พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันตัว จำเลยไม่มาศาล ศาลปรับนายประกัน และการผ่อนชำระค่าปรับ
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ประกันตัวโดยตีราคาประกัน 100,000 บาท เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกจำเลยที่ 1 ไม่มาศาล โดยผู้ประกันอ้างว่า จำเลยที่ 1 ถูกกลุ่มบุคคลจับตัวไปจากบ้านพัก ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้ออ้างของผู้ประกัน ได้ออกหมายจับและปรับนายประกัน ผู้ประกันยื่นคำร้องขอลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ประกันยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้ผู้ประกันผ่อนชำระค่าปรับเดือนละไม่น้อยกว่า 2,500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ดังนี้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ย่อมถึงที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดในคดีปรับผู้ประกัน กรณีจำเลยไม่มาศาลตามสัญญาประกัน
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยตัวจำเลยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนโดยมี ม.เป็นผู้ประกัน ต่อมาเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยปรากฏว่าผู้ประกันผิดนัดไม่อาจนำตัวจำเลยมาพิจารณาคดีได้เป็นการผิดสัญญา ศาลชั้นต้นจึงสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาประกัน ต่อมาเมื่อผู้ประกันดำเนินการจนได้ตัวจำเลยมาศาลและขอลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นลดค่าปรับ ผู้ประกันอุทธรณ์ขอให้ลดค่าปรับลงอีก ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตาม ป.วิ.อ.มาตรา 119 ผู้ประกันจะฎีกาต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: การไต่สวนพยานลับหลังจำเลยชอบด้วยกฎหมาย หากจำเลยได้รับแจ้งนัดและไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ
บทบัญญัติในเรื่องละเมิดอำนาจศาลเป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจศาลในอันที่จะค้นหาความจริงได้โดย ไม่ต้องกระทำต่อหน้าผู้ถูกกล่าวหาดังเช่นคดีอาญาทั่วไป ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโดยผู้ถูกกล่าวหา มิได้อยู่ด้วยจึงชอบแล้ว อย่างไรก็ดีแม้ว่าในวันที่ 30 มกราคม 2540 ศาลชั้นต้นได้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบก่อนก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนไปไต่สวนต่อในวันที่ 21 มีนาคม 2540 และ ส่งหมายเรียกถึงผู้ถูกกล่าวหาโดยชอบแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีโอกาสโดยบริบูรณ์ที่จะแถลงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ รวมทั้งขออนุญาตถามค้านพยานที่เบิกความต่อศาลแล้ว ตลอดจนนำพยานหลักฐานมาสืบเพื่อหักล้างพยานหลักฐานที่ศาลชั้นต้นไต่สวน แต่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งรับหมายเรียกของศาลด้วยตนเองกลับไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ เมื่อเป็นเช่นนี้การที่ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนพยานต่อไปจนเสร็จสำนวนแล้วมีคำสั่งว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ติดใจสืบพยานจึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องและการพิจารณาคดีเมื่อจำเลยไม่มาศาล ศาลมีอำนาจพิพากษาได้
โจทก์ฟ้องข้อ 1 โดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 53,000 บาท แล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่าเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2531 จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินมอบให้โจทก์ เนื่องจากก่อนทำสัญญากู้เงินฉบับดังกล่าวจำเลยเป็นหนี้ค่าสินค้าโจทก์อยู่จำนวน 33,000 บาท วันที่2 มีนาคม 2531 จำเลยได้มาขอกู้เงินโจทก์จำนวน 20,000 บาท และได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว รวมกับหนี้ที่จำเลยค้างค่าสินค้าเป็นหนี้ทั้งสิ้น 53,000 บาท เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดว่าหนี้ตามสัญญากู้เงินมีมูลมาจากอะไรบ้าง จึงเป็นการแก้ไขคำฟ้องโดยยังคงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไว้เหมือนเดิม คือจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 53,000 บาท ไม่ใช่เป็นการถอนฟ้องในข้อ 1 เดิมทั้งหมดออกไปแล้วเอาข้อความใหม่เข้าแทน ศาลจึงอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยโดยจำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้วเมื่อจำเลยไม่มาศาลในเวลานัด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน คดีเป็นอันเสร็จการพิจารณา ดังนี้ถือได้ว่าการพิจารณาคดีเป็นอันสิ้นสุดลง ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาคดีไปในวันที่มีคำสั่งนั้นได้โดยไม่ต้องแจ้งกำหนดวันเวลานัดฟังคำพิพากษาดังกล่าวให้จำเลยทราบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 133 อีก
