานฟ้องเท็จ ฟ้องของโจทก์บรรยายถึงคำฟ้องที่ว่าเป็นฟ้องเท็จความจริงเป็นอย่างไรมิได้กล่าวถึง พิจารณาคำฟ้องโดยตลอดก็ไม่อาจเข้าใจได้ และที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์มิได้กระทำความผิดเพราะศาลพิพากษายกฟ้องในคดีนั้น ก็เป็นเพียงอ้างผลของคำพิพากษาว่าศาลพิพากษาในคดีนั้นอย่างไรเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงความจริงอันแสดงให้เห็นได้ว่าคำฟ้องในคดีนั้นเป็นความเท็จ ยากที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี ส่วนฟ้องของโจทก์ที่ว่าจำเลยเบิกความเท็จนั้น โจทก์บรรยายฟ้องถึงคำเบิกความของจำเลยแต่ละคนมาหลายตอนซึ่งมิใช่ความเท็จทั้งหมดคำเบิกความของจำเลยคนใดตอนไหนเป็นความเท็จและความจริงเป็นอย่างไร โจทก์มิได้กล่าวให้ชัดเจน ไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเช่นกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: การระบุฐานความผิดที่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ หรือมิฉะนั้นจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร เช่นนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์(อ้างฎีกาที่ 467/2491 และ 212/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุสถานที่เกิดเหตุที่ชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจข้อหา
เมื่อคำฟ้องบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเกิดกระทำผิดที่กล่าวหามาพอเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีว่า การกระทำผิดเกิดณ สถานที่ใดแล้ว แม้จะไม่ได้ระบุ ตำบล อำเภอ จังหวัดของสถานที่ที่เกิดเหตุนั้นมาด้วยก็เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว
(อ้างฎีกาที่ 951/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความบกพร่องของฟ้องอาญา: การระบุเวลาเกิดเหตุไม่ชัดเจนไม่ถึงขนาดทำให้ฟ้องไม่สมบูรณ์หากจำเลยเข้าใจข้อหาได้
โจทก์กล่าวในฟ้องเกี่ยวกับเวลาว่า เมื่อ วันที่ 10 มกราคม 2505 เวลากลาง นั้น เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นข้อผิดพลาดในการเรียงความโดยเขียนตกคำว่า วัน หรือ คืน ไปคำหนึ่งทั้งความผิดฐานเล่นพนันสลากกินรวบนี้ จะกระทำในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็หาเป็นสาระสำคัญแห่งการกระทำผิดไม่ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ คงเข้าใจตลอดมาว่าโจทก์กล่าวหาว่ากระทำผิดในเวลากลางวัน จึงจะชี้ขาดว่าฟ้องโจทก์บกพร่องโดยไม่ระบุเวลาถึงขนาดที่จะเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 หาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุเวลาที่เกิดเหตุไม่จำเป็นต้องชัดเจนหากจำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์กล่าวในฟ้องเกี่ยวกับเวลาว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2505 เวลากลางนั้น เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นข้อผิดพลาดในการเรียงความโดยเขียนตกคำว่า วัน หรือคืน ไปคำหนึ่ง ทั้งความผิดฐานเล่นพนันสลากกินรวบนี้ จะกระทำในเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็หาเป็นสาระสำคัญแห่งการกระทำผิดไม่ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ คงเข้าใจตลอดมาว่าโจทก์กล่าวหาว่ากระทำผิดในเวลากลางวัน จึงจะชี้ขาดว่าฟ้องโจทก์บกพร่อง โดยไม่ระบุเวลาถึงขนาดที่จะเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องทำพยานเท็จไม่ชัดเจน ฟ้องไม่บรรยายรายละเอียดการกระทำที่เป็นเท็จ จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
ความผิดฐานทำพยานหลักฐานเท็จ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยได้กระทำหลักฐานขึ้นเป็นประการใดว่าเป็นเท็จ ดังนี้ ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดให้ครบถ้วนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การบรรยายการกระทำและรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวันครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฏว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้นจำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
of 2