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยโดยจำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้วเมื่อจำเลยไม่มาศาลในเวลานัด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน คดีเป็นอันเสร็จการพิจารณา ดังนี้ถือได้ว่าการพิจารณาคดีเป็นอันสิ้นสุดลง ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาคดีไปในวันที่มีคำสั่งนั้นได้โดยไม่ต้องแจ้งกำหนดวันเวลานัดฟังคำพิพากษาดังกล่าวให้จำเลยทราบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 133 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาประกันเนื่องจากจำเลยไม่มาศาลหลังโจทก์ถอนฟ้องคดีความผิดอันยอมความได้ ศาลพิจารณาเหตุผลและลดค่าปรับ
ในคดีความผิดอันยอมความได้ จำเลยให้การรับสารภาพและได้ประกันตัว โจทก์ยื่นคำร้องก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาว่า จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว ขอถอนฟ้อง ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาลก็ต้องถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: การไม่นำตัวจำเลยมาศาล, การประวิงคดี, และการลดค่าปรับตามสมควร
ผู้ประกันไม่นำตัวจำเลยมาส่งศาลตามกำหนด โดยอ้างว่าตัวจำเลยป่วยถึงสองนัดติดต่อกัน ถึงแม้จะมีใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาลแต่ความเห็นของแพทย์ก็มิได้ระบุว่าอาการป่วยของจำเลยรุนแรงจนถึงขนาดไม่สามารถมาศาลได้ และเมื่อศาลให้ทนายจำเลยนำแพทย์ที่ออกใบรับรองมาศาลเพื่อไต่สวน ทนายจำเลยก็ไม่สามารถนำแพทย์มาให้ศาลไต่สวนได้ โดยอ้างลอย ๆ ว่าติดราชการพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าจำเลยประวิงคดี และถือได้ว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน แต่เมื่อศาลมีคำสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกันและออกหมายจับจำเลย ผู้ประกันก็ได้พยายามติดตามนำตัวจำเลยมามอบต่อศาลภายในเวลาเพียง 2 วันนับแต่วันที่ศาลสั่งปรับผู้ประกัน และในวันที่ศาลสั่งปรับตามสัญญาประกันผู้ประกันก็มาศาล แสดงให้เห็นว่าผู้ประกันเอาใจใส่ในหน้าที่ ทั้งช่วยติดตามนำตัวจำเลยมามอบต่อศาลโดยไม่ชักช้า เป็นการให้ความสะดวกรวดเร็วแก่ศาล มีเหตุที่ศาลจะลดค่าปรับให้ตามสมควร.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 กรณีจำเลยไม่มาศาลและศาลไม่สั่งขาดนัด
การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ทั้งที่จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ดังนั้นการที่ศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อไป และมีคำพิพากษาคดีนี้มา จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณา และปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเมื่อโจทก์และจำเลยบางส่วนไม่มาศาล และสิทธิในการขอให้พิจารณาคดีใหม่
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ นอกจากฝ่ายโจทก์ไม่มาศาลแล้ว จำเลยบางคนไม่มาศาลเพราะยังส่งหมายเรียกให้ไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้แม้โจทก์และพยานจะมาศาลก็ไม่อาจสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งเลื่อนคดีไป ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยถือว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 จึงไม่ถูกต้อง กรณีเป็นเรื่องโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด โจทก์ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบด้วยมาตรา 181 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเมื่อจำเลยไม่มาศาลและสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อโจทก์ไม่มาตามนัด
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ นอกจากฝ่ายโจทก์ไม่มาศาลแล้วจำเลยบางคนไม่มาศาลเพราะยังส่งหมายเรียกให้ไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้แม้โจทก์และพยานจะมาศาลก็ไม่อาจสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งเลื่อนคดีไป ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา185 จึงไม่ถูกต้อง กรณีเป็นเรื่องโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด โจทก์ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบด้วยมาตรา181 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการเมื่อจำเลยไม่มาศาลตามนัด โดยอ้างเหตุป่วย ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิสูจน์เหตุผลก่อนตัดสินผิดสัญญาประกัน
ที่ดินซึ่งโจทก์จำเลยต่างมี ส.ค.1 และแย่งกันครอบครองมาจนไม่รู้ว่าใครครอบครองตอนใดส่วนใด ศาลแบ่งให้คนละครึ่ง และเมื่อไม่ปรากฏว่าผลทุเรียนและน้ำยางเกิดจากต้นไม้ที่โจทก์ปลูกทำไว้โดยเฉพาะ โจทก์เรียกค่าเสียหายที่จำเลยตัดเอาไปไม่ได้